ดังที่ทราบกันอยู่แล้วว่า ขณะนี้ประเทศต่างๆ ในโลก กำลังพบกับวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ และดูเหมือนว่าแนวทางการแก้ไขปัญหาจะไม่ต่างกันเท่าไรนัก
ขณะที่รัฐบาลไทยถูกวิจารณ์ค่อนข้างมากเกี่ยวกับการกู้เงินจนใกล้จะเต็มเพดาน การก่อหนี้แล้วนั้น เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2552 ที่ผ่านมา Alistair Darling รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของประเทศอังกฤษได้แถลงต่อรัฐสภาว่า จากประมาณการเศรษฐกิจของประเทศที่ปีนี้จะติดลบร้อยละ 3.5 รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี Gordon Brown จะกู้เงินมากเป็นประวัติการณ์ถึง 175 พันล้านปอนด์ เพื่อทำให้ประเทศอังกฤษกลับมาเป็นผู้นำของโลกอีกครั้งหนึ่ง การกู้เงินจำนวนมากในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจคงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก จึงน่าจะเลิกพูดเรื่องนี้แล้วหันไปพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งการจัดเก็บรายได้ชดเชยกันมากกว่า
ในคำแถลงกว่า 49 นาทีของเขา Alistair Darling ได้กล่าวอีกว่า รัฐบาลจะจัดเก็บภาษีจากคนรวยเพิ่มเติม และขึ้นอัตราภาษีเชื้อเพลิง ยาสูบ สุรา เพื่อนำมาชดเชยส่วนต่าง โดยอัตราภาษีสุรานั้นได้ปรับขึ้นไปแล้วร้อยละ 2 หรือคิดเป็น 5 เพนนีต่อเบียร์ 1 แก้ว ซึ่งกระทรวงการคลังประมาณการว่า จะทำให้รายได้รัฐบาลเพิ่มขึ้นกว่า 6 พันล้านปอนด์ภายในปี 2012
การปรับขึ้นอัตราภาษีสุราถูกคัดค้านจากสมาคมเบียร์และผับแห่งประเทศอังกฤษที่อ้างว่า ในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำนี้ผับต่างๆ ต้องปิดตัวลงเฉลี่ยมากถึงสัปดาห์ละ 39 แห่ง แต่กลุ่มองค์กรที่รณรงค์ลดการบริโภคสุรา เช่น The Alcohol Concern ได้ออกมาสนับสนุน โดยอ้างว่า ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาคนอังกฤษดื่มสุราเพิ่มขึ้นมาก ทำให้ปัญหาสุขภาพ ตลอดจนปัญหาอาชญากรรมอันเกิดจากการดื่มสุราเพิ่มขึ้นตามไปด้วย คิดเป็นความเสียหายกว่า 25 พันล้านปอนด์ต่อปี
เมื่อรัฐบาลไทยเองก็มีแนวคิดที่จะปรับปรุงภาษีสรรพสามิตทั้งระบบอยู่แล้วก็ หวังว่าตัวอย่างที่ยกขึ้นมาจากต่างประเทศนี้จะช่วยกระตุ้นให้มาตรการต่างๆ ออกมาได้อย่างรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์ด้วย
(เขียนเรื่องเมืองผู้ดี หนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับวันที่ 25 เมษายน 2552)
ไม่มีความเห็น