"ที่นี่ไม่ใช่ที่ของผม ... ผมไม่ควรมายืนอยู่ตรงนี้"


การที่ผมตั้งใจไปแสดงความยินดีกับลูกศิษย์ที่เข้าพิธีวิวาห์ในงานเลี้ยงกลางคืนเมื่อเย็นที่ผ่านมา ผมทำได้แค่นำซองมาไว้หน้างาน รับของที่ระลึก เขียนสมุดแสดงความยินดี และกลับบ้าน

ความตั้งใจที่อยู่รับประทานอาหารและบันทึกภาพร่วมกับทางเจ้าสาวเจ้าบ่าวก็เลิกล้มไป

 

มันมีหลายสาเหตุที่ทำให้ผมรู้สึกว่า ...

 

"ที่นี่ไม่ใช่ที่ของผม"


"ผมไม่ควรจะมายืนอยู่ตรงนี้"

 

ผมยังถามตัวเองอยู่เลยว่า "อะไรคือสิ่งที่ทำให้ผมคิดแบบนั้น"

คือ ผมพิจารณาจากอุปนิสัยของตัวเอง

 

"ผมไม่กินเหล้า"

"ผมไม่สูบบุหรี่"

"ผมไม่เที่ยวกลางคืน"

"ผมไม่ชอบงานรื่นเริง"

 

และเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร

 

สิ่งที่ผมได้เห็นในวันนี้ คือ งานเลี้ยงวิวาห์เป็นงานกลางคืน แขกเกรื่อที่มางานก็ล้วนแต่เป็นญาติสนิท มิตรสหาย รุ่นน้อง รุ่นพี่ ของเจ้าบ่าวเจ้าสาว การแต่งกายคือ เหมือนทางตะวันตกที่เวลามีงานปาร์ตี้หรู ๆ ผู้หญิงก็ชุดราตรี ผู้ชายก็ทักซิโด้

ผมอาจจะเป็นคนขวางโลก เป็นพวกออกนอกสังคมกระแสหลักก็ได้

คือ ผมไม่พิสมัยงานแบบนี้เท่าไหร่นัก กิน - ดื่ม - คุย - สังคม

หรือไม่ผมคงเข้าร่วมงานสังคมลักษณะนี้น้อยเกินไป ทำให้ไม่ใคร่ความอยากเท่าไหร่ที่จะตามกระแสแบบนั้น

 

ผมเรียนจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยต่างจังหวัด สาขาวิชาผมเวลามีงานเลี้ยงส่งรุ่นพี่ที่กำลังจะจบ ผมก็จะเห็นพวกรุ่นน้องที่กำลังเรียนอยู่ แต่งแบบอย่างที่ว่า มาอวดกัน

ใครแต่งยังไง ผมจำได้ว่า ผมไม่สนใจ ผมเคยลากแตะ กางเกงวอร์ม สะพายย่าม เข้างานด้วย จนอาจารย์ที่ปรึกษาเรียกไปต่อว่า แต่งตัวแบบนี้มาได้ยังไง

แต่ผมก็รู้สึกเฉย ๆ เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะเอาเงินพ่อแม่มาเช่าชุด ตัดเสื้อผ้าที่ใช้แค่ปีละครั้งแบบนี้ ผมเท่ห์ อาจารย์ยอมรับ แต่พ่อแม่ผมอดข้าว ใครจะมาช่วยผมครอบครัวผมไม่ทราบ ผมคิดแบบนี้

แต่ในครั้งต่อ ๆ มา ผมก็ถือว่า ให้เกียรติต่ออาจารย์ที่ปรึกษา โดยไม่แต่งแบบนั้นอีก แต่ก็ใ่ส่ชุดนักศึกษามาปกติ แต่อาจารย์ก็ไม่ยังคงไม่ชอบเท่าไหร่อยู่ดี (เพราะไม่กินเหล้ากับเขา)

 

เมื่อผมโตขึ้น เรียนอีกระดับ ก็พบว่า นักศึกษาปริญญาตรีในหลายคณะที่นี่ ก็ยังคงมีประเพณีปฏิบัติแบบนี้ ซึ่งผมก็ไม่ชอบอีกนั่นแหละ คนมีเงินคงไม่เป็นไร แต่คนที่ฐานะไม่ดีล่ะ จะเป็นยังไง

 

เมื่อทำงานแล้ว ผมยังคงเหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยนแปลงในการใช้ชีวิตแบบนี้

 

"ผมไม่กินเหล้า"

"ผมไม่สูบบุหรี่"

"ผมไม่เที่ยวกลางคืน"

"ผมไม่ชอบงานรื่นเริง"

 

ผมคิดว่า ...


สิ่งที่ดีควรทำ สิ่งที่เลวควรหลีกเลี่ยง

เรารู้อยู่แล้วไม่ดี เราจะทำไปเพื่ออะไร


เพื่อให้เพื่อนมารักเรา เพื่อให้สังคมมารักเรา ด้วยวิธีการแบบนี้หรือ ผมคงไม่

 

งานแต่งงานค่ำนี้ ... พบลูกศิษย์หลายคนที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเจ้าสาว แต่งกายอย่างที่ผมบอก พวกเขาไม่ได้เติบโตมาในคณะผลิตครู แต่เขาเติบโตมาจากสายวิชาชีพเฉพาะที่ขาดแคลน ดังนั้น กระบวนการหล่อหลอมรุ่นพี่ รุ่นน้องของคณะเขาเป็นแบบนี้มานานแล้ว เพราะเขาไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่า ความคุ้นเคยที่ชินตาและชินใจ ไม่จำเป็นต้องตั้งคำถามอะไรให้มากกว่านี้ เป็นเรื่องของ "สังคม" และอื่น ๆ ที่มากกว่านี้

ผมเดินเข้างานแล้วออกมา ยังพูดลอย ๆ กับลูกศิษย์ที่พบว่า "ครูน่ะ .. บ้านนอกไปเลย เวลางานมาแบบนี้"

 

อืมม ให้จินตนาการเหมือน พรอมพ์ (เขียนแบบนี้หรือไม่) ของพวกฝรั่ง เวลาเราดูจากหนังครับ แบบนั้นแหละ

 

"ที่นี่ไม่ใช่ที่ของผม"

 

ผมควรจะกลับไปอยู่ปลายดอย ยอดเขา ใต้ต้นไม้ มากกว่าที่จะมายืนอยู่ตรงนี้

 

 

แต่ันั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ผมไม่ชอบสังคม

ผมชอบสังคมเพื่อการเรียนรู้ มากกว่า สังคมตามกระแสแบบนี้เท่านั้นเอง โดยเฉพาะสังคมที่แหล่งอโคจรทั้งหลาย

 

ใครสักคนมาทานกาแฟสักคนละแก้ว พูดคุยเรื่องราว

เรื่องเล่าในแง่มุมต่าง ๆ ที่สร้างสรรค์และกล่อมเกลาความคิด พูดไป หัวเราะไป

"เครื่องดื่มที่มีอัลกอฮอล์ ... ไม่ต้อง"

"เสียงเพลงดัง ๆ ... ไม่ต้อง"

"โชว์ต่าง ๆ ... ไม่ต้อง"

มีคนที่พูดคุยกับเราสักคนแล้วมีความสุขด้วยกัน ... ก็เพียงพอแล้ว

 

เีราไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนเยอะ ๆ มีเพื่อนสนิทและเ้ข้าใจเราสักคน ก็พอแล้วมิใช่หรือครับ

 

สิ่งที่เป็นเปลือกนอก ค่านิยมผิด ๆ ในสังคม นับถือวัตถุนิยม กิเลส ตัณหา ราคะ อำนาจ เราจะวิ่งเข้าไปหา หรือ รับเข้ามาเพื่ออะไรกัน

เพื่อให้สังคมยอมรับกระนั้นหรือ

 

ผมคง "ขวางโลก" มากเลยใช่ไหมครับที่ริอาจ "ทวนกระแส"

ผมคงเป็นปลาตัวหนึ่งที่พยายามเอาชีวิตรอดด้วยการว่ายน้ำทวนกระแสสังคมอยู่

และผมก็คงเป็นเพียง "คนบ้า" คนหนึ่งเท่านั้น ไม่จำเป็นสลักสำคัญมากกว่าใคร ๆ

เพราะผมพบว่า ความเงียบ คือ ความว่าง และ ความว่าง ก็คือ ความสุขสงบที่แท้จริง

คนบ้าคิดได้แค่นี้เองครับ

ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

 

บุญรักษา คนดีทุกท่าน ;)...

หมายเลขบันทึก: 475618เขียนเมื่อ 22 มกราคม 2012 03:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 มิถุนายน 2012 16:37 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (44)

The flow is getting stronger.

Everywhere else outside our home is not our place.

If we have children...

Then even inside our home, we'd feel, we no longer belong.

Go with flow or stand aside?

No, it is not a question but a decision!

สวัสดีค่ะอาจารย์

อ่านบันทึกแล้วไม่ได้มองว่าอาจารย์ขวางโลกแต่มองว่าเป็นอีกความคิดที่น่าชื่นชมค่ะ

"ความเงียบ คือ ความว่าง และ ความว่าง ก็คือ ความสุขสงบที่แท้จริง

ส่วนตัวแล้วก็จะรู้สึกคล้ายๆกันกับอาจารย์ค่ะ

  • มันก็เป็นแค่มารยาททางสังคมและความเหมาะสม เท่านั้นเอง
  • หากไม่ใช่ก็แสดงความยินดี แล้วก็ออกมา  ...(จบ)

บันทึกนี้เป็นเสียงสะท้อนที่ตรงใจมากค่ะท่านอ. วัต

เด็ก ๆ สมัยใหม่ก็ควรได้อ่านเพื่อสร้างจิตสำนึกที่ดี

ผมเท่ห์ อาจารย์ยอมรับ แต่พ่อแม่ผมอดข้าว

คนมีเงินคงไม่เป็นไร แต่คนที่ฐานะไม่ดีล่ะ จะเป็นยังไง ???? (ยังไม่ได้คำตอบ..แบบว่า..คิดเอง..อิ อิ..^_^)

"ผมไม่กินเหล้า"

"ผมไม่สูบบุหรี่"

"ผมไม่เที่ยวกลางคืน"

"ผมไม่ชอบงานรื่นเริง"

 

ผมคิดว่า ...


สิ่งที่ดีควรทำ สิ่งที่เลวควรหลีกเลี่ยง

เรารู้อยู่แล้วไม่ดี เราจะทำไปเพื่ออะไร

จะมีเด็กสักกี่คนที่คิดได้เยี่ยงนี้หนอ..ได้แต่หวัง ๆ ๆ ว่าคงจะมีอยู่บ้างเนาะ..หุ หุ

 

ใครสักคนมาทานกาแฟสักคนละแก้ว พูดคุยเรื่องราว

เรื่องเล่าในแง่มุมต่าง ๆ ที่สร้างสรรค์และกล่อมเกลาความคิด พูดไป หัวเราะไป

"เครื่องดื่มที่มีอัลกอฮอล์ ... ไม่ต้อง"

"เสียงเพลงดัง ๆ ... ไม่ต้อง"

"โชว์ต่าง ๆ ... ไม่ต้อง"

มีคนที่พูดคุยกับเราสักคนแล้วมีความสุขด้วยกัน ... ก็เพียงพอแล้ว

อืม..คนขวางโลกเจง ๆ ..(ฮา)


ความเงียบ คือ ความว่าง และ ความว่าง ก็คือ ความสุขสงบที่แท้จริง"

เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งค่ะ

  • ขอบคุณบันทึกดี ๆ และขอให้มีความสุขทุกวันนะคะ..^_^

ของฝากจากการเป็นบ้านนอกเข้ากรุง ..มีโอกาสได้ไปไหว้พระแก้วมรกต ณ ป้ายรถเมล์ มีชาวต่างชาติคนนึงนั่งวาดภาพวัดพระศรีรัตนศาสดารามเงียบ ๆ ที่ริมถนน..

 

สวัสดีค่ะ อาจารย์

ชอบประโยคนี้ค่ะ ในฐานะคนสอนคน

"สิ่งที่ดีควรทำ สิ่งที่เลวควรหลีกเลี่ยง

เรารู้อยู่แล้วไม่ดี เราจะทำไปเพื่ออะไร"

อยากให้คนคิดได้กันมากๆ

เห็นด้วยกับที่อาจารย์คิดทุกอย่างครับ และแม้ผมจะไม่ขวางแต่ผมก็ไม่ตามในสิ่งไม่ดีครับ เลือกตามแต่สิ่งดี ๆ ที่เหมาะกับตัวเองด้วยเช่นกันครับ

  • เป็นการกระทำที่ไม่แปลก...แต่ความคิดหรือการกระทำของเราอาจไปขวางกับความคิดหรือการกระทำของผู้อื่นกระมังค่ะ
  • สำหรับผู้เขียนเอง อาจยิ่งไปกว่าอาจารย์ก็ได้ค่ะ ในใจจริง ๆ ก็ไม่ค่อยจะไปร่วมพิธีแบบนี้สักเท่าไหร่ แต่ถ้ามีการ์ดมาให้ เราก็จะฝากซอง + เงินไปให้ เพราะไม่ค่อยเหมือนกันกับการที่ต้องไปนั่งหรือปั้นหน้า บางครั้งก็เห็นว่า คนที่ไปชอบนั่ง (สุมหัวนั่งนินทากัน...ที่งานยังไม่พอ ยังเก็บเอาไปเม้าท์ต่อเมื่อเลิกงานอีก)...
  • ถ้าที่บ้านมีงาน ถ้าเป็นของเราเองส่วนใหญ่จะจัดแบบเฉพาะครอบครัว บางงานก็จะไม่บอกใคร อาจเป็นเพราะว่า "เราทำได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น"...แต่ที่เห็นบางคนจัดงานใหญ่มาก อาจเป็นเพราะสังคมไทยดั้งเดิมเป็นแบบนั้น...บางคนที่อ่านอาจคิดว่าเราแปลก!!!...แต่ความจริงไม่น่าแปลก เพราะที่คนส่วนใหญ่ทำกันอยู่ทุกวันนี้ ก็สังคมไงค่ะ...นี่คือ สังคม แต่สังคมบางสังคมก็ไม่ใช่ "ตัวของเรา"...
  • เมื่อมีสังคม ก็จะมี บุหรี่ เหล้า การเที่ยวกลางคืน ฯลฯ เข้ามาอยู่ด้วย แต่ถ้าเราดูแล้วว่า เราไม่เหมาะ เราก็ไม่ควรฝืนที่จะไป...แต่คนส่วนใหญ่ก็จะชอบมองว่า "เราเป็นคนแปลก ๆ"...เหมือนแกะดำ แกะขาว
  • สำหรับผู้เขียน ขึ้นอยู่ที่ความพึงพอใจและนิสัยใจจริง ๆ ของเรามากกว่า ถ้าไม่ชอบ ก็ไม่ไป ถึงแม้จะอยู่ในสังคม ก็เพราะเรามีเหตุผลของเรา "ก็เราไม่ชอบ ใครจะมาบังคับเราได้ ก็สิทธิของเรา"...บางคนยังบอกว่า จะตายคนเดียวเหรอ...ผู้เขียนยังคิดว่า "แล้วที่เราตายใครจะมาตายเป็นเพื่อนเราเหรอ"...คริ ๆ ๆ ...มันเป็นความคิดของแต่ละคนค่ะที่ไม่เหมือนกัน...สังคมไทยน่าจะยอมรับได้นะคะ...แต่ความเป็นจริง..."ยังหรอกค่ะ สังคม ยังว่า ประณามคนที่ไม่เข้าร่วมกับสังคมประเภทนี้ได้"...แต่ถ้าเราอยู่ได้ ก็จะไปแคร์อะไรเล่าค่ะกับคำพูดของคน เพราะยิ่งสังคมใหญ่โต คำพูดของแต่ละคน ความคิดของแต่ละคนย่อมมีความแตกต่างกัน...สำหรับเรา เราก็คือเราค่ะ...
  • เป็นกำลังใจให้ค่ะ...เพราะความคิดจะคล้าย ๆ กันค่ะ...

เย้ๆ เจอคนเหมือนกันแล้ว

และเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงติด gotoknow มากกว่า facebook

...

ไม่มีที่ใดสุขใจเท่าห้องเล็กๆ โล่งๆ ที่เป็นโลกของเรา

ÄÄÄÄÄÄÄÄ...อ่านแล้วดีใจ..ที่(ยายธี)..คิดว่าตัวเอง.."เซอ".อยู่คนเดียว..อ้ะะๆๆ.(คำนี้เรียนมาจากเมืองไทยขณะที่"ต้องไปในๆที่ๆไม่ใช่.."ตามความรู้สึก"..)..เลย.ยอม.(เซ่อ)..ที่จะ.ไม่.ตามไป..ในสังคม..และสิ่งแวดล้อม..ที่เป็นๆ..๕๕๕๕...๖...และขอบคุณที่เขียน..ความรู้สึกชนิดนี้..มาแบ่งปัน..."ขอเป็นเพื่อนกับ..ความรู้สึกนี้..ด้วยคน..อ้ะ..ยายธี

โดนใจมากๆค่ะ

เราเลือกที่จะอยู่ในที่ของเราและแบบที่เราเป็น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะให้คนอื่นเขาเป็นเหมือนเรา เห็นดีเห็นงามไปกับเรา

เฮ่อ!! อายุจนป่านนี้เลย ไม่เคยมีชุดราตรี ไม่ว่าจะสั้นหรือยาว กลางวันหรือกลางคืน

ใส่อยู่ครั้งเดียว ก็ตอนงานแต่งงานของตัวเองนั่นแหละ

 สุขสันต์วันปีใหม่จีนค่ะ

โห..โลกส่วนตัวสูงนะ อาจารย์ Wasawat เป็นตัวของตัวเองดีเนอะ ติสสสส..มากเลยอ่ะ แต่หนูว่าอาจารย์

น่าจะอยู่สังสรรค์ต่อนะ จะได้ดูพิธีรีตรอง ว่าเค้าทำกันยังไง จะได้ทำตัวถูก เวลาถึงงานตัวเองน่ะ :-) อิอิ

5 5 5 อ. เสือโหด โสดสนิท ศิษย์เป็นลม ขมงานหรู ดูขวางโลก ...

อ่านแล้ว ถ้าเป็นวงเล่า ต้องได้ตบเข่า ป๊าด ได้ใจ คนคอเดียวกันเน่อเจ้า

"สถานะ" อาจจะทำให้เราเปลี่ยนไปในอนาคต หรือ ยังมั่นคงเช่นเดิม ก็ไม่ทราบนะครับ

ขอบคุณมากครับ ท่าน sr ที่ได้ทัศนะที่น่าคิดเช่นกันนะครับ ;)...

ขอบคุณมากครับ คุณ ถาวร ;)...

ถือว่าเป็นกำลังใจหนึ่งที่ทำให้ผมทราบว่า ผมยังปกติอยู่นะครับ ;)...

บันทึกนี้เป็นบันทึกที่พี่พยาบาล สีตะวัน ได้แสดงความคิดเห็นได้ยาวบันทึกหนึ่งเลยนะครับ ;)...

ถึงแม้ผมจะสอนหนังสือเด็ก ๆ มาหลายปี แต่ผมเองก็ไม่แน่ใจว่า มีใครสักคนคิดและทำแบบนี้หรือไม่นะครับ ... แต่สิ่งที่ผมเห็นก็คือ ประเพณี วัฒนธรรมของรุ่นพี่ รุ่นน้องบางอย่าง มันบดบังความคิดดี ๆ แบบนั้น อีกทั้งครูบาอาจารย์บางคนนั้นก็เป็นต้นแบบที่เลวอีกด้วย

คิดได้ ถือว่า ดวงตาเห็นธรรม ... หากเขาเข้าใกล้ผม เขาอาจจะซึมซับอะไรบางอย่างจากผมไปบ้างก็ได้นะครับ แต่น้อยครับ ส่วนมากขาดคนสอนให้คิดในเรื่องพวกนี้ครับ

 

Ico_cimg1839
 
ภาพนี้ชอบมากครับ ... ภาพนี้ "มีชีวิต" จริง ๆ ครับ
 
ขอบคุณมากครับ ;)...

ผมเชื่อว่า ด้วยวิญญาณแห่งความเป็นครูที่คุณครูนก noktalay มี คุณครูนกต้องสอนลูกศิษย์อย่างที่ผมเขียนไว้เช่นกันนะครับ

ขอบคุณมากครับ ;)...

ขอบคุณมากครับ คุณ nobita ที่มาเป็นปลาว่ายน้ำทวนกระแสเหมือนกัน

ขอให้ได้รับสิ่งดี ๆ อยู่เสมอนะครับ ;)...

หากเราพูดตามศัพท์ทางจิตวิทยาสังคม เราก็คือ Outsider คนนอกวงการ หรือนอกสังคมไปเลยครับ

เพียงแต่สังคมคิดว่า เขาน่ะ ไม่ต้องการเรา แต่เราน่ะก็คิดว่า เราต่างหากที่เป็น "คนเลือก" เอง การไม่สนใจจึงเป็นเรื่องที่เราควรเป็น ควรทำ มั่นคงเอาไว้ในสิ่งดี ๆ ครับ

คำว่า "สังคม" ของหลาย ๆ คนนั้นทำเพื่ออะไรบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวเองเป็นหลัก การที่เข้าสู่วงอโคจรบางอย่าง ก็เพราะคำว่า "สังคม" ครับ

"กาลเทศะ" ในแง่ของสังคมจึงใช้ได้ดี คือ มีสิ่งดี ๆ เราร่วม มีสิ่งไม่ดี เราไม่รับ

ขอบคุณมากครับ พี่ บุษยมาศ ;)...

v_v อ่ะ คุณหมอบางเวลา ป. กุ้งเผา เหมือนกันจริงอ่ะ ?

แต่ก็คงเหมือนกันแหละ ไม่ชอบ facebook อยู่แต่กับ gotoknow

"ที่นี่เป็นพื้นที่ว่างทางความคิดของเรา"

ขอบคุณมากครับ

ป.ล. กาแฟดอยช้างอ่ะ มา ม่ะ คุณหมอเลี้ยงนะ ;)...

ขอบคุณมากครับ คุณ ยายธี ;)...

ร่วมแก๊งค์ "เซอ" ด้วยครับ

อายุป่านนี้ นี่ ! ป่านไหนครับ พี่นก NU 11 ;)...

แน่นอนครับพี่ ผมเป็นอย่างที่ผมเป็นจริง ๆ แหละ แต่ไม่ได้เบียดเบียนใครนะครับ

ขอบคุณมากครับพี่ ;)...

นอกจาก "ที่นี่ไม่ใช่ที่ของผม" แล้ว "ที่นี่ผมยังไม่มีที่นั่งทานข้าว" อีกต่างหาก 555

ไม่ต้องศึกษางานครับ เพราะไปมาหลายงานแล้วแหละ

ที่ไม่ชอบ คือ ไม่ชอบค่านิยมที่มันพ่วงต่อและเชื่อมโยงมา และก็ไปในแบบนี้ครับ

ขอบคุณมากครับ คุณครู Nopparat Pongsuk ;)...

คุณ Poo ... ฉายาผม ยาวกว่าเดิมอีกอ่ะ 555

อ.เสือโหด โสดสนิท ศิษย์เป็นลม ขมงานหรู ดูขวางโลก

ชอบบันทึกนี้มากเลยค่ะ

 

พี่ไม่คิดว่าการแต่งกายแบบใด ควร หรือ ไม่ควรกับงานแบบไหน

ยกเว้นชุดนักศีกษา นักเรียน กลุ่มคนทำงานที่จำเป็นต้องมีแบบฟอร์ม

 

ส่วนตัวนุ่งยีนส์ดำแบบเรียบและเสื้อเชิ้ตเรียบมานานแล้ว ซื้อตลาดนัดด้วย ไม่ติดแบรนด์

ลูกชายเคยไปช่วยกันกับแม่ลำเลียงของช่วยน้ำท่วม เขาแต่งกายชนิดที่ วัยรุ่นด้วยกันเห็นต้องเรียกว่า ลุงเชย

เราพ่อแม่ ยินดีที่เขาไม่เสียเวลากับเรื่องการแต่งกายแบบเท่

 

เห็นด้วยทุกประการ แม้ตัวเองยังทำไม่ได้ทั้งหมด ค่ะ

คุณหมอเล็ก ภูสุภา ครับ

เจ้าของบันทึกเขาเป็นคนแบบดิบ ๆ แบบนั้นแหละครับ ;)...

แต่เขารักในหลวง และรักประเทศไทยนะครับ ;)...

"ความธรรมดา คือ ความเรียบง่าย"

"ความเรียบง่าย คือ ความสุข"

"ความสุข คือ การหลุดพ้นจากวัฏสงสาร"

ขอบคุณมากครับ ;)...

แต้ก่านิ อ. เสือ คริ..คริ..

เกินจะเชื่อเลยใช่ไหมครับ คุณครู Rinda ;)...

แต้สุด ๆ ครับ ;)...

มีเพื่อนแล้ว 555

ผมไม่กินเหล้า"

"ผมไม่สูบบุหรี่"

"ผมไม่เที่ยวกลางคืน"

"ผมไม่ชอบงานรื่นเริง"

เคยใส่รองเท้ายาง สะพายย่ามขึ้นโรงพักไปพิมพ์รายนิ้วมือ (เพื่อรับราชการ) ตำรวจไม่อยากทำให้ คิดว่าพวกมาประท้วง 555

ยินดีนัก ๆ ครับ ท่านอาจารย์ ขจิต ฝอยทอง ;)...

เหมือนเป๊ะ ! 555

ชอบบันทึกนี้มากครับ

ผมมีประสบการณ์ ผมจบ ป.โท ใหม่ ๆ จบ ที่ มศว. ประสานมิตร ครับ ผม ไปเช่าครุย

ที่ ท่าพระจันทร์ นั่งรถสาย ๓ รถแดง(ผมพักแถวดอนเมือง-หลักสี่) ผมไปเลือกครุย เจ้าของร้าน ไม่สนใจ ไปสนใจ เด็กที่จบปริญญาตรี

นั่งรสเก๋ง วันนั้น ผม กางเกงยีนขาด ที่ขา ขาดจริง ๆ ไม่ใช่แฟชั่น รองเท้าแตะ แต่เขาให้เช่า พอเสร็จพิธี ผมไปส่ง

ผมงง เจ้าของร้านครุย บอกวันนั้น ไม่เชื่อว่า คุณจะมีการศึกษา ระดับนี้ ผมเลย ถาม คุณได้ไปดูพิธีหรือ เขาบอกว่า เปล่า วันนั้น

คุณแต่งตัว...อย่างที่ผมบอก

ครับ คนเราดูกันที่เปลือก

(ป.ตรี ผมไม่รับ พอ ป.โท ก็จะไม่ไป แต่เพื่อนรุ่นน้อง ให้ไปเลยไปเป็นเพื่อน)

ไม่ว่าเราจะศึกษาธรรมะมากมายกันแค่ไหน แต่ศึกษาแล้วไม่ได้ปฏิบัติ หลายคนยังเลือกที่จะเลือก "เปลือก" ที่ห่อหุ้มกายของเรามากกว่าสิ่งที่เรามี หรือ เราเป็น ที่มาจากสิ่งดี ๆ ภายในครับ

ขอบคุณเรื่องเล่าแลกเปลี่ยนกันนะครับ คุณ แว่นธรรมทอง ;)...

ขอกวีสักบทสิครับ สำหรับการสะท้อนเรื่องราวเรื่องนี้ ;)...

สวัสดีครับท่านอาจารย์

ผมคิดว่าท่านอาจารย์ปรกตินะครับ เพียงแต่ไม่เหมือนคนส่วนมากที่เขามีจริตในแบบของพวกเขา ท่านอาจารย์คล้ายผมครับซึ่งผมเข้าใจในทำนองของผมว่าจริตใกล้เคียงกัน ความชอบ ความไม่ชอบ พึงใจ ไม่พึงใจ เป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล เพียงแต่หากเรารู้ตัวเราว่าเราเป็นคนเช่นไร เหมาะกับอะไร ควรอยู่ที่ไหน อย่างไร และไม่ประเมินความดี หรือไม่ดีอย่างไร เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วครับ ^^"

ชื่นชมและนับถือครับผม

ชอบบันทึกและมุมมองอาจารย์มากครับ

แต่ยังต้องไปงานแต่งงานอยู่

เพราะเพื่อน ๆ ยังโสดอีกหลายคนครับ

ขอบคุณข้อคิดที่เตือนสติผมเอง

"....สิ่งที่ดีควรทำ สิ่งที่เลวควรหลีกเลี่ยง

เรารู้อยู่แล้วไม่ดี เราจะทำไปเพื่ออะไร..."

 แหม!!อ.was ก็อายุปูนนี้ไง  อิอิ  ^-^

 

"จริต" เป็น "ปัจเจกบุคคล" ;)...

ขอบคุณสำหรับข้อคิดจากอาจารย์ ธนากรณ์ ใจสมานมิตร มาก ๆ ครับ ;)...

มีคน "จริต" ตรงกับผมเยอะเหมือนกันนะครับเนี่ย ;)...

อ๋อ ตามสบายครับ คุณหมอ ทิมดาบ ;)...

บังเอิญผมอยู่ไกลเพื่อนร่วมรุ่นไปเยอะ

ผมก็เลยเหมือนอยู่หลังเขา หลังดอย

ชีวิตจึงยังเงียบ ๆ สบาย ๆ อยู่ครับ

ขอบคุณมากครับ ;)...

จริง ๆ ด้วยครับ พี่นก Ico48 NU 11 ;)...

  • ผมก็เป็นพวก "สี่ไม่" เหมือนกันนะครับ
  • แต่ไม่แรงเหมือนอาจารย์ Was ชนิดงานแต่งก็ไม่ไป
  • งานแต่ง ผมยังไปบ้าง ไม่ถึงกับไม่ไปเลย แสดงว่า ผมยังตาม"สังคม"อยู่บ้าง
  • ส่วนใหญ่ตอนนี้ มีจะไปแต่งานศพครับ

โห...สวัสดีเจ้า อาจารย์ Wasawat Deemarn,

อาจารย์เคร่งในมงคล ๓๘ ข้อที่ว่า การอยู่ในถิ่นอันสมควร นะคะเนี่ย... :)

สุข สงบ ที่บ้านค่ำคืนนี้ค่ะ

ใน ๑ ช่วงชีวิตที่ผ่านมา งานแต่งงานไปได้น้อยมากครับ อาจารย์หมอเต็ม เต็มศักดิ์ พึ่งรัศมี ;)... เรียกว่า พอจะนับครั้งได้บ้างครับ

ส่วนงานศพ ... สงสัยเป็นไปตามอายุนะครับ ;)...

ขอบคุณมากครับ อาจารย์ ...ปริม ทัดบุปผา... ;)...

ที่ได้มาแจ้งข้อธรรมะให้ผมได้ทราบ ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันนะครับเนี่ย ;)...

ไม่ชอบสังคมแบบดาด ๆ

ชอบอยู่ในเงาต่อไป

เขาเรียกกันว่า...สันโดษ (ตัวจริง)

แต่ไม่สันโดษทางความคิด

แม้ความคิดไม่ค่อยเหมือนใคร

แต่ออกจะมีปฏิสัมพันธ์มากมาย

อ่ะ...มี "หมู่" อีกเยอะซิคะ

("หมู่" อีสาน = เพื่อน) :),

ดูเหมือนว่า "ความเป็นเงา" ของผม จักตรงกับอุปนิสัยใช่เล่นเลยนะครับ คุณหมอ ทพญ.ธิรัมภา ;)...

อ่ะ ตกลงผมคิดไม่เหมือนใครจริง ๆ เหรอครับเนี่ย 555

แต่ก็ยังมี "หมู่" ที่ไม่ใช่ "หมู" อย่างที่คุณหมอว่านะครับ ถึงจะกลุ่มเล็ก ๆ ก็ตาม

แต่ "จริต" หลายส่วนยังคงตรงกันอยู่บ้างเนาะ ;)...

ขอบคุณมากครับ "หมู่" คุณหมอ Ico48 ทพญ.ธิรัมภา ;)...

ที่นี้ไม่ใช่ที่ของฉัน ฉันไม่ควรมายืนอยู่ตรงนี้

ชอบค่ะ คำนี้ชัดเจน ขอบคุณบันทึกดีๆ


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท