เมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๕ ผมได้มีโอกาสไปร่วมต้อนรับอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนและคณะฯที่ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของกลุ่มอาชีพทอผ้าไหม/ผ้าฝ้ายย้อมสีธรรมชาติ บ้านหนองหญ้าปล้อง หมู่ ๙ ตำบลโพนเพ็ก ซึ่งเป็นกลุ่มอาชีพที่ประสบความสำเร็จทั้งในด้านการพัฒนาอาชีพและการพัฒนาชุมชนหมู่บ้าน โดยมีปลัดอาวุโส พัฒนาการอำเภอมัญจาคีรี(นายวิษณุ จันทร์โพธิ์)และคุณทองเลิศ สอนจันทร์ หัวหน้ากลุ่มอาชีพฯให้การต้อนรับ บรรยายและนำชมกิจกรรมต่างๆของกลุ่ม
กลุ่มอาชีพทอผ้าไหม/ผ้าฝ้ายย้อมสีธรรมชาติ บ้านหนองหญ้าปล้องนี้ ได้มีการจัดกิจกรรมเรียนรู้เป็นฐานต่างๆ ได้แก่ ฐานทอผ้าไหม ฐานเลี้ยงหม่อน ฐานสาวไหม ฐานย้อมสีไหม เป็นต้น รวมทั้งมีห้องแสดงสินค้าและห้องจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้า อีกทั้งมีความพยายามใช้องค์ความรู้ภูมิปัญญาชาวบ้านในอดีต เช่น การย้อมสีผ้าโดยวิธีธรรมชาติ และการเลี้ยงไหมป่า รวมทั้งทำให้ชาวบ้านได้มีอาชีพและรายได้ ตลอดจนถ่ายทอดความรู้สู่เด็กและเยาวชนต่อไป
อีกทั้ง กศน.ตำบลโพนเพ็ก ซึ่งได้ตั้งอยู่ภายในพื้นที่กลุ่มฯ โดยการมอบอาคารหลังหนึ่งให้เป็นที่ทำการ กศน.ตำบลโพนเพ็ก (ซึ่งมีห้องคอมพิวเตอร์ ๑๑ เครื่อง พร้อมอินเตอร์เน็ตและห้องทำงาน) โดยมีนางภัชราภรณ์ คำหวาน(ครูภรณ์)เป็นหัวหน้า กศน.ตำบลและนายภาคภูมิ สุจริตกุล(ครูต้อม)เป็นครู กศน.ตำบล ทั้งนี้มีการทำงานร่วมกันหลายอย่าง(ล่าสุด ได้สนับสนุนกิจกรรมอาชีพเลี้ยงไหมป่า)
นับเป็นการบูรณาการงานและกิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆเข้าด้วยกันทั้ง กศน./ชุมชน/กลุ่มอาชีพ/พัฒนาชุมชน ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและความเจริญก้าวหน้าของชุมชน
ผมได้เข้าไปชม เว็บไซต์ กรมการพัฒนาชุมชน http://www.cdd.go.th มีเรื่องน่าสนใจมากมาย มีเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับ กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี หนังสือกระทรวงมหาดไทย ด่วนที่สุด ที่ มท ๐๔๐๙.๔/ว ๙๘๒ ลงวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๕ เรื่อง การดำเนินงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี คลิกดูรายละเอียดที่นี่
๕๐ปี กรมการพัฒนาชุมชน : อุทิศตน พัฒนาคน สร้างชุมชนอย่างยั่งยืน
กศน. ..สร้างสังคมฐานความรู้ และการมีอาชีพอย่างยั่งยืน
นอกจากการย้อมสีธรรมชาติแล้ว การเลี้ยงไหมป่า ก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะลดการนำเข้าและการพึ่งพาสิ่งอื่นๆจากภายนอกชุมชน
ช่วยกันนำองค์ความรู้ ภูมิปัญญาชาวบ้านในอดีต กลับคืนมาใช้ในปัจจุบัน ก่อนจะสูญหายหมดสิ้นไป เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนครับ
ยอดเยี่ยมมากเลยครับ ได้ภาพที่ชัดเจนมากๆ
บางคนกล่าวว่า ช้างเหลียบนาพระยาเหยียบเมืองถึงจะสิ้นเปลืองแต่เป็นมงคล" ว่าอย่างนั้นนะครับ