จดหมายถึงครู l บทเรียนระหว่างเดินทางกับครู


จดหมายถึงครู l บทเรียนระหว่างเดินทางกับครู

 

กราบสวัสดีค่ะครู

วันจันทร์ที่ตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกไม่สบายกับตนเอง ปวดหัวยอมรับค่ะว่า

 “เพลียและเครียด”

พยายามเตือนตนเองว่า เครียดนั้นเบียดเบียนตนเอง ดูเหมือนสภาพนอนหลับสลบมาตั้งแต่เมื่อวานแต่งตัวออกไปทำงาน เจอพี่ ๆ ที่ต้องออกพื้นที่ทำงานแทนตนเองก็รู้สึก สลดวูบ ได้แต่ถามพี่ ๆว่า มีอะไรให้ช่วยไหม แล้วก็ไม่ได้ช่วยอะไร ผิดศีลข้อ ๑ เบียดเบียนผู้อื่นค่ะ พอนั่งลงทำงานก็พยายามประสานเกี่ยวกับโครงการจริยธรรมที่ถูกปรับให้บูรณาการและช่วงจัดงานเลี้ยงพระวันเกิดศูนย์หนูจะไม่อยู่ เขียนจนเรียบร้อย มาทราบเพื่อเติมว่างานจะจัดอีกสองวัน แม่งานยังไม่แจงงาน รู้สึกปี๊ดเลยค่ะศีลข้อหนึ่งด่างพร้อย แล้วก็มีเสียงเตือนว่า “นี่ยิ่งฝึกทำไมยิ่งถอยยิ่งเอากิเลสมาออกหน้า”  แต่ก็ส่งให้พี่ ๆ ช่วยรับช่วงต่อไปแก้ไขค่ะ ยื่นเรื่องขออนุมัติเดินทาง ทีสะเทือนใจมากก็ตอนสี่โมงครึ่งกำลังเก็บของกลับบ้านหัวหน้าเดินมาบอกว่า

“ติ๋วเดี๋ยวมาดู IPA กันนะพี่ขอแก้ไขส่งวันนี้วันสุดท้าย”

หนูนั่งทรุดลงเลยค่ะ แล้วก็บอกท่านว่า

“ขอด่วนหน่อยนะคะพี่หนูออกเดินทางประมาณห้าโมง”

 ยอมรับว่ากิเลสพาพูดค่ะครู ดึงลมหายใจเข้าแล้วก็แก้ไขตามที่พี่เขาบอกอย่างไม่มีเถียงและอิดออดเพราะไม่มีเวลา รู้สึกกับตนเองอย่างนี้ค่ะครู ข้างในก็ลุ้นว่า ขอให้ทันถึงบ้านก่อนครูมาถึง สาธุ ๆ แล้วก็เสร็จเรียบร้อยตอนห้าโมงสิบสองนาที ประหลาดใจกับตนเองว่าตะกี้เกิดอะไรขึ้น ทำเสร็จรู้สึกโล่งใจ ถ้าเป็นเมื่อก่อนต้องโวยวายเครียดไม่พอใจ สภาวะนี้ก็มีอยู่ค่ะ แต่อยู่ข้างในสั้น ๆ แล้วก็มาระลึกได้กับตนเองว่า

“เพราะครูเมตตาสอนเรื่องนี้”

การทำงานแบบต้องตั้งสติทำ ทำเหมือนไม่มีเวลาอีกแล้ว คิดได้แบบนี้จึงได้ยิ้มกับตนเองว่า ดีอย่างนี้นี่เอง ตั้งใจฝึกนะติ๋ว จากที่เครียดมาตั้งแต่เมื่อวานก็มารู้สึกผ่อนคลายตอนได้เห็นผลเล็ก ๆ ความสำเร็จเล็กจากความบีบคั้นค่ะครู หนูขับรถถึงบ้านก่อนครูโทรมาสักห้านาทีได้ ก็ได้ยิ้มกับตนเอง แล้วก็ยิ้มว่า เทวดายังเมตตาอยู่บ้าง ได้ยิ้มให้ครูจากใจตอนที่เจอกันแล้วครูทักว่า

“เออหน้าตาผ่องใสขึ้น”

 แว๊บกับตนเอง เพียงแค่เรารู้สึกกับความสำเร็จเล็ก ๆ ก็เบิกบานได้นะ เอาหล่ะตั้งใจขับรถให้ครู ข้างในถามตนเอง จะท่องพุท โธกับลมหายใจ รึจะสวดอิติปิโสกับลมหายใจ เพราะเวลานั่งสมาธิท่องพุทโธ สวดอิติปิโสเฉพาะตอนขับรถ ค่ะ จึงลองท่องพุทโธ แล้วพยายามดูข้างในไม่ให้หมอง มาถึงระหว่างทางครูทักว่า

“ขับรถไม่เผื่อเราภาวนาเลย”

สะดุดกับตนเอง งั้นเอาใหม่ สวดอิติปิโสแล้วกัน รู้สึกว่าขับได้นิ่มขึ้นค่ะ แต่ข้างนอกมืดแล้ว ครูสะกิดขึ้นมาอีกว่า

“ภาวนาเก่งแล้วเหรอ ถึงได้ขับรถเร็ว ถ้ามีหมาวิ่งตัดหน้าจะเบรกทันไหม”

“ไม่ทันเจ้าค่ะ”

“เวลาเราขับรถ เรามีสติยิ่งมีคนนั่งมาด้วยยิ่งเพิ่มสติเป็นสองเท่าเพราะว่าต้องรักษาชีวิตคนที่มาด้วย”

คำสอนครูทำให้หนูได้คิดว่า

“ไม่ค่อยคิดถึงครู ตอนที่ขับรถให้ท่าน”

มีแต่กลัวโดนดุจนเครียด เกร็ง อย่างนี้นี่เอง ครูถึงได้เหนื่อย เวลาที่ไปกับหนู แต่ท่านก็เมตตาให้โอกาสครั้งแล้วครั้งเล่า ท่านเอ่ยอีกว่า “ติ๋วสอนยาก บอกอะไรก็ไม่ทำ”

“ให้วิ่งเพราะกิเลสเรามันหยาบก็ไม่วิ่ง ให้เขียนถอดบทเรียนเพื่อสกัดสิ่งไม่ดีออก เอาสิ่งดี ๆ มาเขียนก็ไม่ทำ เราให้งานเยอะๆเพื่อให้ฝึกปัญญาโยนิโสมนสิการก็ไม่ทำ ทำก็ไม่เสร็จ”

ฟังประโยคเหล่านี้ของครูด้วยลมหายใจและมีคำภาวนาในใจค่ะ เหมือนเป็นเสียงกึกก้องอยู่ข้างใน และเป็นคำตอบของสาเหตุแห่งความไม่ก้าวหน้าในตนเองแบบชัด ๆ เป็นสาเหตุแห่งความท้อแท้ ไม่ใช่เพราะครูดุเลย แต่ข้อบกพร่องต่าง ๆ ที่หนูไม่ยอมแก้ไข เป็นสาเหตุให้หนูไม่ก้าวหน้า แถมยังถอยหลังอีกต่างหาก แล้วก็มาโทษครู

“เคยสงสัยไหมว่าเราเป็นบ้าสอนอะไรติ๋ว”

“เคยเจ้าค่ะ”

“แล้วได้คำตอบว่าอย่างไร”

“ได้ว่าครูคงเห็นอะไรที่พอจะสอนได้ พอพัฒนาได้เจ้าค่ะ”

“เพราะเราเห็นความเป็นมนุษย์ เราเสียดายชาติเกิด ได้เกิดมาเป็นแล้ว พ่อ แม่ ก็ดี พี่ชายก็ได้บวช ได้เจอพระอริยะก็ตั้งหลายองค์ ท่านก็เมตตา”

หนูแว๊บเวียนวนคิดตามปรากฏเป็นภาพต่าง ๆ ตามที่ครูชี้ ท่านเอ่ยไม่ผิดสักประโยค หลวงปู่เมตตาสอน หลวงพี่เมตตาใส่ใจ ครูก็หมั่นให้โอกาส แต่ติ๋วไม่ค่อยให้โอกาสตนเองลงมือฝึก

 

“จะเอายังไงหล่ะติ๋ว จะปล่อยโอกาสไปอีกนานแค่ไหน จะยอมให้กิเลสข่มหัวไปอีกนานเท่าไหร่ แกไม่อยากดีขึ้นเหรอ แกไม่เคยยอมแพ้อะไรง่าย ๆ นี่ เอาความไม่ยอมแพ้สิ่งต่าง ๆ มาใช้ในด้านดีซิ เอาความไม่ยอมคนมาเอาชนะด้วยความดี แม่ก็สอนเสมอ ๆ ว่า ชนะคนหน่ะ ให้ชนะด้วยความดี ทำให้คนอื่นหน่ะ ทำให้ดีที่สุด แม้เราจะเหนื่อยแต่ต้องทำให้ดีที่สุด แม่ก็ทำให้เห็นมาทั้งชีวิต ท่านไม่เคยทอดทิ้งใครเลย ได้โอกาสเกิดมาเป็นลูกท่านไม่ได้สักนิดเลยเหรอ ความเอาใจใส่ศรัทธาในการทำสิ่งต่าง ๆ หน่ะ

เอานะติ๋วนะ เลิกสร้างภาพความอยากดูดี แล้วก้าวไปทำเต็มที่"

 

เอาหล่ะมาทำ Routine to research กับตนเอง ข้อบกพร่องของตนเองคือ ละเลยกิจวัตร

ปัญหา

การทำวัตร (กระปิดกระปรอย)

นั่งสมาธิ (กระปิดกระปรอย)

การวิ่ง(กระปิดกระปรอย)

การเขียนบันทึก (กระปิดกระปรอย)

การทำงานส่งครู (กระปิดกระปรอย)

งานที่ทำงาน ออกข้างนอกบ่อย

โหข้อบกพร่อง ที่หนักมาก ๆ ในข้อบกพร่องคือ ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของตนเอง ฉันเป็นใคร ฉันชอบอะไรกันแน่ ไม่รู้แม้กระทั่งนิสัยแท้ ๆ ทำให้นึกไปถึงตอนเด็ก ๆ ดื้อค่ะครู ชอบเรียนรู้ ชอบเล่นอะไรที่เด็กผู้ชายซน ๆ เล่น ขณะเดียวกันก็ชอบงานใบตอง ปักผ้า ดีดฝ้าย ทอผ้ากับคุณยาย แต่ก็ไม่ค่อยทำจริงจัง

กราบขอบพระคุณค่ะครูข้อบกพร่องมาก แต่ก็จะอดทนมองแล้วตั้งคำถามเพื่อแก้ไขแล้วก็ลองทำดูกับตนเองสักระยะแล้วค่อย ๆ ประเมินผล

หนูรักครูค่ะ ไม่ว่าบางคราของการเรียนรู้กับครูจิตใจจะกร้านก้าวร้าว แต่ตอนนี้รู้ว่า ข้างในขอบพระคุณครูและซาบซึ้งใจแค่ไหนที่ได้เรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างจากครูค่ะ

หมายเลขบันทึก: 479403เขียนเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2012 06:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 มิถุนายน 2012 19:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดี ใบไม้อารมณ์ดี ขอนำสูตรนี้มา R2R ตัวเองดูบ้างเพื่อได้ทบทวนและพัฒนา

ยินดีค่ะท่าน (^_^) ขอบพระคุณที่แวะมาค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท