แนะนำได้แบบไม่ได้ เพราะนายต้องเสพเอง


การอยากจากใจจะทำให้มีพลังในการเขียนบันทึกและสร้างสรรค์งานต่าง ๆ, เมื่อนายเข้าถึงแก่นแห่งการจัดการความรู้ นายก็จะได้เห็นในสิ่งที่นายไม่เคยได้เห็น ได้สัมผัสในสิ่งที่นายไม่เคยได้สัมผัส ได้ไปในที่ที่ไม่เคยไป แล้วนายจะรู้ได้ด้วยใจของนายเอง

หลังจากที่เมื่อวานผมได้รับอีเมลล์จากเพื่อนปุ้ย ซึ่งเป็นอาจารย์อยู่ที่คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์


เพื่อนปุ้ยได้เขียนเขียนมาเล่าให้ผมฟังว่า “สวัสดีจ้าคุณจอห์น พอดีกำลังสนใจเรื่อง KM เลยเข้ามาดูในเว็บนี้..ตกกะใจเจอคนหน้าตาคุ้น ๆ อยู่ในเว็บ เธอเก่งมากเลยนะ..ชั้นกำลังสนใจเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่งานก็(..ขอเซ็นเซอร์ครับ) เยอะเลย เอาไว้วันหน้าชั้นจะมีแบบนี้เป็นของตัวเองบ้างนะ แล้วจะขอคำแนะนำจากเธอ..ได้ป่าว..555 ” 


ผมก็ตอบได้ทันทีเลยคำว่าว่า “แนะนำได้แบบไม่ได้ เพราะนายต้องไปเสพเอาเอง”  จึงเป็นที่มาของชื่อแห่งบันทึกนี้ครับ

ขออนุญาตเล่าถึง “เพื่อนปุ้ย” สักหน่อยก่อนนะครับ ปัจจุบันจำชื่อจริงไม่ได้ครับ เพราะเขาแต่งงานแล้วเปลี่ยนทั้งชื่อทั้งสนามสกุลเลย ตอนแรกไปเห็นชื่อที่คณะฯ นึกว่ามีอาจารย์ใหม่มาสอน (กะจะจีบสักหน่อย ที่แท้ก็เพื่อนปุ้ยเรานี่)  เมื่อก่อนชื่อว่า อ.สุปรียาครับ ที่เปลี่ยนชื่อก็เพราะผมเป็นต้นเหตุส่วนหนึ่งครับ เพราะตอนที่อยู่ในคณะฯ ผมเป็นเจ้าพ่อหรือนำทางไสยศาสตร์อีกตำแหน่งหนึ่งครับ โดยเฉพาะเรื่องฮวงจุ้ยครับ


"แต่ถ้าไม่มีเพื่อนปุ้ยก็ไม่มีผมในวันนี้ครับ"

 

(ผมและเพื่อนปุ้ยครับ เรียนจบพร้อมกัน รับปริญญาพร้อมกันครับ)


เพราะบุปเพอาละวาดดลให้เรามาพบเจอกันในครั้งที่ไปเรียนปริญญาโท (M.B.A.) ที่ม.รามคำแหง สาขาสุโขทัยครับ ตอนนั้นผมทำงานที่อยู่ สำนักวิจัย สถาบันราชภัฏกำแพงเพชร


นั่งเรียนไปก็คุยกับไป (แอบจีบสาว) เพื่อนปุ้ยก็เล่าให้ฟังว่า ที่คณะฯ เขารับสมัครอาจารย์ ยังขาดอยู่อีกหลายคน ถ้าผมมีเพื่อนก็ให้แนะนำไปสมัครหน่อย จบโทบริหารธุรกิจ หรือตรีเกียรตินิยมก็ได้ ตอนนั้นก็สบโอกาสพอดีเลยครับ ถึงแม้ว่าจะกำลังเรียนโทอยู่ครับ แต่จบตรีเกียรตินิยม ผมก็เลยไปสอบเองเสียเลย ด้วยเหตุนี้เองก็เลยได้ไปทำงานเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์


“ถ้าไม่มีนายก็คงไม่มีเราในวันนี้นะเพื่อนปุ้ย”

 

ออกนอกเรื่องไปเสียนาน ขออนุญาตกลับไปต่อเรื่องการเขียนบล็อกที่เพื่อนปุ้ยให้แนะนำครับ


จากการที่ผมได้เคยไปสอน ไปแนะนำ และทำงานต่าง ๆ เกี่ยวกับบล็อกมาเป็นเวลาเกือบ ๆ 1 ปี


ตอบได้เลยครับว่า “แทบไม่ได้ผลอะไรเลย” ครับ


พอเราอยู่เขาก็ทำ พอเราไม่อยู่ เขาก็นั่งมองอยู่เฉย ๆ ยิ่งถ้าหัวหน้าหน่วยงานไม่เอาด้วยแล้ว ลูกน้องก็แทบจะไม่มีใครเอาเลยครับ ๆ ก็เพราะเหตุผลสุดฮิต “ไม่ว่างและไม่มีเวลา” (เพื่อนปุ้ยเป็นแบบนี้หรือเปล่าหนอ)


แหม พูดไปได้ครับ คนเราจะไม่มีเวลาได้อย่างไรใช่ไหมครับ เพราะคนเรามีเวลาอยู่แล้วเท่ากันด้วย ก็คือ วันละ 24 ชั่วโมง แล้วบอกได้ไงเน๊อะ ว่าไม่มีเวลา


ทุกคนมีเวลา แต่ทุกคนก็มีงานของตัวเองใช่ไหมครับ


แล้วคราวนี้เราจะเอาเวลาที่เรามี (เท่า ๆ กันเนี่ย) ไปใช้อะไรล่ะครับ
อันนั้นก็สุดแล้วแต่การตัดสินในของแต่ละท่าน โดยขึ้นอยู่กับฐานคิดที่ง่าย ๆ และเบสิคมาก ๆ ครับ นั่นก็คือ “ทำสิ่งใดฉันพอใจมากกว่ากัน” หรือทำอะไรแล้วได้ประโยชน์มากกว่ากัน


อันนี้เราไปตัดสินเรื่องประโยชน์ให้กับเขาไม่ได้หรอกครับ เขาจะต้องตัดสินใจของเขาเอง เพราะแต่ละคนมีบริบทในชีวิตแตกต่างกัน

บางคนมีลูก มีครอบครัว มีทั้งงานราษฎร์งานหลวง ในงานหลวงมีงานหลวงหลักกับงานหลวงรองอีก แถมบางครั้งยังมีงานหลวงแบบพิเศษ ๆ หรือแบบสเปเชี่ยล ด้วยครับ ดังนั้นการตัดสินใจเรื่องประโยชน์เนี่ย ก็ต้องขึ้นอยู่กับเขาเองครับว่า “เขาจะทำอะไร”


จะทำบล็อก เขียนบันทึกหรือว่าทำงานประจำดี......

นั่นน่ะสิครับ อะไรมีประโยชน์มากกว่ากัน


งานราษฎร์กับงานหลวง อื่ม.. แล้วคุณล่ะครับว่าสิ่งใดสำคัญกว่ากัน?

ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่า หลาย ๆ ครั้ง (เกือบทุกครั้ง) ที่มีการอบรมจะมีคนที่นำกลับไปใช้แบบจริง ๆ จัง ๆ ถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากร้อย ก็ได้เพียงแค่เลขหลักเดียวครับก็คือ 0-9 % และเป็น 0-9% แบบถูกบังคับเสียครึ่งหนึ่งอีกต่างหากครับ
 
แล้วเราจะทำอย่างไรดีล่ะ....


จากการที่ผมเฝ้าสังเกตถึงความเป็นไปเป็นมาของสรรพสิ่งใน G2K มาเกือบ ๆ 4 เดือน และยิ่งโดยเฉพาะใน 2 เดือนหลังนี้ที่ได้อยู่ติดกับหน้าจอวันละเกือบ ๆ 10 ชั่วโมง ก็ได้พบความเป็นไปเป็นมาของ G2K
ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดคือพบก็คือความยั่งยืนของ Blogger และการเป็น Blogger นั้น “อยู่ที่ใจ”


ถ้าจะนับ Blogger ที่เป็นแฟนพันธ์แท้จริง ๆ ใน G2K แบบขาเก่า ขาโจ๋ หรือขาประจำ ตอนนี้ในรอบสองเดือนที่ผ่านมา (จากการสังเกตช่วงเวลาประมาณ 09.00 น. – 24.00 น.) นั้นพบว่า จะมีสมาชิกขาโจ๋อยู่ในเลขหลัก 10 ครับ ก็คือประมาณ 10- 99 คน + - หรืออาจจะเรียกว่า Gang หรือ แก๊งค์ตามที่ สมาชิก สคส. เคยได้ Review AI ไว้ก็ได้นะครับ

 

แต่อันนี้ Positive Gang ครับ หรือแก๊งค์เชิงสร้างสรรค์


และผมก็ลองกลับไปย้อนดูถึงที่มาที่ไปของขาประจำทั้ง 99 คน เหล่านี้

ส่วนใหญ่ ไม่ได้ร่ำได้เรียนแบบในห้องเรียนมาครับ คือ "ไม่ได้ผ่านการอบรมเรื่องบล็อกมาอย่างเป็นทางการ"

 

แต่ทุกคน "มาด้วยใจ" ใช้พรแสวงในการทำบล็อก จนทำให้เป็น Blogger ที่ทรงพลังและมีคุณภาพแบบสุด ๆ ครับ


ส่วนใหญ่เคยได้ยินมา เคยรู้จัก เพื่อนบอก แอบดูเขาอบรม เคยเห็นเพื่อนทำ เพื่อนที่เคยไปอบรมมาสมัครให้


สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ไม่ได้มาตามระบบการศึกษาของไทยครับ
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ มาตามระบบ “การศึกษาของใจ”


ฉันอยากทำ เธอช่วยฉันหน่อยสิ ฉันอยากมีบล็อก แนะนำฉันหน่อยสิ ฉันอยากมีบันทึก เขาทำอย่างไรกันเหรอ


“ความอยากที่มาจากใจ” มีค่ามากกว่า “ความอยากไปเข้ารับการอบรม”


ดังนั้นก็เหมือนว่าเพื่อนปุ้ยจะเดินมาถูกทางแล้ว คือ ตอนนี้เพื่อนปุ้ยมีความอยากใช่ไหมล่ะ


แต่เพื่อนปุ้ยมีความอยากที่มาจากใจสุด ๆ หรือยัง


ถ้ายังนะ เราจะกระตุ้นความอยากให้ออกมาจากใจของนายให้สุด  ๆก่อน


เราจะให้นายเข้าไปอ่านบันทึกจากท่านต่าง ๆ เหล่านี้ก่อนนะ
แล้วเพื่อนปุ้ยจะรู้ว่า “ความอยากที่มาจากใจแบบสุด ๆ มันเป็นอย่างไร”

 พลังของ Gotoknow โดยท่าน Prof. Vicharn Panich

KnowledgeVolution ระบบการจัดการความรู้แบบเปิดเผยรหัสต้นฉบับ ระบบแรกของไทย โดยท่าน ดร. จันทวรรณ น้อยวัน

ประโยชน์ของบล็อก Gotoknow  โดยท่าน Prof. Vicharn Panich

บล็อก (Blog or Weblog) คืออะไร? โดยท่าน ดร. จันทวรรณ น้อยวัน

การใช้บล็อกและบันทึกใน GotoKnow ให้เป็นประโยชน์ โดยท่าน   beeman

Update! ผู้รู้ยอมรับว่า Blog คือ เครื่องมือของการ Capturing knowledge ที่ทรงพลัง   โดยท่าน ดร. จันทวรรณ น้อยวัน

ความมหัศจรรย์แห่งบล็อก (ใน GotoKnow) beeman

blog คืออะไร ? โดยท่าน คนสร้างฝัน

Bloc คืออะไร และทำอะไรได้บ้างโดยท่าน raspo

บล็อก: เทคโนโลยีเพื่อการจัดการความรู้ฝังลึก  โดยท่าน ดร. จันทวรรณ น้อยวัน

KM (แนวปฏิบัติ) วันละคำ : 132-2. บล็อก เครื่องมือสื่อออกมาจากใจ  โดยท่าน Prof. Vicharn Panich

"คุณเอื้อ" นักเขียน บล็อก โดยท่าน Prof. Vicharn Panich

บล็อก VS เว็บบอร์ด เครื่องมือ KM ที่แตกต่าง โดยท่าน ดร. จันทวรรณ น้อยวัน

บล็อกให้อะไรมากกว่าที่คุณคิด : กรณีตัวอย่าง โดยท่าน beeman

มุมมองใหม่ต่อระบบข้อมูล - ในมุม KM โดยท่าน Prof. Vicharn Panich

 Comment การเขียนเรื่อง KM ลงบล็อก โดยท่านProf. Vicharn Panich

เราอยากให้เพื่อนปุ้ยอ่านบันทึกต่าง ๆ เหล่านี้ก่อนนะ

เพื่อให้เพื่อนปุ้ยเกิดความอยากจากใจแบบสุด ๆ ก่อน เพื่อที่จะได้ช่วยจุดประกายในการสร้างสรรค์ผลงานจากประสบการณ์ของเพื่อนออกมาให้ได้มากที่สุดนะครับ

"เพราะการอยากจากใจจะทำให้เพื่อนปุ้ยมีพลังในการเขียนบันทึกและสร้างสรรค์งานต่าง ๆ "

เมื่อเพื่อนปุ้ยเกิดความอยากที่มาจากใจสุด ๆ แล้ว

เพื่อนปุ้ยก็อ่านบันทึกถัดไปของเรานะ แล้วเพื่อนปุ้ยจะรู้ว่า "Blog" และบันทึกนั้นสร้างอย่างไร

 

ป.ล. ถ้านายสนใจเรื่องการจัดการความรู้ สิ่งที่เรากำลังทำให้นายอยู่ทั้งหมดเนี่ย คือ "การจัดการความรู้" นะ

 

นายลองสกัดสิ่งที่เราทำ ว่าทำไมเราถึงทำแบบนี้

เพราะแทนที่เราจะบอกนายเฉยๆ แป๊บเดียวก็เสร็จ แต่เราทุ่มเทเวลาให้กับบันทึกนี้หลายชั่วโมงเพื่อนาย อยากให้นายได้แบบคุ้มค่าและเป็นการได้ที่ยั่งยืนนะ

ทำไมเราถึงต้องให้นายอ่านบันทึกตั้งเยอะแยะ ทำไมเราถึงไม่บอกนายเอง

เมื่อนายเข้าถึงแก่นแห่งการจัดการความรู้

นายก็จะได้เห็นในสิ่งที่นายไม่เคยได้เห็น

ได้สัมผัสในสิ่งที่นายไม่เคยได้สัมผัส

ได้ไปในที่ที่ไม่เคยไป

 แล้วนายจะ "รู้ได้ด้วยใจของนายเอง"


ขอพลังแห่งความรู้และปัญญาจงสถิตกับเพื่อนตลอดไป

ปภังกร วงศ์ชิดวรรณ (จอห์น)

 

หมายเลขบันทึก: 47648เขียนเมื่อ 1 กันยายน 2006 16:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:31 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (20)
  • เดินโซเซไปข้างหน้า...(ลิงค์)
  • ขอเป็นกำลังใจให้คุณปุ้ยด้วยนะครับ

 

 

คุณอาจารย์...หลานป้าบวม  ยังบ้าพลังเหมือนเดิม...

คุณปุ้ย...

  • เชื่อเค้าเถอะค่ะ เพื่อนตัวอ้วนกลม   อุ๊บ!! เพื่อนที่แสนดีของคุณ เขาแนะนำสิ่งดีๆ ให้คุณแล้วล่ะค่ะ
  • ดูดิ ตอนนี้ อาจารย์ปภังกร ท่องโลก G2K เสียจนหัวใจเป็นสีชมพูไปเสียแล้ว อิ อิ อิ   (จิงอ่ะป่าว..หลานอารย์)

 

โห...เพื่อนจอน ไม่รู้ว่าจะขอบคุณก่อนดี หรือว่าจะ......ดี เธอเอาประวัติชั้นกับรูปชั้นมาประจานซะขนาดแบบว่า....เลยนะ ไปบอกเค้าทำไมว่าแต่งงง..แต่งงานแล้วอ่ะ....5555 ล้อเล่นอ่ะ..

พอดีว่าได้ไปอ่านใน บันทึกเทคนิคเรื่องการทำบล็อก : จัดการความรู้สู่เพื่อนปุ้ยและทุก ๆ คน  อันนี้ซะก่อน ยังไม่ได้อ่านบันทึกอันก่อน (คืออันนี้แหละ) แหม่...แทบจะร้องไห้เลย...เธอเขียนซะ “ถ้าไม่มีนายก็คงไม่มีเราในวันนี้นะเพื่อนปุ้ย”

ปานว่าชั้นเป็นเทวดาเลยอ่ะนะ (เอ..เอาแถบสีออกไงหว่า) เอาเป็นว่าเดี๋ยวค่อยหัดนะ ต้องทำได้แน่นอน (สัญญากับตัวเองไว้แล้ว) แต่ตอนนี้ต้องตรวจข้อสอบก่อน ดองไว้ 1 อาทิตย์แล้ว 55

ยังไงเราก็จะอ่านที่เธอแนะนำมาให้หมดเลยนะ ก็อย่างที่เธอบอกนั่นแหละ "ใจ"เรามาแล้ว นี่ตอนนี้ก็ต้องเข้ามาอ่านเรื่องของคนอื่น ๆ เก็บเกี่ยวความรู้ ยิ่งเธอแนะนำบันทึกดี ๆ ให้อ่าน ก็ยิ่งดีใหญ่เลย

ขอบใจอีกครั้ง..ไม่ผิดหวังเลยที่ได้รู้จักกับนายและมีนายเป็น "เพื่อน" ที่ดี

  • ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับท่านพี่วีรยุทธ
  • ผมได้เดินโซซัดโซเซเข้าไปเยี่ยมชมและทิ้งร่องรอยตามที่พี่บอกเรียบร้อยแล้วครับ
  • เป็นการเดินโซเซที่มีคุณค่าอย่างใหญ่หลวง
  • ขอพลังแห่งความรู้นี้จงสถิตกับท่านพี่ตลอดไปครับ
  • ตอนแรกเห็นรูปผม เอ้ยไม่ใช่ รูปหมูของป้าบวมแล้วหัวเราะแทบน้ำตาไหล
  • ยิ่งมาได้มาอ่านความเห็นของเพื่อนปุ้ยแล้วกลั้นน้ำตาไม่อยู่เลยครับ
  • ตอบใครก่อนดี ตอนนี้ทั้งขำทั้งตื้นตันเลยครับ

ป้าบวมกับท่านmoomi ก่อนแล้วกันครับ ตามลำดับไหล่ (อายุ อิอิ)

  • พอมาเห็นรูปแล้วคิดได้ทันทีเลยว่า "ป้าบวมทำได้ไง" เป็น positive thinking มาก ๆ เลยครับ แสดงว่าป้าบวมรักหลานคนนี้จริง ๆ จึงได้ทุ่มเทและสละเวลาที่หน้าเหมือนหลานขนาดนี้มาฝาก ขอบพระคุณอย่างสุดซึ้งเลยครับ
  • สำหรับประเด็นที่สอง "เรื่องบ้าพลัง"
  • อันนี้ขอน้อมรับอย่างยินดียิ่งครับ เพราะบล็อกนี้คือบล็อก "ความรู้คือพลัง" ครับ
  • ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้นำเสนอออกมา เป็นสิ่งที่สอดคล้องกันอย่างมิได้นัดหมายไว้ล่วงหน้า
  • แต่ทุกสิ่งที่อย่างก็มาบรรจบกันที่ปัญหา
  • ดังนั้นพลังแห่งความรู้และพลังแห่งปัญญา เป็นการบ้าที่สร้างสรรค์ครับ ป.ล. ฝากอ่านบันทึกเรื่อง ครับป้าบวมกับmoomi
  • สำหรับเรื่องหัวใจเป็นสีชมพูก็เช่นเดียวกันครับ ขอน้อมรับอย่างเต็มหัวใจ เพราะตอนนี้รักกำลังเป็นสีชมพู (อิอิ) เกิดมาไม่เคยมีความสุขขนาดนี้ ใครนะเคยบอกเราว่า "คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า" แต่เราไม่อยากเข้าไม่อยากออก แต่ขอเพียงแค่อยู่กลางใจเธอตลอดไป......5555
  • พูดอะไรต่อไม่ได้แล้วครับ พลังแห่งความรักพุ่งพล่านทั้งหัวใจ
  • ขอพลังแห่งความรักเต็มหัวใจสถิตกับป้าบวมและท่านmoomiตลอดไปครับ

เพื่อนปุ้ย

  • 555... นายจะขอบคุณหรือด่าเราดีเหรอ แล้วแต่นายแล้วกัน แต่เรารู้นะว่านายเป็นคนดี นายไม่กล้าด่าเราหรอก ใช่ป่ะ แหม ไม่ต้องอายหรอก เดี๋ยวคราวหน้าจะเอารูปพี่ตุ้ยมาลงด้วย ตอนที่นายไปตักบาตรที่ใต้อาคารภูมิราชภัฏ จำได้ป่ะ อิอิ
  • นายเป็นเทวดาตัวน้อย ๆ อื่ม หรือใหญ่หว่า
  • นายจำพี่ 1500 ไมล์ได้ไหมล่ะ พี่เขาก็เทวดาน้อย ๆ ตามรายทางต่าง ๆ มากมาย ที่เคยช่วยเหลือเขาตลอดการเดินทาง ชีวิตเราก็เหมือนกันนะ เราก็มีเทวดาต่าง ๆ คอยช่วยเหลือเราอย่างมากมายกว่าที่เราจะได้มาเป็นเราอยู่ที่วันนี้
  • ดังนั้นนายก็เป็นเทวดาน้อย ๆ ของเราคนหนึ่งเหมือนกัน ที่วันนั้นนายได้บอกเราว่า ที่ ม.ราชภัฏอุตรดิตถ์ มีสมัครอาจารย์ ไม่อย่างงั้นเราคงไม่ได้ไปทำงานร่วมกับนายหรอก
  • ดีใจมากเลยที่นายมี "ใจ" มาแล้ว เพราะว่า "ใจ" จะทำให้นายทำงานนี้ได้อย่างมีความสุข และถ้านายยิ่งได้เข้าไปอ่านบันทึกต่าง ๆ แล้วนายจะยิ่งสุขมากยิ่งขึ้น
  • เราจะรออ่านบันทึกนายนะ
  • ขอให้พลังแห่งความเป็นเพื่อนสถิตกับเราและนายตลอดไป

ป.ล. สำหรับแถบสีเหลือที่มันติดมาด้วย ก็เพราะว่า นายแทรกแถบสีเหลือก่อนที่นายจะพิมพ์เสร็จใช่ป่ะล่ะ

ก็คือ ถ้านายแทรกสีสรรก่อน แล้วนาย Enter ต่อมาพิมพ์บรรทัดอื่น แถบสีเหลืองมันก็จะติดมาด้วย ก็เหมือนโปรแกรมเวิร์ดนั่นแหละ ถ้านายคลุมตัวดำหรือปรับตัวอักษรอะไรไว้ นาย Enter ลงมามันก็จะติดมาด้วย

วิธีป้องกัน

นายควรพิมพ์ให้เสร็จก่อนแล้วค่อยแทรกแถบสี หรือตกแต่งความสวยงามที่หลัง

วิธีแก้ไข

ถ้านายเกิดแทรกผิดไปแล้วแบบนี้ นายก็เลือก (คลุมดำ) แถบตัวอักษรที่เป็นสีเหลืองทั้งหมด แล้วนายก็เข้าไปที่แถบเครื่องมือที่นายแทรกแถบสีเหลืองไว้อีกทีนึง แต่คราวนี้นายก็ไปเลือกสีขาว แถบนั้นก็จะไม่มี

 

 

เพื่อนปุ้ยและเพื่อนจอห์น....สองคนนี้เป็นน้องที่น่ารักมาก เรา (ทำตัวเสมอรุ่น...อิอิ) ขอเป็นขบวนการพวกเธอด้วยนะจ๊ะ..การเรียนรู้เป็นสิ่งสำคัญ...ที่แน่ๆๆคนที่มีความคิดที่อยากเรียนรู้นั้นสำคัญกว่าเนอะ..ขอบคุณเพื่อนจอห์นนะจ๊ะที่ทำให้เราอยากเรียนรู้ สร้างรอยหยักในสมองให้มีมากขึ้นกว่าเดิม ขอบคุณเพื่อนปุ้ยที่จะมาช่วยสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นในคณะและมหาวิทยาลัยของเรา...ถ้าพี่รู้ว่าปุ้ยทำ พี่ก็จะได้อยากทำไง..5555.... เจ๊เฟิน

ขอเป็นกำลังใจให้ครับ

เชื่อว่าคุณปภังกรจะทำได้สำเร็จค่ะ เพื่อนปุ้ยของคุณปภังกร ดูท่าจะเป็นคน"เดินด้วยใจ"คนหนึ่งเหมือนกัน ขอเป็นกำลังใจให้ทั้ง 2 ท่านค่ะ มาช่วยกันสร้างสรรค์ความรู้และจิตวิญญาณคู่ตัวเรา และแด่โลก GotoKnow ของคนไทย
  • แต๊งกิ้วมั่กๆ นะจ้ะ อาจารย์หลานจอห์น (รู้ชื่อเล่นแล้ว หุๆๆ...)
  • ที่แนะนำบันทึกดีๆให้ป้าบวมอ่าน
  • ได้อ่านบันทึกของอาจารย์หลานแล้วป้าบวมกะmoomi ก็เพิ่งจะ get !! มิน่าคนที่ทำงานถึงมักจะมองพวกเราแปลกๆ

พอจะเข้าใจแล้วว่าคนแถว office เขาจัดเราอยู่ในประเ

    ขอโทษทียังเม้นท์ ไม่จบ วันนี้ com ป้าบวมมันอืดๆยังไงชอบกล สงสัยจะอืดเหมือนเจ้าของ(บล็อค)

    • พอจะเข้าใจแล้วว่าคนแถว office เขาคิดอะไรกะเราอยู่ เพราะป้าบวมกะmoomi มีคุณสมบัติ ตามที่หลานจอห์นบอก เป๊ะ! อยู่ไม่เป็นสุข อยู่เฉย ๆ ไม่เป็น มีสังคมเยอะ เพื่อนเยอะ ชอบช่วยงาน เมื่อทำสิ่งใดก็ตามก็จะเกิดการเรียนรู้ ปากพูด ตาดู มือทำ  
    •  อ๋อ...ที่แท้ เค้าก็ว่าเรา "บ้า"  นี่เอง เหอะๆๆๆ เอิ๊ก...
    • แต๊งกิ้ว อีกครั้ง ที่แนะนำ บันทึกเรื่องคนบ้า เขียนโดยคนบ้า ให้ คนบ้าๆ อ่าน...
    • โครตรักเอ็งเลย.....ขอโทษที ป้าใช้คำไม่สุภาพแต่รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เวลาได้อ่านคำตอบจากอาจารย์ อ่านไปยิ้มไป (สงสัยจะบ้าจริงๆ..เสียแล้วดิ)

    จอน..มีอีกเรื่องนึงคือว่าที่เราโทรศัพท์คุยกันหน่ะ เรื่องของรางวัลที่เธอจะได้ เค้าเรียกว่า "เสื้อสามารถ"จริง ๆ แล้วก็มีเกณฑ์จากคณะกรรมการด้วยนะ เราได้อ่านในรายงานประจำปี KM ประเทศไทย 2548 มา จากบันทึกของ คุณวัลลา ตันตโยทัย (น่าจะเป็นคุณหมอนะ) ขออนุญาตเผยแพร่ต่อละกันนะคะ

    เหตุผลที่จะได้รางวัล "สุดคะนึง" คือ

    1. จำนวน/ความถี่ของการโพสต์

    2. การเล่าเรื่อง/การบันทึกในสิ่งที่เป็นความรู้ฝังลึกที่ได้มาจากประสบการณ์จริงจากการปฏิบัติจริงในเรื่องนั้น ๆ

    3. การเล่าเรื่อง/การบันทึกที่อ่านเห็นภาพชัดเจนหลังจากการทำ KM

    4. สามารถบันทึกเนื้อหาให้เกิดแรงกระตุ้นทางความคิดและเกิดแรงจูงใจต่อผู้อ่านได้

    5. เรื่องความสวยงามของหน้าบล็อกที่บันทึก

    6. ชื่อเรื่องน่าสนใจและมีแรงดึงดูด

     เอาไว้เป็นความรู้ให้ Blogger ทั้งหลายด้วยนะคะ ส่วนตัวข้าพเจ้าขอเก็บเกี่ยวความรู้ให้มากที่สุดก่อนค่ะ

    ปุ้ย

    หวาย...นายจอน..พอเขียนเรื่องรางวัลสุดคะนึงเสร็จ ก็ไปอ่านบันทึกต่าง ๆ ที่นายส่งมาให้เรา...(เยอะมากอ่ะนะ)  ไปเจอบันทึก "ที่มาและเป็นไปของรางวัลสุดคะนึง" ของคุณพี่ beeman  ซึ่งนายก็เคยอ่านแล้วด้วยอ่ะ แล้วทำเป็นไม่บอกชั้น...เชอะ สอนจรเข้อีกแล้นนน (ปล่อยไก่..ตัวเบ้อเริ่มเลย) 555

    ปล.มีเจ๊เฟินแอบเข้ามาด้วยอ่ะ เจ๊เฟินก็ทำ KM แล้วนะ เขียนไว้ดีด้วยแหละ ลองเข้ามาอ่านได้ที่เว็บของคณะเรานะ

    เพื่อนปุ้ย

    • ขอบคุณมาก ๆ ครับ "เพื่อนเฟิร์น"
    • 555 ทาบรุ่นเจ๊ใหญ่เราเลย
    • ไม่ต้องขอหรอกครับเราการเข้าเป็นขบวนการ
    • gotoknow ไม่มีประตู ไม่มียาม ไม่มีคนคอยตรวจportflio ขอมีเพียงคุณสมบัติเดียวเท่ากันก็คือ "ใจ" ครับ ผมรู้ว่าตอนนี้เจ๊เฟิร์นมีใจแล้ว มีใจมานานแล้วด้วย
    • แต่อาจด้วยเป็นเพราะตอนนี้ยังด้วย "กรรม" และภาระอะไรบางสิ่งบางอย่าง ที่จะต้องทำให้เจ๊เฟิร์นไปวนเวียนอยู่ในกงเกวียนกงกรรมเหล่านั้นอยู่
    • ผมเองอยากให้เจ๊เฟิร์นเข้ามาอ่านบันทึกบ่อย ๆ นะ โดยเฉพาะบันทึกของท่านอาจารย์หมอวิจารณ์ พานิช Prof. Vicharn Panich บันทึกของท่านอาจารย์beeman และบันทึกของท่าน  Ka-Poom  แล้วเจ๊เฟิร์นจะได้คำตอบกับชีวิตอะไรอีกมากมาย โดยเฉพาะในเรื่องของ "จิต" โดยการทำให้จิตนิ่งและเป็นสุข
    • ดีใจมาก ๆ ครับที่ทั้งเพื่อนปุ้ยและเพื่อนเฟิร์น (อิอิ) เข้ามาร่วมขบวนการ
    • ถ้าอย่างไรก็ใช้กระบวนการนี้เข้ามาขยายเครือข่ายสังคมแห่งการเรียนรู้และการจัดการความรู้ทั้งในคณะ มหาวิทยาลัย จังหวัด และทุก  ๆคนที่พี่และเพื่อนรู้จักด้วยนะ โดยเฉพาะเจ๊จิ๊บ เจ๊เจี๊ยบ ทั้งสองท่านมี Tacit knowledge พี่เฟิร์นลองใช้เทคนิค ที่ร่ำเรียนมา โดยเฉพาะเรื่องการจูงใจ ไปใช้กับเจ๊ ๆ ดูนะครับ
    • เป็นกำลังใจและพร้อมที่จะร่วมงานกันเสมอครับ
    • ขอพลังแห่งความเพียรและความรักในความรู้จงสถิตกับทุก ๆ ท่านตลอดไป
    • ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับท่านอาจารย์จรัณธรที่เข้ามาติดตามและทิ้งร่องรอยไว้ตลอดครับ
    • อาจารย์คงงานเยอะมาก ถ้าอย่างไรรักษาสุขภาพด้วยนะครับ
    • ผมนัดเพื่อน ๆ และพี่ ๆ ไว้คอยถล่ม อ้อ ไม่ใช่ครับ ไว้สังสรรค์ตามภาษากัลยาณมิตรไว้ที่บ้านต้นไม้เรียบร้อยแล้วครับ
    • แล้วเจอกันที่อุตรดิตถ์ เมืองไทยครับ
    • ขอพลังแห่งความเพียรและความรักในบ้านเกิดจงสถิตกับท่านอาจารย์ตลอดไปครับ
    • ขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งพี่ โอ๋-อโณ ที่แวะเข้ามาเยี่ยมเยียนเสมอ ๆ ครับ
    • สำหรับเพื่อนปุ้ยและเจ๊เฟิร์น เป็นบุคลากรที่สำคัญและทำงานด้วยใจมาตลอดครับ
    • แต่ด้วยเพราะเป็นบุคลากรที่เสียสละมาก ๆ ก็เลยต้องทำงานหนักกว่าปกติหน่อยครับ (คนทำก็ทำตายเลยครับ คนไม่ทำก็ไม่ทำอะไรเลยครับ เศร้าจังครับ)
    • ตอนนี้ทั้งสองท่านก็กำลังเลือกเดินแห่งที่จะนำพาไปสู่ศานติสุขแล้วครับ ผมก็ต้องตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อเพื่อน ๆ และพี่ ๆ ที่จะเข้ามาพบความจริงแห่งสัจธรรม เพื่อให้ทุก ๆ ท่านพบกับความสุขแท้ครับ
    • ขอบคุณพี่โอ๋-อโณ อย่างสูงอีกครั้งครับ
    • ขอพลังแห่งความรู้และปัญาสถิตกับท่านตลอดไปครับ
    • 55555 คนบ้าเจอคนบ้าเข้าแล้วครับ อิอิ แล้วอะไรจะเกิดขึ้นล่ะทีนี้
    • แต่อย่าลืมนะครับ ท่านป้าบวมกับท่านmoomi เราเป็นพวกบ้าเชิงสร้างสรรค์ครับ
    • เรามีอาวุธก็คือดาบแห่งเจดายที่จะใช้ก็ต่อเมื่อมีปัญญาทางด้านดีกรั่นกรองแล้วว่าควรใช้และใช้เพื่อทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดครับ
    • ฉะนั้นความบ้าของพวกเราทั้งสองจะมีประโยชน์มาก ๆ ครับ อย่างน้อยก็มีประโยชน์ในการสร้างความศานติสุขในใจของเราเองอยู่ทุก ๆ วินาทีครับ
    • สำหรับคำว่า "โครตรักเอ็งเลย" ผมว่าไม่เหมาะครับ เพราะต้องใช้คำว่า "โครตรักป้าเลย" รวมทั้ง "พวกเราโครตรักกันเลย" เพิ่มอีกคำครับ เพื่อเรารักในความถูกต้องใช่ไหมครับป้าบวมและท่านmoomi บ้ายุติธรรม บ้าความถูกต้อง อิอิ
    • อย่าลืมข้าวผัดผมนะครับ ขอสองห่อ เผื่อบ้ามากไปอาจจะต้องไปเช่าโรงแรมห้องรวมแถวบางขวางนอนครับ
    • ขอพลังแห่งความบ้าเชิงสร้างสรรค์สถิตกับสองเราตลอดไปครับ
    • ขอบคุณมาก ๆ เลย "เพื่อนปุ้ย"
    • สำหรับเรื่องเหตุผลของรางวัลน่ะ  ไม่ใช่ปัญหา ไม่ผิดกติกาหรอก นายทำถูกต้องแล้ว มั่นใจในการทำความดีนะ "ถ้าทำดี ทำซ้ำได้ ทำอีกได้ ไม่มีขีดจำกัดนะ"
    • นายเริ่มรู้เรื่องการจัดการความรู้แล้วใช่ไหมล่ะ
    • เราว่านายและเจ๊เฟิร์นจะเป็นกำลังสำคัญและเจริญเติบโตในด้านนี้มาก ๆ เลยนะ เพราะนายทั้งสองคนมีพลังแห่งใจกันมาเต็มถังเลย
    • สำหรับเวปคณะฯ เราเข้าไปอ่านแล้วเมื่อคืน เราติดตามเวปคณะตลอดแหละ (ถึงตัวไปแต่ใจอยู่เสมอ)
    • ถ้ามีสิ่งใดให้เรารับใช้และช่วยเหลือบอกได้เสมอนะเพื่อนปุ้ย
    • ขอพลังแห่งความเพียรและความเสียสละจงสถิตกับเพื่อนตลอดไป

    ป.ล. ถ้านายมีธุระด่วน โทรมาเลยก็ได้นะ โดยเฉพาะช่วง ตีห้าถึงห้าโมงเย็น โทรศัพท์เราโทรฟรี นายตื๊ดมาได้เลย เดี๋ยวเราโทรกลับ

    อ่านจบหมดแล้ว..สำหรับบันทึกที่นายแนะนำเรามา ยิ่งอ่าน ทำให้มีแรงใจใหญ่เลย..ขอบใจมาก ๆ

    ตอนนี้กะลังอ่านพวกเทคนิคต่าง ๆ อยู่ แล้วก็จัดสรรเวลาด้วย...งานที่คณะ ก็อย่างที่รู้อ่ะนะ...มันมีแต่เรื่องด่วน....เสมอเลย

    ปล.คิดได้แล้วว่าจะเขียนเรื่องอะไร..อิอิ

    ปุ้ย

    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท