น้ำใจคนเรานั้น...หายากนัก สังคมโลกจะอยู่ได้อย่างไรกัน


บทความนี้ผมพยายามจะวิเคราะห์ด้วยความรู้สึกลึกๆอย่างเป็นกลางที่สุด (Optimization) ผมกำลังจะเล่าถึงความแตกต่างของคนที่อยู่รอบๆตัวของเราท่านทุกคน
 

คุณเคยคิดบ้างไหมว่า เวลาเราเดินไปตามถนน แล้วเกิดเหตุร้ายขึ้น จะมีคนดีซักกี่คนที่เข้ามาช่วยเหลือเรา

 

เมื่อวานนี้ ณ เมือง  Perth เรากำลังเตรียมจัด Farewell Party ให้กับพี่นักเรียนไทยท่านหนึ่งที่กำลังจะเดินทางไปเก็บข้อมูลวิจัยต่อในเมืองไทย ผมเองก็พยายามไม่คิดอะไร แต่รู้สึกเหนื่อยกายและใจมากๆ อาจเป็นเพราะนอนน้อยเกินไป แล้วยังได้รับบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา (ข้อเท้าแพลง) และตัวเองก็อดไม่ได้ที่จะอยู่เฉย ก็เล่นเดินช่วยงานแบบไม่ค่อยสบายข้อเท้านัก

 

มีพี่ๆน้องๆ สามสี่คนที่ผมมองเห็นความเอางานเอาการ เตรียมกับข้าวและจัดสถานที่สำหรับงานเลี้ยงคนถึงเกือบสามสิบคน เรียกว่าขยันและทุ่มเทกับการจัดงานด้วยความจริงใจ ช่วยเหลือผู้อื่นด้วยลักษณะนิสัยของคนที่มีน้ำใจมากๆ ผมเห็นแล้วถึงกับละอายใจที่จะต้องมานั่งเฉย เลยต้องเดินขาแพลงไปช่วยงานพวกเค้าเหล่านั้นอย่างเต็มที่ รู้สึกดีใจที่ตนเองได้ผ่อนแรงและทำประโยชน์ต่อผู้อื่น แม้ว่าร่างกายจะเจ็บปวด แต่สบายใจที่จะช่วยเหลือผู้อื่น ผมพยายามมองลักษณะนิสัยแบบนี้ของตนเองว่าดีหรือไม่ดี

 

และด้วยประสบการณ์ที่ถูกฝึกให้มองคนแบบลึกๆ เพราะวิชาเฉพาะทางของผมคือ Psychosocial Analyser เป็นลักษณะการมองพฤติกรรมทางจิตสังคมที่เหมาะสมและบกพร่องในคนๆหนึ่งที่กำลังอยู่ร่วมกับผู้อื่น ผมยอมรับว่าตนเองก็ต้องปรับปรุงกายใจให้ดีเท่าที่ตนเองจะทำได้ และไม่เป็นที่เดือนร้อนผู้อื่น ยอบรับว่าเป็นคนที่ Sensitive & Caring Personality มากๆ แต่ผมเองก็ถูกสอนมาว่า การฝึกฝนตนเองให้เป็นคนดีนั้น สามารถทำให้คนไม่ดีเปลี่ยนแปลงได้บ้าง คล้ายๆกับเป็นการรักษาพฤติกรรมบำบัดในทางกิจกรรมบำบัดทางจิตสังคมที่เรียกว่า Behavioral Modelling & Shaping on Occupational Performance

 

การที่คนเราจะเปลี่ยนแปลงกันได้ ไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆ มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้พื้นฐานภาวะทางจิตสังคม (Personal growth on psychosocial basis) พัฒนาแตกต่างกันในแต่ละผู้คน เช่น คนเราต้องมีความพอใจในชีวิตของตนเองต่อความต้องการในระดับหนึ่ง (Self-satisfaction on needs) มีแรงจูงใจเพื่อจะทำอะไรเพื่อตนเองก่อนผู้อื่น (Intrinsic motivation-self centralization) เมื่อตนเองมีความสุขใจแล้วก็จะมีพัฒนาการของ “ความมีน้ำใจและเสียสละเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น (Active minded personality-volunteering drive)”  หากคนเรามีความด้อยของพัฒนาการทางจิตสังคม การมองตนเองมากกว่าผู้อื่นก็จะเพิ่มขึ้น แล้วทำให้เราหาคนที่มีน้ำใจลดลง มีคนเห็นแก่ตัวมากขึ้น (incremental selfish) เป็นผลเสียให้สังคมขาดพลเมืองดี (good citizenship) ต่อไป

 

จากงานเลี้ยงเมื่อคืน ผมลองทดสอบเพื่อนๆที่ผมรู้จักพูดคุย ว่าเค้ามีลักษณะนิสัยช่วยเหลือผู้อื่นๆต่างแตกกันอย่างไร ผมได้ข้อสรุปแล้วครับว่า จากเพื่อนสิบคน สี่คนที่มีน้ำใจและทำให้ผมประทับใจจริง ตัวอย่างเช่น ป๊อปไปนั่งเฉยๆ เดี๋ยวพี่ยกของไปให้ แล้วพี่เค้าก็มาแย่งยกของไปเลยอย่างมีน้ำใจ หรือ พี่ป๊อปๆๆๆ แล้วน้องท่านนั้นก็เข้ามาช่วยจัดของทันทีอย่างจริงใจ กลุ่มที่ผมประทับใจในน้ำใจของเค้า ผมจัดให้มีทักษะทางจิตสังคมที่ดีมากๆ เรียกว่า Active minded skills of psychosocial personality ขณะที่อีกหกคนของเพื่อนที่ผมลองสังเกตพฤติกรรม แทบจะไม่มีน้ำใจเอาเสียเลย ผมขอเรียกว่า Mindless หลากครั้งที่พวกเค้าเห็นผมเดินขาแพลงเข้าไปเก็บจานชามเพื่อไปล้าง แทบจะไม่มีใครในกลุ่มนี้มีน้ำใจมาช่วยเหลือเลย บางคนพูดว่า มีอะไรให้ช่วยไหมแต่ก็ไม่ลงมือมาช่วยเหลือทันที หรือบางคนส่งงานมาให้คล้ายๆเอางานไปทำเลย เค้าจะได้นั่งเฉยๆอย่างสบายใจ ผมกำลังจะตั้งคำถามท่านผู้อ่านว่า ท่านจะทำให้พวก Mindless มีจิตสำนึกของความมีน้ำใจช่วยเหลือคนได้อย่างไร

 

คำถามนี้น่าคิด แต่ยากที่จะตอบและแก้ไขได้ทันที จริงไหมครับ และกลุ่มที่ผมสังเกตพฤติกรรมดังกล่าว คือกลุ่มคนที่อยู่ในระดับผู้มีการศึกษาและมีความสามารถได้ทุนของประเทศมาร่ำเรียนในต่างแดน ท่านลองสังเกตและมองไปในอนาคตว่า สี่ในสิบคนที่เป็นคนมีน้ำใจและช่วยเหลือผู้อื่น ประเทศคงไม่ดีใจแน่ที่ส่งคนดีมาเรียนแต่คนดีทั้งหมดมีน้ำใจกันอยู่เพียงสี่สิบเปอร์เซ็นต์ เหตุการณ์ตัวอย่างนี้เป็นกิจกรรมทางสังคมทั่วๆไปในชีวิตประจำวัน หากพวกเค้าเหล่านั้นมีน้ำใจช่วยเหลือคนด้วยความจริงใจ ผมซาบซึ้งเหลือเกินครับว่า ประเทศชาติของเราคงยังคงอยู่รอดและเจริญก้าวหน้าเมื่อประชากรช่วยเหลือและไม่เอาเปรียบกัน

คำสำคัญ (Tags): #activity#social
หมายเลขบันทึก: 48121เขียนเมื่อ 4 กันยายน 2006 11:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 พฤษภาคม 2012 18:48 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

ชอบมากเลยค่ะ ...ประเทศต้องการคนดีควบคู่ไปกับความเก่ง และต้องการมากกว่า 40 เปอร์เซนต์แน่ๆ ค่ะ แต่ได้ตั้งสี่สิบ ถือว่าไม่น้อยแล้วค่ะ..

คนที่เอ่ยปากจะช่วยแบบลอยๆ ..นั้น ส่วนหนึ่งคิดว่าสังคมตั้งแต่แรกเกิดมีส่วนหล่อหลอมมากค่ะ การจะให้มีน้ำใจต้องอาศัยการเรียนรู้จากการปฏิบัติตามจนกระทั่งเกิดเป็นนิสัยที่ดี อีกหกสิบที่เหลืออาจดีตามสี่สิบ..ถ้าสี่สิบที่มีนั้นค่อยๆชักชวนให้ทำดีมีน้ำใจค่ะ

 

เข้ามาอ่านละป๊อป ขอเป็นกำลังใจให้กับคนดี มีน้ำใจทุกคนต่อไป
เข้ามาอ่านในฐานะคนรู้จัก

ถ้าเราจะมองโลกในแง่ดีหน่อย ก็เหมือนกับคุณจันทรรัตน์นะ คือมีตั้งสี่คนแหนะ ถึงแม้จะมีคนเดียวในส่วนตัวก็ถือว่าดีแล้ว เพราะยังไงซะเราก็ยังได้มีโอกาสรู้จักคนที่มีน้ำใจ

แต่ก็ไม่แน่นะคนอื่นอาจจะมีน้ำใจก็ได้แต่ยังไม่ได้แสดงออกมาเท่านั้นหรืออาจจะไม่ได้สังเกตหรือมองเห็นการณ์รอบตัวตลอดเวลา อาจประมาณว่ากำลังนั่งใจลอยอยู่ตอนป๊อบกำลังต้องการความช่วยเหลือก็ได้ หรือเวลานั้นอาจไม่สามารถช่วยเหลือได้จริงๆ เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจในเหตุการณ์แค่ครั้งเดียว ควรดูนานไปกว่านี้ไม่งั้นก็จะตัดสินคนผิด แล้วยังทำให้ไม่สบายใจด้วย แต่ถึงยังไงการปรับปรุงตัวเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นได้ย่อมดีเสมอ เพราะอย่างน้อยเราจะได้เป็นหนึ่งในสี่สิบเปอร์เซ็นต์นั้นด้วย หรืออาจจะเป็นหนึ่งในร้อยก็ได้ เรียกว่าเป็นการแบ่งปันน้ำใจไปสู่ผู้อื่น

อีกอย่างนะ ช่วยโดยไม่คิดมากหรือไม่หวังผลอะไรตอบแทน หรือคิดว่าเค้าหรือคนอื่นต้องมาช่วยเรากลับนี่ยิ่งดี เพราะทำให้เราไม่ต้องคาดหวังมาก และเราจะเสียใจเปล่าๆ

ก็เคยเจอสถานการณ์คล้ายๆกันนะ เช่นมีเพื่อนคนนึงกำลังง่วนในการทำขนมหรือทำอะไรอยู่จำไม่ค่อยได้ อยู่คนเดียวในขณะที่คนอื่นหลายสิบคนกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน พอดีมองไปก็เห็นว่าเอ๊ะทำไมไม่มีใครช่วยเค้าเลยเหรอ ก็เลยไปช่วยเค้าไง แบบว่าตอนนี้ก็มีสองแรงแล้ว ยังไงก็ดีกว่าแรงเดียวจริงมั๊ย ไม่ต้องคิดไรมาก แถมยังช่วยเตือนสติเราให้ช่วยเหลือคนอื่นดีด้วย

ถ้าไม่ได้สังเกตเห็นก็คงไม่ได้ช่วยเค้านะ

อาจารย์Pop

อาจารย์บรรยาย เจือด้วยความรู้สึกบวก ทำให้ผมอ่านบันทึกด้วยความสุข และชื่นชม คนที่มีน้ำใจ

สังคม คงต้องการน้ำใจ จากคนสู่คน แบบนี้ ซึ่งดูจะแห้งแล้งไปทุกที

ผมเองหากมีโอกาสช่วยเหลือใครได้ จะไม่รีรอครับ ถือว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่ง..ที่ได้ทำและดีใจ สุขใจมากขึ้นเมื่อเห็นเขามีความสุข

การเป็นคนละเอียดอ่อนดีนะครับ เพราะเข้าถึงความรู้สึกของคนอื่นได้ดี

ขอให้มีพลังใจและมีความสุขมากครับ อาจารย์ Pop

คนรู้จักเหมือนกัน

ตอบคุณ เข้ามาอ่านในฐานะคนรู้จัก

เราว่าป๊อปคงไม่สรุปอะไรจากแค่เหตุการณ์เดียวหรอกนะ คงจะหลายครั้ง แต่ยกตัวอย่างครั้งนี้ไง

แต่ยังไงก็ตาม มองโลกแง่ดี แล้วไม่คิดไรมาก จะดีที่สุดเนอะ

คิดว่าเรายังไม่ควรตัดสินคน mindless ให้เร็วเกินไปนักนะคะ เพราะสถานการณ์บางอย่างหรือในบางบริบท ก็จะทำให้คน mindful บางคนไม่ได้แสดงออก

แต่ตัวเองพบว่าสำหรับคนที่ดูเหมือนจะ mindless นั้น หากเรา"ให้"เขาให้มากกว่าที่เขาควรจะได้รับ และสอนวิธีการ"ให้"สำหรับเขา เราจะช่วยเพิ่มปริมาณคน "ใจดี" ได้ค่ะ อีก 60% ที่เหลือนั้น เราอาจจะได้กลับมาอีกครึ่งหนึ่ง แต่เราต้องไม่ท้อไปเสียก่อน และที่สำคัญคือ ต้องมี positive attitude ตลอดเวลาต่อคนทุกๆคน

เห็นใจที่เกิดความรู้สึกเช่นนี้ อาจจะเป็นเพราะว่า คุณอยู่ในภาวะเจ็บปวด เมื่อไม่มีใครช่วยก็เลยเกิดความไม่ชอบที่มีคนเห็นแก่ตัวเช่นนั้น  อย่าท้อไปเลย สังคมก็เป็นเช่นนี้แหละ นี่ยังคนหมู่น้อย ถ้าสังคมใหญ่กว่านี้คุณจะรับไม่ได้  ขอให้เดินสายกลางดีที่สุด ใครไม่ทำก็ช่างเขา ใครทำไม่ดีก็ได้แก่ตัวเขาเอง  พื้นฐานของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถ้ารับไม่ได้ก็พยายามหลีกเลี่ยงเราจะได้ไม่เกิดทุกข์  ทำไมเราต้องสร้างทุกข์ให้ตัวเอง เมื่อเขาไม่ทำเราทำได้ก็ทำ แต่ถ้าไม่สามารถทำได้ก็อย่าฝืน เราต้องรักตัวเราเองด้วย เพราะบางคนมีนิสัยที่ทนดูดายไม่ได้ ก็ต้องทำเองโดยลืมตัวว่าขณะนี้ตัวเป็นอะไร  สรุปขอให้อย่าคิดมากพยายามอย่าทำตัวให้เป็นทุกข์ แล้วความสุขจะเกิดเอง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท