การเตรียมเทือกส่วนใหญ่ยังคงเริ่มต้นด้วยการเผาฟาง ทั้งที่มีการรณรงค์ส่งเสริมแพร่หลายแต่ชาวไร่ชาวนาก็ยังไม่เข้าใจ อาจเป็นด้วยวิถีชีวิตที่เรียบง่ายแต่เร่งรีบ
หลังจากที่เก็บเกี่ยวผลผลิตออกจากท้องไร่ท้องนาจนเสร็จสิ้นแล้ว ชาวนาในแถบภาคกลางส่วนใหญ่ก็เร่ิมเตรียมแปลงเติมน้ำทำเทือกกันเป็นทิวแถว โดยเฉพาะหลังน้ำท่วมใหญ่ผ่านพ้นไปมีการรีบเร่งทำนาปลูกข้าวกันยกใหญ่เพราะผลจากการว่างเว้นอยู่หลายเดือน ไม่สอดคล้องสัมพันธ์กับรายได้ที่หยุดนิ่งดอกเบี้ยที่วิ่งฉิวงอกเงยเบ่งบาน กสิกรจึงเร่งรีบปลูกข้าวเป็นการใหญ่เพื่อขวนขวายหารายได้ชำระหนี้และเลี้ยงดู ใช้จ่ายในครัวเรือน
การเตรียมเทือกส่วนใหญ่ยังคงเริ่มต้นด้วยการเผาฟาง ทั้งที่มีการรณรงค์ส่งเสริมแพร่หลายแต่ชาวไร่ชาวนาก็ยังไม่เข้าใจ อาจเป็นด้วยวิถีชีวิตที่เรียบง่ายแต่เร่งรีบ จึงทำให้การเผาฟางมีความสะดวกสบายคล่องตัว พร้อมเพรียงทันใจต่อการปิดเปิดประตูระบายน้ำของชลประทานในหน้าแล้งที่เดี๋ยวแจ้งปิดแจ้งเปิดเป็นพักๆเป็นช่วงๆ จนชาวต้องตั้งรับเตรียมตัวให้พร้อมอยู่ตลอดเวลา จนอาจลืมไปว่าการเผาฟางทำให้สูญเสียสารอาหาร สูญเสียระบบนิเวศน์จุลินทรีย์ สูญเสียผิวหน้าดิน ทำลายบรรยากาศชั้นโอโซน ทำลายสิ่งแวดล้อม
อีกทั้งถ้าเปรียบเทียบแบบมองให้เห็นภาพก็เหมือนเป็นการเผาปุ๋ย16-20-0 และ0-0-60 ทิ้งไปอย่างละหนึ่งกระสอบ ถ้านี่คือวิธีการลดต้นทุนเพื่อเพิ่มกำไรก็เท่ากับว่ากำไรหดหายไปแล้วเกือบสองพัน(ตามรายงานผลการวิจัยของสถาบันข้าวนานาชาติ IRRI, Manila, Philippines (1987) ที่รายงานว่า ในฟางข้าวที่ให้ผลผลิตเมล็ดข้าวเปลือกหนึ่งร้อยถังหรือหนึ่งตันจะมีไนโตรเจน 7.6 กก., ฟอสฟอรัส 1.1 กก., และโพแทสเซียม 28.4 กก., แมกนีเซียม 2.3กก., แคลเซียม 3.8 กก. กำมะถัน 0.34 กก. เหล็ก 150 กรัม. สังกะสี 20 กรัม ทองแดง 2 กรัม โบรอน 16 กรัม. ซิลิก้า 41.9 กิโลกรัม คลอรีน 55 กิโลกรัม) มัวแต่คุยนอกเรื่องเสียเพลินเลยทำให้เรื่องการแก้ปัญหาเรื่องวัชพืชในนาข้าวไม่จบในตอนเดียว ไว้บันทึกหน้าจะมาเล่าให้ฟังใหม่นะครับ
มนตรี บุญจรัส