มองชีวิตและแง่คิดจากทริปอินเดีย-เนปาล(๒)


การไปเยือนต่างบ้าน ต่างเมืองต่างวัฒนธรรม ต้องวางความคุ้นเคย มาตรฐานและความชอบของตนเองไว้ อยู่กับปัจจุบันขณะ เปิดใจเรียนรู้ แล้วจะเห็น จะมองทุกสิ่งได้อย่างไม่ตัดสิน ไม่หนักใจ

ที่ลุมพินีเราได้ไปนมัสการสถานที่ประสูติของพระพุทธองค์ แล้วก็ขึ้นเครื่องบินเล็กสามสิบที่นั่ง สนามบินที่ลุมพินีชื่อ ไบรราวา เล็กๆและมีวิธีการเช็คความปลอดภัย ตรวจตัวผู้โดยสารที่ดูแล้วอาจใจระทึก เพราะไม่ได้ให้เดินผ่านประตูอิเลคทรอนิกส์แบบที่เราชิน เขาแยกหญิงชาย เข้าแถว แล้วเข้าไปในห้องทีละคน ปิดประตูมิดชิด เจ้าหน้าที่เขาจะตรวจด้วยการคลำด้วยมือ คลำขึ้น-ลง หน้า-หลัง  เจ้าหน้าที่ผู้หญิงตรวจผู้หญิง เจ้าหน้าที่ผู้ชาย ตรวจผู้ชาย เขาว่าของเขาแน่นอนเชื่อได้มากกว่าเครื่อง ซึ่งเขาทำอย่างสุภาพ ไม่เลวร้ายหรอกค่ะ

นี่คือเครื่องบินที่คณะเราใช้  มีแต่คณะเราเท่านั้น

 

Yeti Airline สัญญลักษณ์เป็นรูปรอยเท้า เยติ ซึ่งเป็นทำนองมนุษย์หิมะหรือสัตว์ในจินตนาการบนเทือกเขาหิมาลัย

บินจากลุมพินี ไป กาฐมัณฑุ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเนปาล ใช้เวลาแค่ ๓๐ นาที หวาดเสียวเล็กน้อย เพราะมีช่วงหนึ่งเครื่องบินลำน้อยของสายการบิน เยติ แอร์ไลน์ จะบินผ่านยอดเขา หุบเขา ซึ่งสวยชวนตะลึง แต่มีลมยก ลมดูดที่มองไม่เห็นให้เครื่องวูบวาบ ต้องท่องนะโม-อะระหังสัมมาสัมพุทธโธปลอบใจตัวเองกันสองสามนาที

มองเห็นเมืองกาฐมัณฑุ  ขณะเครื่องกำลังลดระดับลง ดูอยู่กันหนาแน่น

กาฐมัณฑุ เป็นเมืองที่คึกคัก ผู้คนดูผ่อนคลายกว่าคนอินเดีย คงเป็นด้วยฐานะทางเศรษฐกิจดีกว่าเมืองเล็กๆในรัฐพิหาร และ รัฐอุตรประเทศที่เราผ่านมา ร้านค้าน่าช็อป ดูออกว่าเป็นเมืองที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ไม่เห็นขอทานมาล้อมหน้าล้อมหลัง

อย่างไรก็ตามในเมืองนั้นก็ไม่ได้สวยงามน่าชมอะไรนัก ฝุ่นมากทุกที่ ไกด์บอกว่าเพราะเขาระเบิดหินจากภูเขาเอามาทำปูนซีเมนต์ เพื่อสนองความต้องการก่อสร้างพัฒนาเมืองให้ทันสมัย กาฐมัณฑุเป็นเมืองในหุบเขา ฝุ่นจะไปไหนได้ล่ะคะ ตามแม่น้ำในเมืองก็มีขยะมากมาย ได้เห็นสภาพบ้านเมืองเขาแล้วดีใจที่เราเกิดเป็นคนไทย เมืองไทยยังน่าอยู่กว่ามากนักขนาดที่ว่าบ้านเราสิ่งแวดล้อมก็แย่ลงๆทุกปี

อย่างไรก็ดี การไปเยือนต่างบ้าน ต่างเมืองต่างวัฒนธรรม ต้องวางความคุ้นเคย มาตรฐานและความชอบของตนเองไว้ อยู่กับปัจจุบันขณะ เปิดใจเรียนรู้ แล้วจะเห็น จะมองทุกสิ่งได้อย่างไม่ตัดสิน ไม่หนักใจ

ย่านที่นักท่องเที่ยวต้องไปคือย่านช้อปปิ้ง ชื่อ ทาเมล ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ มากมาย ไกด์จัดอาหารเย็นให้ที่ ร้านครัวไทย อยู่ในย่านช้อปปิ้ง จัดการอาหารเย็นเสร็จได้ซื้อของแค่ชั่วโมงเดียว ย่านทาเมลนี้ร้านรวงมากมายแต่ถนนเล็กมาก รถบัสของเราเข้าไม่ได้ เขาต้องปล่อยเราลงที่ถนนใหญ่แล้วพากันเดินเข้าไป ระยะทางคงไกลสำหรับผู้สูงอายุ ขากลับออกมาเขาจัดคาราวานรถสามล้อถีบพาพวกเราออกมาไปส่งที่รถโค้ชที่จอดรอที่ถนนใหญ่ คิดภาพรถสามล้อถีบ ตามกันออกมากว่าสิบคันในถนนแคบๆ ดีดกระดิ่งกันกริ๊งกร๊าง นักท่องเที่ยวถ่ายรูปขบวนสามล้อถีบนี้กันใหญ่

เรานอนในเมืองกาฐมัณฑุคืนหนึ่ง พักโรงแรมสี่ดาวนอนสบายเชียวค่ะ

มีที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมมากมายในกาฐมัณฑูและเมืองที่ติดๆกันอย่าง ภัคตปูร์

สายๆรถเคลื่อนตัวออกจากโรงแรม กว่าจะไปได้หัวหน้าทัวร์ต้องมาเรียนเชิญพวกช้อปปิ้งไม่เลิกในร้านค้าในโรงแรม มุ่งหน้าไปสักการะ มหาเจดีย์พุทธนาถ ที่แทบจะเป็นสัญญลักษณ์ของกาฐมัณฑุ ร้านค้าอยู่รอบเจดีย์เป็นแนวทิเบตเป็นส่วนใหญ่

 

ที่นี่คนมักซื้ออุปกรณ์ทางศาสนาเช่น กงล้อมนตราแบบมือถือ และ ขัน มีทั้งที่เป็นโลหะและหิน เรียกว่า Singing Bowl ที่เขาเอามาใช้ประกอบการทำสมาธิ ที่เอาไม้วนๆที่ด้านนอกรอบๆจะมีเสียงกังวาน ใส และพากันซื้อข้าวของที่ทำจากหินธรรมชาติสีต่างๆ เช่น ลูกปัด สร้อยคอ พวงกุญแจ จะซื้อผ้าพันคอพาชมินาอีกก็ได้

ส่วนศิลปะการเขียน ภาพทังก้า เป็นภาพแนวศาสนาพุทธแบบทิเบต งานละเอียดมาก ควรได้ชมเป็นขวัญตา แพงแน่นอน ซื้อมาก็ไม่เข้ากับบ้าน เลยได้แต่ชื่นชม

 

จากนั้นได้ไปชมเมือง ภัคตปูร์ Bhaktapur บริเวณที่เรียกว่า Durba Square เป็นเขตุมรดกโลก ก็สวยงามดีเป็นศิลปะแบบฮินดู แม้ว่างานแกะสลักไม้ประตู หน้าต่าง ชายคาจะละเอียดงดงามมาก ผสมผสานกับอิฐและหิน แต่ไม่มีชีวิตชีวาเหมือนศาสนสถานที่ บาหลีซึ่งนับถือฮินดูเหมือนกันแต่เขารักษาศาสนสถานให้มีชีวิตและสะอาดมาก สระน้ำจะมีน้ำเต็ม น้ำใส แต่เหมือนที่เนปาลนี้มีแต่ด้านกายภาพ สระน้ำปล่อยให้แห้ง มีขยะด้วย เราไม่ได้ไปวัดที่มีกุมารีที่ใครๆชอบไปชม ไกด์บอกว่าที่นั่นไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่

 

พออีกวันขึ้นไปยอดเขานาการ์ก็อต (Nagargot)สวยจนแทบลืมหายใจ ยอดเขานี้ตั้งอยู่บนเทือกเขาเป็นเหมือนขอบกะทะของหุบเขากาฐมัณฑุ มองเห็นเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งมียอดใหญ่มากมาย คร้านที่จะไปสืบว่ายอดไหนเป็นยอดเขาเอเวอร์เรสต์ ซึมซับความสงบงามอย่างที่มันเป็นก็มากพอ เห็นแนวเขาที่มีหิมะปกคลุมบางๆเป็นเทือกเป็นทิว ได้เห็นทั้งตอนอาทิตย์ตกและอาทิตย์ขึ้น

อาทิตย์ขึ้น ยามเช้าหนาวเฉียบ

โรงแรมที่พักชื่อ Country Villa เป็นโรงแรมระดับสี่ดาว อยู่ในจุดที่สวยที่สุดในการชมวิวและเป็นรีสอร์ตที่ดีมาก ทุกห้องพักมองเห็นทิวเขาผ่านกระจกห้องบานใหญ่

ที่พักเราเป็นสีเหลืองๆ ปลูกลดหลั่น

อาคารบนเป็นห้องอาหาร,ห้องประชุม และห้องพักชั้นบน

ข้างล่างเป็นอาคารพักชั้นเดียว

ทุกอาคารออกแบบให้ได้วิวเทือกเขาและหุบเขาเบื้องล่างเต็มที่ 

ห้องอาหาร มีมุมนั่งทั้งในและนอกอาคาร จิบกาแฟเห็นวิวพาโนรามาเหมือนอยู่บนสวรรค์

 

อากาศหนาวเย็นเฉพาะเช้าๆและตกค่ำ พอเข้าสายหน่อยสบายๆ

กว่าจะไปถึง รถโค้ชไต่เขาขึ้นไปตั้งสองพันกว่าเมตรทีเดียว ทางแคบนิดเดียว รถจะสวนกันต้องค่อยๆหลบกัน มีบ้านคนและรีสอร์ทเล็กๆเรียงรายไปตลอด

 

คืนที่นอนพักที่ Country Villa บนยอดเขานาการ์ก็อต นี้ เป็นคืนสุดท้ายของทริป รุ่งขึ้นก็จะกลับเมืองไทยกันแล้ว คณะได้มาชุมนุมพร้อมกันในห้องประชุมอันอบอุ่น เพื่อกราบขอบพระคุณพระอาจารย์สมานและขอขมา-ขออโหสิกรรมต่อท่าน หากมีอะไรที่ได้พลาดพลั้งล่วงเกินท่านทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจก็ดี หลังจากนั้นฆราวาสก็หันมาขอบคุณและขอขมา-ขออโหสิกรรมซึ่งกันและกันด้วย เป็นบรรยากาศที่ละเมียดละไมในความรู้สึกที่ได้เดินทางมาร่วมกันจนถึงคืนสุดท้าย

ปิดท้ายด้วยความเมตตาของผู้ใหญ่เสียงไพเราะให้เราได้มีวิบากหูที่ดี คือ คุณสุรภีร์ โรจนวงศ์ พี่ตุ้ม-ศรีไศล สุชาตวุฒิ วรานนท์ และ พี่ต้อม-สกล สุชาตวุฒิ ที่ร้องเพลงสบายๆแบบ Unplug ไม่ใช่คาราโอเกะที่ดังรบกวนธรรมชาติ ขนาดใช้ไมโครโฟนธรรมดายังไพเราะปานนี้ ปกติพี่ๆเขาใช้ไมโครโฟนมืออาชีพตัวละเป็นแสน สมควรแก่เวลาเรากลับไปนอนหลับฝันดีในโอบล้อมของเทือกเขาแสนสวย

วันรุ่งขึ้นTG 320 ออกจากกาฐมัณฑุ จะบินตรงกลับเมืองไทยแล้ว ไม่ว่าที่ไหนจะดีเพียงใด จะสวยเพียงใด ผืนแผ่นดินไทยคงยังเป็นที่ที่มีความสุขที่สุดเสมอในหัวใจของเรา

ขอขอบคุณพี่แป๊วและผู้ร่วมทางบุญด้วยกันทุกท่านอีกครั้งที่ทำให้ทริปนี้เป็นการจาริกบุญและท่องไปท่ามกลางไมตรีจิตของเหล่ากัลยาณมิตรผู้มีธรรมะอันเกื้อกูลกันและกัน สาธุ สาธุ สาธุ

 

หมายเลขบันทึก: 481133เขียนเมื่อ 6 มีนาคม 2012 10:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 13:41 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

เล่าเรื่องเก่งจังเลยค่ะ  

อ่านเพลินๆเชียว

ขอบคุณนะคะพี่นุช:)

สวัสดีค่ะพี่นุช

ชอบอ่านตามที่พี่เที่ยวมาค่ะ....อ่านไปใจผ่องแผ้วเบิกบาน เหมือนได้ไปด้วย....

ขอบพระคุณค่ะ ^_______________^

ขอบคุณที่เขียนบันทึกนี้ เหมือนอ่านสารคดีท่องเที่ยวประกอบภาพสวยๆ ชวนฝัน

ดูๆ ไปเนปาลก็คล้ายเชียงใหม่ ภูเขาล้อม + หมอกควันจะไปไหน

ได้ข้อมูลเพิ่มว่า มีสายการยิน ไทย ตรงไป เนปาลด้วย

ดีใจจังเลยได้อ่านบันทึกพี่นุชอีกแล้ว รอคอยธรรมชาติและสถานที่ท่องเที่ยวที่พี่นุชนำมาฝากอยู่ค่ะ

ปล. พี่นุชลองไปถามเรื่อง CAT CDMA ดูนะคะ http://www.contactcenter.cattelecom.com/thai/radio/CATCDMA_info.asp#anchor5 ส่วนจันมี wifi router อยู่ค่ะได้มาจาก อ. หมอเต็มอีกทีค่ะ จะให้พี่นุชไปใช้นะคะ พอดีจันไปใช้อีกแบบหนึ่งแล้วค่ะ

  • พี่นุชครับ
  • เห้นภาพแล้วงดงามจนอยากไปบ้าง
  • ชอบใจบนภูเขาครับ

สวัสดีค่ะคุณพี่นุช

ตามมาอ่านตอนที่สองค่ะ มาเก็บข้อมูลวางแผนทริปแบบนี้เช่นกันค่ะ

ขอบคุณค่ะพี่นุช

สวัสดีค่ะ

ขอบคุณนะคะได้ไปแอ่วด้วยเลย

ยามเช้าที่หนาวภาพสวยมากค่ะ

ดาไปสุพรรณคิดถึงคนอยู่อยุธยาค่ะ 

 

  • พี่นุชเจ้า..

 

อ่านเรื่องเล่าของพี่นุชด้วยหัวใจเปี่ยมสุข  นั่นคือ..อ่านแล้วยิ้มอย่างมีความสุข   อยากได้เดินทางไปเยือนสถานที่นั้นๆ บ้าง (แต่คงยากยิ่ง)    "เนปาล" สวยจัง  ^^

สิ่งหนึ่งที่ผมเรียนรู้จากการเดินทางก็คือ...

การเติบโตทางโลกทัศน์และชีวทัศน์ของตนเอง

ครับ..เป็นการเติบโตเล็กๆ ที่เป็นความง่ายงามของชีวิต

ขอบพระคุณครับ

ขอบคุณเรื่องเล่าในแง่มุมดีๆที่สัมผัสได้ค่ะ..

สวัสดีค่ะทุกท่านที่ให้เกียรติมาติดตาม แวะเวียนมาเยี่ยม มาชม มามอบดอกไม้ให้กัน

ทุกท่านคงได้เฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ไม่ว่าจะแบบตามประเพณีหรือ สมัยนิยม ก็คงมีความเบิกบานตามสมควร วันนี้เริ่มต้นทำงานหลังจากหยุดมาหลายวัน ขออวยพรให้ทุกท่านมีพลังทั้งกายใจประกอบการงานอย่างมีความสุขและมีผลสัมฤทธิ์เปี่ยมล้นเป็นปลายทางนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท