เด็กวอนสอนผู้ใหญ่ : วันเด็ก/วันครูแห่งชาติ ปี 2555


ในวันเด็ก "เด็กขอวอน สอนผู้ใหญ่" ว่า "คำขวัญ" ท่านให้ ไปฝึกฝน ขอวิงวอน ปวงผู้นำ ได้ทำตน ทั่วทุกคน "เป็นแบบอย่าง" หนทาง "ธรรม"

     

          

            

          หมายเหตุ : บันทึกนี้เตรียมลงในวันเด็ก (14 มกราคม 2555) แต่มีปัญหาลงภาพประกอบไม่ได้เลยชะลอไว้ก่อน  แต่วันที่ 15 ม.ค. ก็ยังลงภาพไม่ได้ เลยจำเป็นต้องลงไปก่อน เพื่อให้เข้ากับภาษิตที่ว่า "ตีเหล็กเมื่อยังร้อน (Strike while the iron is hot.)" แต่ก็ได้รับความช่วยเหลือทางอ้อมจากกัลยาณมิตร โดยอาศัยการแนบไฟล์ภาพในความเห็น แล้ว Copy ภาพมาลงในบันทึกจนครบตามต้องการ (แม้จะได้ภาพเล็กไปหน่อยก็ถือว่าพอแก้ขัดไปได้) ขอขอบคุณกัลยาณมิตรทุกท่านนะคะ ที่มีส่วนช่วยเหลือในครั้งนี้

 

               Ico_childrenandteachersday 

                                                                (ขอบคุณภาพจาก Internet)

          วันที่ 14 มกราคม 2555 เป็นวันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคม ซึ่งรัฐได้กำหนดให้เป็น “วันเด็กแห่งชาติ” มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2508 โดยมีจุดประสงค์ เพื่อ ให้เด็กทั่วประเทศทั้งในระบบและนอกระบบโรงเรียน ได้รู้ถึงสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบของตน ที่มีต่อตนเองและต่อสังคม มีความยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (ก่อนหน้านั้น รัฐได้กำหนดให้จัดงานในวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2498 ที่ต้องเปลี่ยนแปลงมาจัดในเดือนมกราคม ก็เพราะเดือนตุลาคมเป็นหน้าฝน เด็กไม่สะดวกในการเดินทางไปร่วมกิจกรรม เดือนมกราคมเด็กจะได้รับความสะดวกมากกว่า)

            จากที่ผู้เขียนได้ดูภาพข่าวที่เผยแพร่ทาง TV พบว่า ในวันเด็ก เด็กๆได้มีโอกาสร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่หน่วยงาน องค์กรมากมายจัดให้ ทำให้เด็กๆ ได้รับความรู้ ประสบการณ์ ความสนุกสนานเพลิดเพลิน มีโอกาสได้แสดงความสามารถ และได้รับรางวัล และของแจกต่างๆ โดยในปีนี้มีนายกหญิงมาเล่านิทานให้เด็กๆ ฟังที่ทำเนียบรัฐบาลด้วย ดูแล้วก็อดไม่ได้ที่จะย้อนนึกถึงวัยเด็กของตนเองเมื่อ 50 กว่าปีที่ผ่านมา ที่มีประสบการณ์หวิดตายมาหลายครั้ง เพราะพ่อจากพวกเราไปตอนผู้เขียนอายุประมาณ 4 ขวบ ผู้เขียนต้องอยู่บ้านตามลำพัง ในขณะที่แม่ซึ่งเป็นครูได้เดินทางไปสอนที่โรงเรียนในอีกหมู่บ้านหนึ่ง โดยพาน้องชายคนเล็กที่เพิ่งคลอดไปด้วย น้องชายคนติดกันกับผู้เขียนอายุ 2 ขวบเจ็บป่วยจนก้นแหลมนั่งไม่อยู่ ท่านเจ้าอาวาสวัดกรุณารับไปอุปการะเลี้ยงดู พี่สาวคนติดกันอายุมากกว่าผู้เขียน 2 ปีพอดี ไปเรียน ป.1 ที่โรงเรียนในหมู่บ้าน และพี่สาวคนโตซึ่งอายุมากกว่าผู้เขียนเกือบ 9 ปี ไปเรียนระดับมัธยมฯ ในจังหวัดอุบลฯ

            ในละแวกบ้าน มีผู้เขียนคนเดียวที่เป็นเด็กผู้หญิง อีก 4-5 คนเป็นเด็กผู้ชาย ซึ่งจะมีอายุไล่เลี่ยกัน ในแต่ละวัน เด็กผู้ชายจะวิ่งเล่นไล่จับกันแถวใต้ถุนบ้านของผู้เขียนเพราะมีที่โล่งกว้างขวาง ในขณะที่ใต้ถุนบ้านอื่นๆ  จะเป็นคอกวัว/ควาย ส่วนผู้เขียนเองก็จะเล่นแบบเด็กผู้หญิง คือ จะนำช้อนสังกะสีไปคว้านดินให้เป็นหลุม 3 หลุม แล้วนำใบไม้ในสวนข้างบ้านมาหั่นฝอยใส่ลงไปในแต่ละหลุมและเติมน้ำ จากนั้นก็ไปเก็บดอกบานเย็นมาโรยหน้าให้แต่ละหลุมมีสีสันแตกต่างกัน สมมุติให้เป็นของคาวหวานชนิดต่างๆ เสร็จแล้วก็เรียกเด็กผู้ชายมาซื้อแต่ไม่มีใครสนใจ เลยโกรธและตะโกนด่าทอ ผลก็คือ ถูกเด็กขี้โมโหคนหนึ่งใช้เสียมสับเข้าตรงกลางหัวเลือดอาบ เลยแหกปากร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดและตกใจ จนอาที่ขี้โรคไปทำนาไม่ได้นอนป่วยอยู่ที่บ้าน ได้ยินเข้าต้องเดินกระย่องกระแย่งมาขอยานางธรณี (ดิน) โปะเข้าที่แผลเพื่อห้ามเลือดให้ ซึ่งก็ได้ผล  (โชคดีที่ผู้เขียนเป็นคน "หัวแข็ง" จึงไม่เป็นบาดทะยัก หาไม่แล้ว คงไม่ได้มานั่งเขียนบันทึกอย่างที่ทำอยู่ขณะนี้)

            สงบเสงี่ยมอยู่ที่บ้านได้ไม่นาน ก็ตามเด็กผู้ชายไปที่หนองน้ำใกล้บ้านที่น้ำแห้งหมดแล้ว เหลือเฉพาะบ่อตรงกลางที่มีน้ำซึ่งลึกเกินเท้าผู้ใหญ่หยั่งถึง เด็กผู้ชายแอบนำไม้กระดานที่แม่ของผู้เขียนใช้นั่งทอผ้า ไปผลัดกันให้สี่คนอยู่บนบกโดยนั่งยองๆ ฝั่งตรงกันข้ามกันฝั่งละ 2 คน เพื่อทำหน้าที่ผลักไม้กระดานที่มีเด็กคนที่เหลือนั่งคร่อม ผลักกระดานกลับไปกลับมาเป็นที่สนุกสนาน คนที่อายุมากที่สุดบอกให้ผู้เขียนนั่งดูเฉยๆ ตอนแรกผู้เขียนก็ทำตาม นานเข้าอดใจไม่ไหวจึงแอบหย่อนตัวลงไปในน้ำ แล้วก็จมดิ่งลงไปนั่งยองๆ อยู่ที่ก้นบ่อโดยไม่มีการกระเสือกกระสนหาทางขึ้นจากน้ำแต่อย่างใด โชคดีอีกครั้งที่ถึงรอบที่เด็กตัวโตที่สุดเป็นคนนั่งคร่อม ทำให้ไม้กระดานจมน้ำเพราะทานน้ำหนักเขาไม่ไหว ทำให้ตัวเขาจมน้ำแล้วไปเหยียบศีรษะของผู้เขียนเข้า จึงได้ช่วยดึงผมของผู้เขียนขึ้นจากใต้น้ำ เลยรอดตายมาได้อีกครั้งหนึ่ง...แม่ต้องแก้ปัญหาโดยให้ผู้เขียนไปนั่งพับเพียบเรียบร้อยกับพื้น โดยมีม้ารองเขียนอยู่ด้านหน้า ในห้องเรียนชั้นป.1 กับพี่สาว เพราะแม่กลัวจะเสียลูกสาวตัวแสบไป

            กลับเข้ามาสู่เรื่องของ "วันเด็กแห่งชาติ"...ก่อนที่จะเตลิดไปไกลกว่านี้...นับเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ที่นายกรัฐมนตรีซึ่งดำรงตำแหน่งในแต่ละช่วงเวลาที่มีการจัดงานวันเด็ก จะมอบ "คำขวัญวันเด็ก" ในแต่ละปี  ให้กับเด็กๆ ดังตัวอย่างคำขวัญในรอบ 20 ปี (ยกมาบางคำขวัญที่แตกต่างกัน คำขวัญที่นายกรัฐมนตรีให้ จะเป็นสิ่งสะท้อนได้เช่นกันว่า ในช่วงเวลานั้นบ้านเมืองมีปัญหาอะไร และผู้นำท่านนั้นๆ ได้ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาคุณลักษณะใดให้กับเด็กๆ)

นายอานันท์ ปันยารชุน : ปี 2535 "สามัคคี มีวินัย ใฝ่ศึกษา จรรยางาม"

นายบรรหาร ศิลปอาชา : ปี 2539 "มุ่งหาความรู้ เชิดชูความเป็นไทย หลีกไกลยาเสพติด"

(พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ให้คำขวัญที่มีเนื้อหาตรงกับนายบรรหาร ศิลปอาชา ทุกประการ ใช้คำแตกต่างกันเล็กน้อย) 

นายชวน หลีกภัย  : ปี 2543, 2544 "มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย"

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร : ปี 2546 "เรียนรู้ตลอดชีวิต คิดอย่างสร้างสรรค์ ก้าวทันเทคโนโลยี"

และคำขวัญจากปี 2550 เป็นต้นมา มีดังนี้

พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ : ปี 2550 "มีคุณธรรมนำใจ ใช้ชีวิตพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข"

                                     :  ปี 2551 "สามัคคี มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ เชิดชูคุณธรรม"

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  ปี 2552 "ฉลาดคิด จิตบริสุทธิ์ จุดประกายฝัน ผูกพันรักสามัคคี"

                                        ปี 2553  "คิดสร้างสรรค์ ขยันใฝ่รู้ เชิดชูคุณธรรม"

                                        ปี 2554  "รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธรณะ"

                                                       Original_t050111_07cc_r

                                                                  (ขอบคุณ http//glitter kapook.com)

และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ 28 ของไทย และเป็นคนปัจจุบัน ได้ให้คำขวัญวันเด็ก ใน  "วันเด็กแห่งชาติ ปี 2555"  ซึ่ง www.kapook.com  ได้เสนอเป็น Glitter Graphic ดังนี้ (ขอขอบคุณ http//glitter kapook.com ค่ะ)  

                                           Original_t130112_02cc

          และคุณครู "พิสูจน์" ชาว GotoKnow ได้สื่อสารคำขวัญดังกล่าว เป็นบทร้อยกรองอันไพเราะในบันทึก "http://www.gotoknow.org/blogs/posts/474625" ไว้ ดังนี้

                   เสาร์สิบสี่ มกรา คราวันเด็ก        วันของคน เล็กเล็ก ที่ยิ่งใหญ่

           อนาคต ผุดผาด ของชาติไทย            หรือหยากไย่ สังคม รอชมกัน 

                  สามัคคี มีความรู้ คู่ปัญญา          คงรักษา ความเป็นไทย ให้แม่นมั่น

          ใส่ใจ เทคโนโลยี ดีครบครัน                คือคำขวัญ มั่นหมาย ให้เด็กเป็น

           การที่ผู้นำของประเทศ ได้ประกาศ "คำขวัญวันเด็ก" ซึ่งเป็นข้อความที่บอกให้เด็กๆ ทราบว่า ผู้นำคาดหวังให้เด็กๆ มีคุณลักษณะเช่นใดนั้น กวีเอกของไทย ท่านเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ได้ประพันธ์ "ความต้องการ (Needs) ของเด็ก" (ตามความคิดของผู้ประพันธ์) ไว้เมื่อวันที่ 6 มกราคมปี 2554 ดังนี้

        @ วันเด็ก เด็กได้ อะไรบ้าง                       นอกไปจาก แบบอย่าง ผู้ใหญ่ให้
นอกจากความ สนุกสนาน เบิกบานใจ               นอกจากความ เอาใจใส่ ในวันนี้
        @ เด็กต้องการ ความรัก จากทุกคน          อยากทำตน ให้ประจักษ์ มีศักดิ์ศรี
เด็กต้องการ ความรู้ ชูชีวี                                 เด็กอยากมี ความสุข ทุกทุกวัน   

       @ อยากให้วัน ทุกวัน เป็นวันเด็ก               ดอกไม้ เล็กเล็ก จะเฉิดฉัน
ความดี ความงาม ความสำคัญ                         ใครจะปลูก ใครจะปั้น ลูกหลานเรา
        @ หนึ่งครอบครัว สอง สถาน การศึกษา    สามสังคม โลกา อันผ่าเหล่า
ให้ยึดค่า นิยมใหม่ งมงายเงา                            คือ "ตามเขา แล้วเก่ง-คิดเองเชย"
        @ ขอวันเด็ก เด็กวอน สอนผู้ใหญ่             ว่าคำขวัญ นั้นมิใช่ คำเฉลย
แท้คือคำ ถามกลับ...นับได้เลย                         ผู้ใหญ่เอ๋ย เคยดี...สักกี่คน

          Ico_environments

 ภาพแสดงให้เห็นถึงสิ่งแวดล้อมทางสังคมที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของเด็ก

 (ขอบคุณภาพจาก Internet)

       การสะท้อนความต้องการของเด็ก ดังกล่าว สมควรอย่างยิ่งที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้นำประเทศควรจะนำไปสู่การขับเคลื่อนให้มีการสนองตอบที่เป็นรูปธรรม อย่าง "จริงใจ จริงจัง และต่อเนื่องจนบรรลุผล" อนึ่ง การที่เด็กจะพัฒนาคุณลักษณะตามที่ผู้นำประเทศกำหนดไว้ในคำขวัญได้ อย่างเช่น การมี "ความสามัคคี" นั้น ผู้นำต้องย้อนกลับไปถามตัวเองก่อนว่า ได้สนับสนุนให้สมาชิกพรรคและประชาชน มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่มีการแบ่งสีแบ่งฝ่าย เพื่อเป็นแบบอย่างด้านความสามัคคี แล้วหรือยัง เพราะตามทฤษฎีการเรียนรู้ทางพุทธิปัญญาเชิงสังคม (Social Cognitive Learning) นั้น เด็กๆ จะเรียนรู้โดยการซึมซับจากแบบอย่างที่ผู้ใหญ่ปฏิบัติตนให้เห็น ดังภาพข้างล่าง พฤติกรรมของผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Factors) จะมีอิทธิพลต่อความคิด ความเชื่อของเด็ก (Personal Factors) ซึ่งจะส่งผลต่อการแสดงพฤติกรรม (Behavior) ของพวกเขาอีกทอดหนึ่ง  

Ico_social_cognitive_diagram5

ภาพแสดง "การเรียนรู้ทางพุทธิปัญญาเชิงสังคม (Social Cognitive Learning)"   

  (http://www.southalabama.edu/oll/mobile/theory_workbook/social_learning_theory.htm)

         สำหรับความต้องการ (Wishes) ของเด็กโดยตรงนั้น กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ ผู้ให้คำปรึกษาด้านทรัพยากรมนุษย์แบบครบวงจรชั้นนำของโลก ได้ดำเนินการสอบถามเด็กอายุระหว่าง 7-14 ปีทั่วโลกเป็นครั้งที่สองในปี 2554 (ครั้งแรกสำรวจปี 2553) เฉพาะในประเทศไทยนั้น ในคำถามที่ว่า "อะไรคือสามสิ่งแรกที่เด็กๆ จะทำ ถ้าได้เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย" คำตอบ คือ จะปรับปรุงระบบการศึกษาอย่างต่อเนื่อง จะปล่อยช้างคืนสู่ผืนป่า จะช่วยเหลือผู้ไร้ที่อยู่อาศัย จะปลูกต้นไม้ให้มากขึ้นกว่านี้ จะเปลี่ยน ‘คนไม่ดี’ ให้เป็น ‘คนดี จะสนับสนุนการใช้พาหนะที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และจะทำนุบำรุงวัฒนธรรมไทยให้ยั่งยืนและเจริญรุ่งเรือง 

          และในคำถามที่ว่า “อะไรสำคัญกว่ากัน ระหว่างหาเงินให้ได้เยอะๆ กับการใช้เวลาอยู่กับครอบครัว?” เด็กถึงร้อยละ 96 ตอบว่า จะเลือกใช้เวลาอยู่กับครอบครัวมากกว่าการหาเงินให้ได้มากๆ โดยให้เหตุผลว่า เงินใช้แล้วหมดไป แต่ครอบครัวจะอยู่กับเราตลอดไป  เงินไม่สามารถซื้อความรักได้ การได้อยู่กับครอบครัวทำให้ฉันมีความสุข และต้องการอยู่กับครอบครัวเพื่อจะได้ดูแลพ่อแม่
         คำตอบอันบริสุทธิ์ของเด็กๆ ในประเด็นแรก นับเป็น "เด็กวอนสอนนายกรัฐมนตรี" ที่นายกรัฐมนตรีควรจะนำกลับไปย้อนพิจารณาว่า ตนเองได้คิดและได้ทำในสิ่งดีๆ ที่เด็กคิดได้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความคิดที่ "จะเปลี่ยน ‘คนไม่ดี’ ให้เป็น ‘คนดี" ซึ่งเป็นพระบรมราโชวาทของ "พ่อหลวงของปวงไทย" ที่แม้แต่เด็กยังน้อมนำใส่เกล้า 

         และคำตอบในประเด็นที่สอง นับเป็น "เด็กวอนสอนพ่อแม่ผู้ปกครอง"  ที่พ่อแม่ผู้ปกครองทั้งหลาย ควรจะนำกลับไปย้อนพิจารณาว่า ตนเองได้ให้ความสำคัญกับการใช้เวลาอย่างมีคุณภาพกับบุตรหลาน มากกว่าการดิ้นรนแสวงหาเงินทองหรือไม่ เพราะอย่างแรกเป็นสิ่งที่บุตรหลานของท่านโหยหา และต้องการได้รับการเติมเต็มมากกว่าอย่างหลัง เคยมีกรณีตัวอย่างมาแล้ว ที่ลูกคนมีฐานะร่ำรวยไปก่ออาชญากรรมลักขะโมยโดยให้เหตุผลกับพนักงานสอบสวน ที่ชวนสะอึกว่า "มันเป็นวิธีเดียวเท่านั้น ที่จะทำให้ได้เห็นหน้าพ่อแม่"

         และในท้ายที่สุดนี้ ผู้เขียนขอเชิญชวนทุกฝ่าย ซึ่งต่างก็มีฐานะเป็นสิ่งแวดล้อมทางสังคม ได้แก่ สถาบันการเมืองการปกครอง ได้สนับสนุนให้นักการเมืองในแต่ละพรรค ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีความสามัคคีกลมเกลียวกัน ไม่ขัดแย้งแข่งขันกันระหว่างฝ่ายค้าน/ฝ่ายรัฐบาล และหลีกเลี่ยงการแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในที่ประชุมสภาฯ องค์กรในสังคม ได้สร้างสรรค์กิจกรรมดีๆ ให้เด็กได้เข้าร่วม สถาบันครอบครัว ได้ให้ความรักความอบอุุ่นและใช้เวลาอย่างมีคุณภาพกับบุตรหลาน สถาบันการศึกษา ได้จัดให้เด็กได้เรียนรู้อย่างมีคุณภาพและมีความสุข (วันที่ 16 มกราคมเป็นวันครูแห่งชาติ ซึ่งปีนี้คุรุสภาได้กำหนดคำขวัญวันครูไว้ว่า "บูชาครูแห่งแผ่นดิน จอมปราชญ์ศาสตร์ศิลป์ สยามมินทร์ภูมิพล" ซึ่งครูทุกคนรวมทั้งผู้เขียนเอง จะต้องแสดงออกถึง "การปฏิบัติบูชา" ด้วยการเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท โดยการปฏิบัตงานวิชาชีพครูด้วยจิตวิญญาณของความเป็นครู) สถาบันทางศาสนา ได้ดูแลให้ผู้สืบทอดศาสนาประพฤติตนเป็นที่น่าเลื่อมใสศรัทธา สถาบันสื่อมวลชน ได้นำเสนอสื่อที่สร้างสรรค์ส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ ไม่มอมเมาเด็ก ตลอดจนผู้ใหญ่ในสังคม ได้ปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีในด้านต่างๆ เพื่อร่วมกันสรรค์สร้างสิ่งแวดล้อม ที่เอื้อให้บุตรหลานของเราได้เติบโตอย่างมีคุณภาพและมีความสุข นะคะ

          Ico_goodenvironmentsIco_homeschoolmedea   

        ภาพแสดงถึงการสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อให้เด็กได้เติบโตอย่างมีคุณภาพและมีความสุข

                                                 (ขอบคุณภาพจาก Internet)             

 

          ในวันเด็ก "เด็กขอวอน สอนผู้ใหญ่"    ว่า "คำขวัญ" ท่านให้ ไปฝึกฝน

 ขอวิงวอน ปวงผู้นำ ได้ทำตน                        ทั่วทุกคน "เป็นแบบอย่าง" หนทาง "ธรรม"

 

แหล่งอ้างอิง  

http://childmedia.net/node/1436

http://www.gotoknow.org/blogs/posts/474625

http://scoop.mthai.com/specialdays/1424.html

http://www.enn.co.th/news_detail.php?nid=1803

http://cvlearningcenter.wordpress.com/pre-k-room/

http://www.go4get.com/add_go4board.php?id=1453

http://www.prachatham.com/detail.htm?code=n6_14122010_01

http://region4.prd.go.th/ewt_news.php?nid=2655&filename=index

http://www.adecco.co.th/jobs/adecco-knowledge-center-detail.aspx?id=783&c=8

http://www.southalabama.edu/oll/mobile/theory_workbook/social_learning_theory.htm

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1326454385&grpid=00&catid=&subcatid=

ส่วนเสริม

         เมื่อวานนี้ เป็น "วันครูแห่งชาติ" ช่วงเวลา 15.30-17.00 น. ผู้ขียนได้พบปะกับนักศึกษาฝึกประสบการณ์สอนภาษาอังกฤษ 4 คน ที่ตนรับผิดชอบเป็นอาจารย์นิเทศ นักศึกษาดังกล่าวได้กลับเข้าไปที่มหาวิทยาลัย เพื่อร่วมสัมมนาระหว่างการฝึกประสบการณ์ ผู้เขียนได้ให้นักศึกษาดูตัวอย่างการสอนของรุ่นพี่ในปีการศึกษาที่ผ่านมา ซึ่งผู้เขียนได้บันทึกเป็น VDO เอาไว้ทุกคน ผู้เขียนใช้สถานที่สำหรับการพบปะที่ม้าหินอ่อนนอกตึกเรียน จึงมีนักศึกษาฝึกประสบการณ์สอนภาษาอังกฤษ ในความรับผิดชอบของอาจารย์นิเทศคนอื่น (ที่ไม่สามารถเข้าพบอาจารย์นิเทศของตนได้ เพราะโทรศัพท์ติดต่อนัดหมายกันไม่ได้) ไปร่วมแจมด้วย 

          เวลาประมาณ 16.15 น. ผู้เขียนเห็นนักศึกษาที่ไปร่วมแจมซึ่งเดินออกไปโทรศัพท์ แสดงอาการตื่นเต้นดีใจ และบอกกับเพื่อนๆ ว่าตน "ถูกหวย" ผู้เขียนถามนักศึกษาทุกคนว่า ซื้อหวยกันด้วยหรือ ปรากฏว่า ซื้อกันแทบทั้งนั้น สังเกตจากกิริยาอาการแล้ว ดูเหมือนพวกเขาและเธอจะเห็นว่า การซื้อหวยเป็นเรื่องปกติที่ไม่ต้องปิดบังอะไร ทั้งที่เป็นเรื่องผิดกฎหมายและพวกตนอยู่ในสถานภาพที่ไม่น่าจะทำเช่นนั้น  ผู้เขียนสันนิษฐานว่า พฤติกรรมดังกล่าว น่าจะเป็นผลมาจาก "การเรียนรู้ทางพุทธิปัญญาเชิงสังคม" จากสิ่งแวดล้อมในครอบครัว ที่เกิดจาก "การเห็นแบบอย่างการซื้อหวยของพ่อแม่ผู้ปกครอง มาเป็นเวลานาน" ดังภาพ Glitter Graphic ล้อเลียนของ kapook.com (ขอบคุณ http//kapook.com)    

                                     Original_t160112_03c

                             แต่ภาพล้อเลียนนี้ จะทำให้ครูยิ้มออก มากกว่านะคะ

                                             Original_t160112_04c

 

หมายเลขบันทึก: 474678เขียนเมื่อ 15 มกราคม 2012 10:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 สิงหาคม 2013 10:21 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (57)

อาทิตย์สวัสดีค่ะอาจารย์แม่ฯ

ได้ไปทบทวนดู คำขวัญ ตั้งแต่อดีต จวบ ปัจจุบัน สิ่งสำคัญ อยู่การเป็นแบบอย่า งและติดตามผล อย่างต่อเนื่อง เช่นที่อาจารย์แม่ กล่าวไว้ค่ะ

เพราะเด็ก จะมี ฮีโร่ มีต้นแบบ มีแบบอย่าง ในใจ ไว้ และพยายามเลียนแบบ ทำตามอย่าง เพราะงั้น ผู้ใกล้ชิด ตลอดจน สื่อต่างๆ แวดล้อม สำคัญ มากๆ

ปูเคยได้ยินว่า ช่วงแรกเกิดถึง ๕ ขวบ เป็นช่วงวางรากฐานที่สำคัญ หากเด็กได้รับความรัก เติมเต็ม จะสร้างภูมิคุ้มกันดีๆ เพื่อเตรียมความพร้อม ในการเรียนรู้ สู่โลกภายนอก อย่างมีจิต ใจ ใฝ่ดี

ครอบครัวจะอยู่กับเราตลอดไป ... สถาบันเบื้องต้นที่สำคัญยิ่ง หากฐานไม่แม่น ก็จะคลอนแคลน สร้างปัญหาที่ต้องสะสางกันต่อ ในระดับ ชุมชน สังคม ที่ขยายผลได้กว้างไกล ขอบพระคุณค่ะ

สวัสดีครับอาจารย์ ตามมาอ่าน ขอชื่นชมครับ เห็นด้วยกับที่ว่าคำขวัญวันเด็กสะท้อนแนวคิดของผู้นำครับ

  • ขอบคุณ "หนูปูIco48"  มากนะคะ ที่ "มาในเวลาที่ชาติต้องการ"
  • อาจารย์แม่กำลังหาทางนำภาพใส่ในบันทึก โดยอาศัยแนบไฟล์ภาพในความเห็นก่อน แล้วจึง Copy ภาพไปลงในบันทึกค่ะ
  • การที่หนูปูบอกว่า "ปูเคยได้ยินว่า ช่วงแรกเกิดถึง ๕ ขวบ เป็นช่วงวางรากฐานที่สำคัญ หากเด็กได้รับความรักเติมเต็ม จะสร้างภูกมิคุ้มกันดีๆ เพื่อเตรียมความพร้อม ในการเรียนรู้สู่โลกภายนอก อย่างมีจิตใจใฝ่ดี"
  • การกล่าวได้เช่นนั้น มันคงไม่ใช่แค่ "ได้ยิน" แล้วล่ะค่ะ ดังที่ขงจื๊อได้กล่าวไว้ว่า "When I hear, I forget." มันน่าจะเป็นระดับ "When I see, I remember." หรือระดับ "When I do, I understand."
  • อาจารย์แม่ว่า ที่หนูปูกล่าวได้ถูกต้องชัดเจนเช่นนี้ น่าจะเป็นเพราะหนูปู "เชื่อ" ในแนวคิดดังกล่าว และ "ได้นำไปปฏิบัติจนเห็นผลมาแล้ว" มากกว่านะคะ

 

  • ขอบคุณ "คุณคิดคม สเลลานนท์Ico48 " มากนะคะ ที่เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นว่าด้วย "คำขวัญวันเด็ก" ตามคำเชิญ
  • ขอบคุณที่ช่วยให้สามารถแนบไฟล์ภาพสุดท้าย ที่จะใช้ประกอบบันทึกนี้ ทำให้โล่งใจที่จะไปทำธุระอื่นได้โดยไม่กังวลค่ะ
  • และขอบคุณสำหรับ "ปิยวาจา" และการสนับสนุนว่า "เห็นด้วยกับที่ว่า คำขวัญวันเด็ก สะท้อนแนวคิดของผู้นำ" ค่ะ
  • หวังว่า คงได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันอีก ในบันทึกต่อๆ ไปนะคะ 

 

อ่านเรื่องราวสมัยเด็กของอาจารย์ แบบลุ้นไปด้วย โดยเฉพาะ "นั่งยองๆ ใต้น้ำ" นี่
และทึ่งที่อาจารย์มีความทรงจำเก็บรายละเอียดได้ชัดเจนราวกับเกิดขึ้นเมื่อวานนี้

ตัวเองมีเรื่องเฉียด ที่จำได้ลางเลือนคือ คุณพ่อไปรับที่โรงเรียนอนุบาล แล้วตัวเองปิดประตูรถไม่แน่น นั่งกินหวานเย็นอย่างเอร็ดอร่อยพิงกับประตูรถอยู่ดีๆ ประตูก็รถก็เปิดแล้วตัวเองกลิ้งไปนอนบนถนน พ่อต้องรีบจอดรถวิ่งลงมาเก็บ  โชคดีที่รถวิ่งช้าและสมัยนั้นถนน จ.แพร่มีรถไม่มาก..ร้องไห้จ้า ไม่ใช่เพราะกลัวตาย หรือเจ็บ แต่เพราะหวานเย็นกินไปได้นิดเดียวอยู่เลย :)

ขออนุญาตฝากวีดีโอ เสียงเด็กน่ารักๆ "price tag" เมื่อพิธีกรถามเด็กคนนี้ว่าทำไม จึงเลือก เธอตอบอย่างฉลาด "because it's not all about money" (เนื้อเพลง)

 

..ต้องการให้เด็กมีความสามัคคี ผู้นำต้องย้อนกลับไปถามตัวเองก่อนว่า นักการเมืองทั้งหลายได้ทำตนให้เป็นแบบอย่างในด้านนี้แล้วยัง.... เพราะตามทฤษฎีการเรียนรู้ทางพุทธิปัญญาเชิงสังคม (Social Cognitive Learning) นั้น เด็กๆ จะเรียนรู้โดยการซึมซับแบบอย่างที่ผู้ใหญ่ปฏิบัติตนให้เห็น...

...เมื่อไหร่...จะได้เห็นแบบอย่างที่เด็กทำตามแล้วเกิดผลดี...ยังมีความหวังอยู่...

สวัสดีหลังวันเด็ก ก่อนวันครูนะคะ

สบายดีนะคะ

คิดถึงค่ะ

 

สวัสดีค่ะคุณน้อง ผศ วิไล แพงศรี...คำพูดเด็กโดนใจ..ยายธีอย่างจัง..(ปัญหาใหญ่ในยุค..เงินๆทองๆ..ความรัก..ความอบอุ่นในครอบครัว..ระเหิดไปกับคำว่าเงินๆๆๆ)...ชีวิต..ในยุคที่เขาเรียกกันว่าเจริญ..เราไม่ปฏิเสธ..(เพราะความสบายสุขที่ซื้อได้ด้วยเงิน..ซึ่งกลายเป็นพระเจ้าไปในสายตาของความเจริญทางด้านวัตถุ..)..วันนี้ที่(ยายธี)แก่ลง...ยังเป็นวันที่(ยายธี)..ถามเหมือนเด็กๆเหล่านั้น..ทุกวันๆที่ยังมีความรู้สึกแบบเด็กๆ..คือ ความรัก ความอบอุ่น ครอบครัว..ที่ไม่มี.(.มีบ้านที่ไม่มีคนอยู่"ต้องจ้างพม่า"มาอยู่แทน"..มีพี่น้องหลานเหลน..ที่ตกเป็นเหยื่อ..เงิน..ที่ต้องหามาแลกด้วยเวลา..กับค่าแรงงานที่แตกต่างกัน..ราวฟ้ากับดินกับการอยู่กิน..)..คำขวัญที่ สฤษดิ์ ธนะรัตน์ ให้ไว้..เด็กวันนี้..คือผู้ใหญ่ในวันหน้า...ถนอม กิติขจร..ให้ไว้ว่า..จงทำดีๆๆๆๆ...แล้วผู้ใหญ่ที่พูดๆๆไว้..ได้.ทำอะไรไว้.....และผู้ใหญ่วันนี้...ส่องกระจก..วิจารณ์..ตัวเอง..บ้างหรือ..ยัง..ไม่รุ..อ้ะ...ยายธี...เจ้าค่ะ.....

ที่สังเกตพบนะคะอาจารย์แม่ คือ ผู้นำ จะคิดก่อนว่า คำขวัญที่ให้เด็กนั้น ตนเอง ทำได้ มากน้อยเพียงใด

ดูจากอดีต มีน้อยที่จะกล่าวถึง ความซื่อสัตย์ สัตย์ซื่อ เพราะไม่ค่อยมั่นใจ ไม่ชัดในจุดยืนของตนเองเช่นกัน

. ได้ยิน เชื่อ นำไปปฏิบัติ . . สามารถนำมาปรับใช้กับ ทุก ๆเรื่องเลยนะคะ ขอบพระคุณอาจารย์แม่ วรรคทองนี้เด้อค่า

  • เด็กเห็นเด็กทำตามครับ
  • ตัวแบบของเด็กก็คือผู้ใหญ่
  • มิใช่เพียงคำสอน
  • ขอบคุณที่ช่วยวอนสอนผู้ใหญ่มิให้ลืมตัวครับ

  • ใช่เลยค่ะ อาจารย์ พ่อ - แม่ หรือผู้ใหญ่ รวมทั้งผู้นำ เป็นแบบอย่าง ตัวอย่างให้กับเด็ก ๆ ได้อย่างดีเลยละคะ...โดยเฉพาะในปัจจุบัน ควรเน้นในเรื่องของ "การมีคุณธรรมอยู่ในจิตสำนึกด้วยค่ะ"...เพราะมีน้อยกันเหลือเกิน...
    • ขอบคุณมากค่ะ "อาจารย์หมอป.Ico48"  ที่มาแวะให้กำลังใจแถมยังมีอะไรดีๆ มาฝากอีกต่างหาก
    • เข้ามาอ่านความเห็นของอาจารย์หมอตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้วค่ะ อ่านที่อาจารย์หมอเล่าประสบการณ์เฉียดตายของตัวเองว่า "คุณพ่อไปรับที่โรงเรียนอนุบาล แล้วตัวเองปิดประตูรถไม่แน่น นั่งกินหวานเย็นอย่างเอร็ดอร่อยพิงกับประตูรถอยู่ดีๆ ประตูก็รถก็เปิดแล้วตัวเองกลิ้งไปนอนบนถนน พ่อต้องรีบจอดรถวิ่งลงมาเก็บ  โชคดีที่รถวิ่งช้าและสมัยนั้นถนน จ.แพร่มีรถไม่มาก..ร้องไห้จ้า ไม่ใช่เพราะกลัวตาย หรือเจ็บ แต่เพราะหวานเย็นกินไปได้นิดเดียวอยู่เลย" อ่านจบ...555...หัวเราะด้วยความขบขัน อาจารย์หมอนี่มีอารมณ์ขันไม่เบานะคะ ทำให้จินตนาการถึงเด็กน้อยคนนั้น ที่ตามองตามหวานเย็นที่หกเรี่ยราดบนพื้นถนนด้วยความเสียดาย...ใช้คำว่าพ่อลงไป "เก็บ"...อิอิ...ราวกับไปเก็บ "ของ" ที่ร่วงหล่น ไม่ใช่อุ้ม "คน" ที่มีชีวิต
    • เข้ามาตอบความเห็นของสมาชิกเมื่อคืนนี้แล้วค่ะ แต่ไม่สามารถเรียกเครื่องมือจัดการข้อความได้ จนถึงประมาณตีสองจึงเข้านอน
    • ที่อาจารย์หมอบอกว่า "ทึ่งที่อาจารย์มีความทรงจำเก็บรายละเอียดได้ชัดเจนราวกับเกิดขึ้นเมื่อวานนี้" บางท่านอาจสงสัยว่า เป็นการเล่าแบบ "ใส่สีตีไข่" หรือไม่ ก็ต้องขอยืนยันนะคะว่า "ผู้เขียนเป็นคนที่ พูด เขียน ในสิ่งที่เป็นจริงตามความรูสึกนึกคิดและประสบการณ์ของตนเสมอ" ไม่ใช่ว่าจะจำได้ทุกเรื่องหรอกนะคะ เรื่องที่เกิดเมื่อวานอาจไม่ได้จำ แต่เรื่องที่นำมาเล่าทุกเรื่อง เป็นภาพที่เก็บฝังในความทรงจำอย่างแจ่มชัด ราวกับบันทึกไว้ด้วยกล้องถ่าย VDO
    • ขอบคุณมากนะคะ สำหรับ VDO เด็กคนนี้หน้าตาสดใส ไม่มีแต่งแต้มและท่าทางในการร้องเป็นธรรมชาติมาก ขอเรียนกัลยาณมิตรว่า เพลงที่เธอร้องชื่อ "Price Tag : ป้ายราคาสินค้า" เป็นเพลงของ Jessie J. ซึ่ง "Theme" ของเนื้อเพลงเป็นการบ่นว่าทำไมผู้คนถึงหมกมุ่นอยู่กับการแสวงหาเงินหาทองกันนัก ทำไมไม่มาหาความสนุกสนานด้วยการร้องเพลงเล่นดนตรีกันบ้าง ดังท่อนหนึ่งของบทเพลง ซึ่งแปลเอาความได้ว่า

                                       We're paying with love tonight.   : เราจะมอบความรักให้คนทั้งโลกในคืนนี้
                          s not about the money, money, money.    : ไม่มีเรื่องของเงินมาเกี่ยวข้องใดใด
                       We don't need your money, money, money. :  เราไม่อยากได้เงินของคุณ

  •                    We just wanna to make the world dance.    : แค่อยากกระตุ้นให้คุณออกมาเต้นรำ
                       Forget about the Price Tag.                        :  ลืมการย้ำคิดย้ำทำอยู่กับเรื่องหาเงิน

  • ถ้าท่านสนใจเนื้อร้องและคำแปลเพลง "Price Tag" ดูได้ที่ Link ข้างล่างนะคะ (ซึ่งผู้แปลค่อนข้างจะแปลตรงตัว เช่น ประโยคสุดท้ายที่ยกมา ผู้แปล แปลว่า "ลืมป้ายราคะไปซะ" คำว่า "ป้ายราคา [price tag]" เป็นคำเปรียบเปรย หมายถึง การหมกมุ่นแสวงหาเงินทอง การแปลเอาความไม่ใช่แปลตรงตัวจะตรงกับความหมายที่ผู้ประพันธ์เพลงต้องการสื่อมากกว่า แต่ก็ขอขอบคุณมากนะคะสำหรับเนื้อเพลงและคำแปล)

        http://www.channelvthailand.com/vboard/showthread.php?93-%E1%BB%C5%E0%BE%C5%A7-Price-Tag-%A2%CD%A7-Jessie-J

     
  • สวัสดี "วันครู 16 มกราคม 2555" ค่ะ "น้องอินIco48
  • น้องอินเป็น "น้องสาว ชาว GotoKnow" ของผู้เขียน เป็นคุณครูโรงเรียนบ้านนาลับแลง จ.อุตรดิตถ์ เป็นผู้ที่มีจิตวิญญาณครู และเป็นคุณครูในดวงใจของเด็กๆ
  • ขอบคุณที่มาแวะเยี่ยม ขอให้มีความสุขในการทำงานนะคะ
  • ในวันครู ครูที่มีจิตวิญญาณครูจะนึกถึงเด็กมากกว่าที่จะคิดถึงตนเอง จึงขอฝาก "คำขวัญวันเด็ก" ที่ Kapook.com รังสรรค์ให้นะคะ 
  • ขอบคุณ "คุณพี่ยายธีIco48" ที่วันนี้เข้ามาเยี่ยมแบบเหงาๆ ต่างจากพี่สาวเราคนที่เคยเฮฮา
  • ยังไงก็ขอให้รู้ว่า มีน้องคนนี้ที่จะคอยเป็นเพื่อนเจรจาเวลาเหงานะคะ
  • น้องเองก็เคยมีปัญหาบ้างาน (ไม่ใช่บ้าเงิน) จนทิ้งลูกมาแล้ว ซึ่งเคยเขียนไว้ใน Blog นี้ ในช่วงวันแม่ เรื่อง "ลูกของแม่และแม่ของลูก...ในแบบที่ฉันเป็น"
  • พ่อของลูกจากไปตั้งแต่ปี 2527 ขณะที่ลูกคนโตของน้องเรียนจบอนุบาล 1 คนเล็กยังไม่เข้าเรียน และน้องอยู่คนเดียวมาตั้งแต่ตอนที่ลูกเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้วล่ะค่ะ ลูกสาวที่จบม.6 และลูกชายที่จบม.5 เข้าเรียนมหาวิทยาลัยพร้อมกัน พอพวกเขาเรียนจบก็ทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ คราวที่แล้วที่ลูกสาวนำสุนัขมาฝากน้องเลี้ยงในช่วงน้ำท่วมกทม.เธอถามว่า แม่เหงาไหม น้องตอบลูกไปว่า แม่ไม่เคยมีเวลาให้กับความเหงา เพราะแม่มีอะไรๆ ทำอยู่เสมอ ค่ะ
  • ท่านผู้ใหญ่ทั้งหลายคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้มีอำนาจในบ้านเมือง พี่ยายธีฝากมาว่า "ผู้ใหญ่ที่พูดๆๆไว้..ได้ทำอะไรไว้.....และผู้ใหญ่วันนี้...ส่องกระจก..วิจารณ์..ตัวเอง..บ้างหรือยัง" ค่ะ
  • ยินดีมากค่ะ ที่ได้รู้จักคุณ "พ่อน้องซอมพอIco48" ที่แปลว่า ดอกหางนกยูง
  • คุณ "พ่อน้องซอมพอ" เป็นกัลยาณมิตรใหม่คนที่ 4 ของผู้เขียนในช่วงปี 2555 เป็นผู้ที่ชอบวิถีชีวิตแบบพอเพียงเหมือนผู้เขียน เป็นชาวจังหวัดที่มีคำขวัญว่า "แข่งเรือลือเลื่อง  เมืองงาช้างดำ  จิตรกรรมวัดภูมินทร์  แดนดินส้มสีทอง  เรืองรองพระธาตุแช่แห้ง" ที่ผู้เขียนยังไม่เคยแวะไป หวังว่าสักวันจะได้ไปทำบุญที่วัดพระธาจตุแช่แห้ง และไปชมสวนส้มสีทอง ค่ะ
  • ชื่นชมนะคะ กับการมีครอบครัวที่อบอุ่น ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ดีของการสร้างพลเมืองที่มีคุณภาพของประเทศ

 

  • ขอบคุณ "คุณบุษยมาศIco48" จากมาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม พิษณุโลกมากค่ะ ที่แวะมาเยี่ยมเยียนให้กำลังใจกันเสมอมา
  • ดิฉันเห็นด้วยกับแนวคิดของคุณบุศยมาศค่ะ ที่เสนอว่า ในปัจจุบัน ควรเน้นการเป็นแบบอย่างในเรื่องของ "การมีคุณธรรมอยู่ในจิตสำนึก เพราะมีน้อยกันเหลือเกิน"
  • สังเกตดูนะคะ เวาลาอวยพรปีใหม่ส่วนใหญ่ที่เห็นอวยพรกันทาง TV ก็จะมีคำว่า "ขอให้รวย" เวลาลูกศิษย์อวยพรดิฉันก็บอกพวกเธอตรงๆ ว่า ไม่ชอบคำอวยพร ที่ขอให้รวย เพราะครูไม่ใช่คนวัตถุนิยม
  • ขอขอบคุณกัลยาณมิตรที่แวะมาให้กำลังใจค่ะ

        "ดร.ภิญโญIco48" ผู้เชี่ยวชาญด้าน Appreciative Inquiry จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น

        "คุณ NobitaIco24" นักทรัพยากรบุคคล กทม.ผู้ที่บอกว่า "เคยมุ่งมาดปรารถนาอย่างยิ่งว่าอยากเรียนให้จบเพื่อมาเป็นครูที่ดี ที่เสียสละ ที่มีคุณค่า ที่จะสามารถสร้างชาติไทยให้วัฒนาให้ได้..." แต่มีโอกาสเเป็นครูแค่ในระยะสั้นๆ จึงเป็นที่น่าเสียดายที่ประเทศไทยเสียโอกาสในการมีครูที่ดีที่มีอุดมการณ์ไป 1 ท่าน   

 

 

Large_0005d8 

เด็กเอ๋ยเด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ

คือทายาทแห่งความหวังในวันหน้า

จงหมั่นเพียรฝึกฝนเรียนวิชา

ทั้งจรรยาศีลธรรมน้อมนำตน

 

นงนาท สนธิสุวรรณ

๑๔ มกราคม ๒๕๕๕

ภาพจาก สายงานบริหารสื่อสารองค์กร SCB

    • ขอบพระคุณ "พี่ใหญ่Ico48" มากนะคะ... "พี่คนนี้...นั้นมีแต่ให้".... ขอบพระคุณด้วยความซาบซึ้งใจจริงๆ ค่ะ ที่พี่ใหญ่คอยติดตามให้กำลังใจและข้อชี้แนะดีๆ แก่น้องและสมาชิก GTK เสนอมา พี่ผู้เป็นแบบอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิต ที่ตอกย้ำความคิด ความเชื่อ และการประพฤติปฏิบัติตนในทางที่ดีงามให้กับน้อง แม้พี่ใหญ่ไม่ได้มีสถานภาพเป็นครู แต่น้องก็นับพี่เป็น "ปูชนียบุคคล" ที่ควรค่าแก่ความเคารพ ศรัทธา และนำมาเป็นแบบอย่าง
    • ขอบพระคุณสำหรับบทกลอนสอนใจเด็กๆ และภาพจากสายงานบริหารสื่อสารองค์กร SCB ซึ่งเป็นภาพเกี่ยวกับเป้าหมายการเลือกอาชีพ อยากให้กัลยาณมิตร GTK ลองทายดูค่ะว่า ผู้เขียนชอบคำตอบใดมากที่สุด...เพราะเหตุใด 
    • พี่ใหญ่คะ กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ประเทศไทย ได้สอบถามเด็กๆ อายุระหว่าง 7-14 ปี ของไทยในปี 2554 ดังที่ได้กล่าวถึงผลการสำรวจบางประเด็นไปแล้ว ในบันทึกนี้ ต่อข้อคำถามว่า “โตขึ้นน้องๆ อยากจะเป็นอะไร?” นั้น ตัวเลือก 5 อันดับแรกของเด็กๆ คือ 1) แพทย์ 2) วิศวกร 3) นักบิน 4) นักธุรกิจ 5) ทันตแพทย์ และ พ่อครัว (ได้คะแนนเท่าๆ กัน) 
    • น้องจะยังไม่อภิปรายผลการสำรวจนี้ อยากจะฟังข้ออภิปรายของกัลยาณมิตรก่อน ไม่ทราบท่านใดจะอภิปรายอย่างไร และอยากเชิญชวนให้ช่วยตอบคำถามข้างบนของผู้เขียนด้วย ขอบคุณมากนะคะสำหรับท่านที่จะกรุณาเข้ามาม่ส่วนร่วม
    •               Original_p8
  • ขอบคุณกัลยาณมิตร ที่แวะมาให้กำลังใจ ค่ะ

                           Ico48                      

  • หนูมะปรางเปรี้ยว ผู้มีความสุขในการดูแล GTK      

  •                            Ico48

  • คุณโอ๋-อโณ ผู้มีความสุขในการเป็นแม่ของ 3 หนุ่ม

  •                             Ico48     

  • คุณน้อย น้ำพอง ผู้กำลังมีความสุขในการดูแลหลานหมาที่น่ารัก                  

  • "คำขวัญวันเด็กแห่งชาติ ปี 2554" ของอดีตนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

พฤหัสฯ สวัสดีวันครูค่ะอาจารยืแม่ ฯ

เห็นภาพ กลิตเตอร์ คำขวัญวันเด็กปีที่แล้ว ของท่านฮีโร่ (ในใจปู ) แล้วคิดถึงหลายๆ ค่ะ

สุขสันต์วันนี้นะคะ แล้วจะแวเวียนมาทักทายใหม่ ต้องไปทำงานนแล้วเจ้าค่ะ :)

สวัสดีปีใหม่ค่ะอาจารย์ ไม่แปลกใจที่จะมีผู้อ่านเข้ามามากเพราะอ่านแล้วได้สาระและสนุกกับการเขียนเชิงสร้างสรรค์ของท่านค่ะ

  • "หนูปูIco48" คะ แปลกไหมที่พี่น้องของ อ.แม่ มีสองคนที่เกิดวันที่รัฐได้กำหนดให้เป็น "วันครูแห่งชาติ" (16 มกราคม) คือพี่สาวคนติดกันและน้องชายคนติดกันกับอาจารย์แม่
  • ฮั่นแน่! เผยนักการเมือง "The hero in Poo' s mind." ออกมาแล้ว
  • ปี 2544 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ของไทย ดำรงตำแหน่ง รมว. กระทรวงศึกษาธิการ (สมัยที่นายชวนหลีกภัยเป็นนายกรัฐมนตรี) ท่านได้ไปเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมสัมมนาที่สถาบันราชภัฏจันทรเกษม หลังจากท่านกล่าวเปิดและให้โอวาท พิธีกรถามว่า มีใครจะถามอะไรท่านไหม อ.แม่เป็นคนแรกเลย (มีเวลาให้ถามแค่ 2 คน)
  • หลังจากแนะนำตนเองแล้ว อ.แม่ก็พูดประมาณนี้ "ก่อนอื่นขอเรียนว่า ท่านอธิการบดีสถาบันรชภัฏอุบลราชธานีชื่นชมท่านมาก บอกว่าท่านเฉียบคมมาก มีโอกาสได้เป็นนายกรัฐมนตรี...(คำถามแรกที่เป็นเรื่องของการศึกษาจำไม่ค่อยได้ค่ะ จำได้แต่คำถามที่สอง)...ขอเรียนถามท่านเป็นคำถามสุุดท้ายว่า โดยทั่วไปแล้วจะเห็นผู้ที่รับผิดชอบงานบ้านงานเมืองซึ่งเป็นงานหนักมักมีความเเครียดและแก่ก่อนวัย แต่ท่านกลับมีใบหน้าสดใสดูเยาว์วัยอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ทราบว่าท่านมีเคล็ดลับอะไรที่ทำให้เป็นเช่นนี้..." ถามจบได้ยินเสียงหัวเราะทั้งห้องประชุมตามด้วยเสียงปรบมือกราวใหญ่ จำคำพูดของพิธีกรได้ดี ท่านพูดว่า "แบบนี้อธิการบดีต้องให้ผศ.วิไล 9 ขั้น..."
  • ท่านอภิสิทธิตอบมาประมาณนี้ "คือผมจะเป็นคนที่เวลาทำอะไร ก็จะศึกษาและวางแผนอย่างรอบคอบ เวลาลงมือทำก็ทำให้ดีที่สุด ถ้าผลมันไม่เป็นไปตามความคาดหวังก็จะไม่คับข้องใจ แต่จะหาสาเหตุและหาทางแก้ไข เวลากลับบ้านก็จะละวาง ไม่นำเอาเรื่องงานมาคิด ทำให้กินได้ นอนหลับสบาย"
  • ให้รางวัลที่หนูปูมาคุยกับอาจารย์แม่ 3 ครั้งด้วยการนำภาพฮีโร่ในดวงใจมาฝาก จริงๆ แล้วอาจารย์แม่ตอบแล้วตั้งแต่ตอนเช้า แต่พอคลิกจัดเก็บก็มีปัญหาข้อมูลหายหมด หลังจากนั้นก็เรียกเครื่องมือจัดการข้อความไม่ได้ ก็เลยปิด GTK แล้วตรวจการบ้านและไปสอนค่ะ  
  • ครั้งนี้หวังว่าจะไม่มีปํญหา เพี้ยง!
  • ขอบคุณ "หนู RindaIco48 " คุณครูคนงาม คุณแม่ของสามหน่อหล่อเหลา มากนะคะ ที่มาให้กำลังใจ
  • ก็ต้องขอขอบคุณจริงๆ ค่ะ ที่กัลยาณมิตรให้ความสนใจเข้ามาอ่านบันทึกนี้มากมายจนไม่แน่ใจว่า การบันทึกสถิติคนอ่านของ GTK คลาดเคลื่อนหรือไม่ แปลกใจจนต้องเขียนอนุทินดัง Link ข้างล่างค่ะ และในอนุทินดังกล่าว ก็ได้ทราบว่าคุณทิมดาบบอกว่าได้เข้ามาอ่าน 5 ครั้ง ค่ะ

  • ขอบคุณนะคะ ที่บอกว่า "มีผู้เข้ามามากเพราะอ่านแล้วได้สาระและสนุกกับการเขียนเชิงสร้างสรรค์ของท่านค่ะ"

  • แม้จะมอบส.ค.ส.ช้าไปหน่อยก็ยังอยู่ในเดือนแรกของปีใหม่นะคะ ขอให้หนู Rinda และครอบครัวสุขกายสุขใจตลอดปี 2555 และตลอดไปนะคะ  

 

  • ขออนุญาตนำความเห็นของ "คุณทิมดาบIco48" ในอนุทินที่ผู้เขียนบันทึกแสดงความประหลาดใจกับการที่มีกัลยาณมิตรกรุณาเข้ามาอ่านบันทึกนี้มากมายอย่างไม่น่าเชื่อ คุณทิมดาบแสดงความเห็นไว้ดังนี้ค่ะ

          มหัศจรรย์มากครับ เพราะเป็นบันทึกที่ทรงคุณค่า ผมเป็นคนหนึ่งที่เข้ามาอ่านบันทึก "เด็กวอนสอนผ้ใหญ่" ประมาณ 5 ครั้ง ทึ่งกับมุมคิดและการทบทวนวรรณกรรมของอาจารย์

          ถึงแม้ไม่ได้ให้ "ดอกไม้" หรือ "ความคิดเห็น" ก็ไม่แสดงว่า ไม่คิดถึงหรือไม่ให้คุณค่ากับผู้เขียนบันทึก ขอบคุณด้วยใจเสมอนะครับกับบันทึกอาจารย์ งดงามมากครับ

          ขอบพระคุณ คูณทิมดาบจริงๆ ค่ะ สำหรับ "ปิยวาจา" ที่มอบให้ในครั้งนี้ ถ้อยคำของคุณทิมดาบได้สร้างความปิติสุขและความซาบซึ้งใจให้ทุกๆ ครั้งค่ะ และขอถือโอกาสนี้ มอบ ส.ค.ส. ปี 2555 แด่คุณทิมดาบและครอบครัวด้วยนะคะ

 สวัสดีค่ะ Ico48 ...ที่จริงแล้ววัฒนธรรมไทยให้ความรัก ความเอาใจใส่ ดูแลช่วยเหลือต่อเด็กมากๆ...แต่ช่วงที่เป็นวัยรุ่นหรือเยาวชนกลับเห็นความสำคัญน้อยลง... ทำให้ขาดความต่อเนื่องอย่างน่าเสียดายนะคะ...

  • พยายามที่จะตอบ "น้องพจนาIco48" ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะค่ะ แต่ระบบ GTK เรามีปํญหา เลยไม่สำเร็จ
  • ขออนุญาตเรียกน้องตามความรู้สึก และปริมาณความคุ้นเคยนะคะ
  • คุยก่อนที่จะเข้าฟาร์มค่ะ เพราะที่ฟาร์มสงสัยจะหมดสิทธิ์ใช้ Internet เพราะในเมืองยังมีปัญหาขนาดนี้
  • อย่างที่น้องพจนาว่า "...วัฒนธรรมไทยให้ความรัก ความเอาใจใส่ ดูแลช่วยเหลือต่อเด็กมากๆ..."  อย่างเช่น ตอนที่พี่ไปเรียน ป.5 ในเมือง พี่ต้องนั่งพับเพียบบนเสื่อ ไกวเปลลูกชายของน้ากล่อมให้นอน และนั่งไกวอยู่เช่นนั้น จากยังไม่หลับ จนหลับ และตื่นขึ้นมา จึงจะได้หยุดไกล ลุกไปไหนไม่ได้เลย เพราะยายจะเข้มงวดกับพี่มาก
  • และจากผลการวิจัยก็พบว่า การเลี้ยงดูบุตรหลานของคนไทยจะต่างจากทางตะวันตก คือ จะมีการเลี้ยงดูแบบปกป้องคุ้มครองมากเกินไป (Over-pretection) หรือแบบ "ไข่ในหิน" แต่พอถึงเวลาลูกเข้าสู่วัยรุ่น ซึ่งเป็นวัยของการรออกนอกบ้านไปมีกิจกรรมกับเพื่อนๆ พ่อแม่กับลูกก็จะเริ่มห่างเหินกันอย่างที่น้องว่าค่ะ ทั้งที่จริงๆ แล้ว แม้วัยรุ่นจะต้องการความมีอิสระเสรี แต่ด้วยความที่เป็นวัยของการมีอารมณ์แบบที่เรียกว่า "พายุบุแคม (Storm Stress)" คือ "รุนแรงแต่หวั่นไหว" รักแรง เกลียดแรง และเปลี่ยนแปลงง่าย ควบคุมอารมณ์ได้น้อย" จึงมีความจำเป็นที่ผู้พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องคอยดูแลแบบห่างๆ โดยใช้วิธีการเลี้ยงดูแบบ "รักและใช้เหตุผล" หรือแบบประชาธิปไตยของทางตะวันตกเขา 
  • ขอบคุณมากนะคะ ที่เข้าไปให้กำลังใจในอนุทิน และมาแลกเปลี่ยนในบันทึกนี้ หวังว่าคงสบายดีนะคะ

พิมพ์ผิดอีกแล้วค่ะ "...จากยังไม่หลับ จนหลับ และตื่นขึ้นมา จึงจะได้หยุดไก...ไกว"

สวัสดีค่ะ Ico48 ขอบพระคุณค่ะพี่สาว...ถ้าเป็นบันทึกของเราเองสามารถแก้ไขในบันทึกได้...แต่ถ้าเป็นการแสดงความคิดเห็นในบันทึกอื่นแก้ไขไม่ได้ต้องให้เจ้าของบันทึกลบให้ค่ะ...วิธีการแก้ไข...โดยการเรียกเครื่องมือจัดการที่กล่องข้อความก่อน...แล้วจึงกลับมาคลิกขวาคลุมและก๊อปปี้บันทึกที่ต้องการแก้ไข...ก๊อปปี้ทั้งหมดมาวางบนกล่องข้อความผิดคำไหนก็แก้ไข...แล้วจัดเก็บข้อมูล...แล้วจึงไปลบบันทึกเดิมออก...ลองทำดูนะคะ...

สวัสดี น้องสาวอาจารย์ วิไล แวะมาส่งข่าวว่ากลับมาบ้านแล้ว โดยสวัสดิภาพ และมีสุขภาพ

  • ขอบคุณ "น้องพจนาIco48" มากนะคะ ที่อุตส่าห์กลับเข้ามาแนะนำวิธีลบข้อความ ปกติพี่ก็จะแก้ไขความเห็นของตนในบันทึกของตนเองตามวิธีที่น้องแนะนำค่ะ บางครั้งก็ลบและแก้ไข 3 ครั้งก็มีเพราะพักหลังนี่พิมพ์ผิดบ่อยมาก แต่ที่ไม่ใช้วิธีลบก็เพราะระบบมีปัญหา กว่าจะจัดเก็บข้อมูลได้สำเร็จก็ต้องทำถึง 3 ครั้ง เลยไม่กล้าเสี่ยงลบ จึงใช้วิธีแก้เหมือนกับที่แก้เวลาแสดงความเห็นในบันทึกของคนอื่นค่ะ
  • ขอโทษด้วยนะคะที่ตอบช้า เพราะพี่เข้าฟาร์ม และใช้ Internet ไม้ได้ตามคาดค่ะ  

สวัสดีวันตรุษจีนค่ะอาจารย์แม่

เป็นไงบ้างเอ่ยคะตรุษจีน ว้าว เอาภาพฮีโร่ปูมาอย่างนี้ ได้ฝันหลาวนำ ตั้งแต่ติดตามผลงานมา มิเคยที่จะผิดหวัง แค่นี้่ก่อน ฝันดีนะค ะ

                        “ขอให้สุขสราญ ในเทศกาลตรุษจีน”  นะคะ

Ico48 Ico48 Ico48 Ico48 Ico48Ico48 Ico48 

Ico48 Ico48 Ico48 Ico48 Ico48 Ico48 และ "หนูมะปรางเปรี้ยว"

 

ตามมาคารวะ ครูเพื่อศิษย์ ครับ

อาจารย์แม่ครับ งานยุ่งมากถึงมากที่สุด ตั้งใจจะมาทักทายนานมากแล้ว มันสะท้อนให้เห็นอะไรหลายอย่างเรื่องเด็กวอนสอนผู้ใหญ่ ...

อาจารย์แม่สบายดีนะครับ ช่วงนี้ผมสอนมาก หมดแรง ตอนเย็นว่าจะไปวิ่งออกกำลังกายให้เพื่อนฝรั่งร่วมสำนักงานอิจฉา(เพื่อนฝรั่งมีสอนตอนค่ำ ) 5555

 

  • กราบขอบพระคุณ "ท่านอาจารย์ JJIco48" มากค่ะ ที่กรุณามาแวะเยี่ยม
  • ขอบคุณ "ลูกขจิตIco48"...ที่ไม่ค่อยว่าง ก็ยังไม่ห่างหาย
  • อาจารย์แม่สบายดีค่ะ
  • สอนมากถึงกับหมดแรง แล้วจะเอาแรงที่ไหนไปวิ่งให้เพื่อนฝรั่งอิจฉาล่ะคะ
  • "รู้มั้ย" มั้ยที่ถูกต้องใช้ไม้โทนะคะ (อักษรต่ำใช้กับไม้ตรีไม่ได้ ใช้ไม้โทแต่ออกเสียงตรี เช่น ม้า แม้ว มุ้ง ฯลฯ)

สวัสดีอาจารย์แม่ฯ อากาศดี๊ ดี เย็นนี้ มาชวนไปเดินเล่นนำกัน

http://www.gotoknow.org/blogs/posts/475920

อิ่มแซบอีหลีกระเดี้ยกระด้อเด้อค่า (ไม่แน่ใจว่าเขียนถูกไหมคะ)

 

 

  • "หนูปูIco48" จ๋า อาจารย์แม่เข้าไปอ่านและแสดงความเห็นในบันทึกที่หนูปูชวนไปเดินเล่นแล้วตั้งแต่เวลาประมาณ 15.30 น. แต่คลิกจัดเก็บแล้ว มีปัญหา ก็เลยพักไว้ก่อน เดี๋ยวจะเข้าไปใหม่นะคะ
  • "อิ่มแซบอีหลีกระเดี้ยกระด้อเด้อค่า" คลาดเคลื่อนนิดหน่อยค่ะ "กระเดี้ยกระด้อ" ให้สลับเป็น "กระด้อกระเดื้อ-สระเอือค่ะ" เด้อ...เป็นเด๊อ...ไม้ตรี ค่ะ    

 

ซินเจี่ยยู่อี่ ชินนี่ฮวดไช้ เฮง เฮง เฮง นะคะ

ขอบคุณคำอวยพรค่ะ

  • ขอบคุณมากครับ
  • อาจารย์แม่
  • คุณเจษฯเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องเห็ดเลยครับ
  • อยู่ที่เชียงใหม่ครับ

เรียน ผศ.วิไล

กินข้าวก่อนครับแล้วจะกลับมาอ่าน...แต่ที่แน่ๆวันที่ 16 มกราคม ไม่ใช่วันครู...แต่เป็นวันหวยออก...555

  • กราบนมัสการ "ท่านพระมหาแล อาสโย ขำสุขIco48" วัดศรีโสภณ : วัดเสือลากหาง ตำบลวังทอง              อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก
  • ขอกราบขอบพระคุณมากค่ะ ที่ท่านเมตตาแวะมาให้กำลังใจ
  • ขอบคุณ "หนูพัชราภรณ์Ico48 " นะคะ ที่แวะมาให้กำลังใจ
  • หนูลืมไปหรือเปล่า ที่ครูแนะว่า เวลาเข้าไปอ่านบันทึกไหน ให้แสดงความเห็นไว้ด้วย เพื่อเป็นการถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของเราต่อเรื่องที่ได้อ่านให้ผู้เขียนทราบ ในขณะเดียวกัน เราก็จะได้ฝึกการอ่านแบบคิดวิเคราะห์ และการเขียนสื่อความไปด้วยในตัว
  • สัปดาห์นี้คงไม่ได้เจอกันที่ห้องเรียน เพราะหนูขอไปร่วมกิจกรรมที่ม.อุบลฯ ซึ่งนั่นก็เป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่ายิ่ง อย่าลืมบันทึกประสบการณ์ที่ได้รับ ลงในรายงานการพัฒนาตนด้วยนะคะ
  • และกลับมาแล้วก็อย่าลืมตรวจสอบจากเพื่อนในกลุ่มว่า ครูให้ทำอะไรเป็นการบ้าน สัปดาห์หน้าขาดไม่ได้นะคะ เพราะครูจะทดสอบทักษะภาษาอังกฤษหลังกิจกรรมการพัฒนา ทดสอบสมรรถภาพสมองและการคิด ซึ่งไม่ใช่ Paper Test แต่เป็น Activity Test ที่ต้องทำในชั้นเรียนเท่านั้น

แวะมาเยี่ยมคุณพี่ หวังว่าคุณพี่คงสบายดีนะครับ

  • "ลูกขจิตIco48" เพิ่งบอกกับอาจารย์แม่ว่า สอนหนักจนหมดแรง แต่เห็นแว้บๆ ในหน้าแรกของ GTK ว่า ลงบันทึกเกี่ยวกับการจัดค่ายภาษาอังกฤษอีกแล้ว 2 ค่าย (อาจารย์แม่ยังไม่ได้เข้าไปดู) ยังไงก็ดูแลสุขภาพของตัวเองบ้างนะคะ
  • การเพาะเห็ดในตระกร้าตามบันทึกของคุณเจษฎา  อาจารย์แม่มองว่าน่าจะแนะนำให้ชาวบ้านทำ เพราะลงทุนน้อย ใช้เนื้อที่ไม่มาก และให้ผลผลิตในเวลาไม่กี่วัน เพาะไว้กินเองในครัวเรือนและจำหน่าย เหลือขายเหลือกินก็แปรรูป อย่างเช่นเห็ดนางฟ้า เห็นเขานำไปทำส้มเเห็ดเหมือนทำปลาส้มอร่อยมากค่ะ 
  • อาจารย์แม่เคยบันทึกรายการ TV เกี่ยวกับการเพาะเห็ดเป็น Videotape ไว้หลายครั้ง เดี๋ยวนี้เปิดดูไม่ได้แล้ว เพราะเครื่องบันทึก/เล่นเป็นยุคเก่า ใช้ผลิตสื่อจนพังไปแล้วสองเครื่อง ร้านซ่อม ซ่อมไม่ได้เลยยกให้เขาไปเลย ตั้งแต่หันไปใช้เครื่องบันทึก DVD ก็ไม่ได้บันทึกเกี่ยวกับการเพาะเห็ดอีก
  • อาจารย์แม่ยังไม่เคยปลูกเห็ด มีแต่เห็ดขอนขาวที่เกิดเองตามตอมะม่วงที่ใช้จัดสวน ไว้ให้เก็บกินค่ะ
  • "ท่านเด Ico48" ตอนนี้ก็คงเป็นเวลาทานข้าวเย็นอีกแล้วสิคะ ไม่ทราบว่า ทานกันหลายคนไหม ทำกับข้าวเองในครอบครัวหรือเปล่า และอาหารจานโปรดของท่านคืออะไรคะ..อิอิ...ถามเป็นชุดเลย
  • เมื่อวานทานข้าวเย็นแล้วได้กลับมาอ่านบันทึกตามที่บอกไว้หรือเปล่าก็ไม่รู้
  • ท่านเดบอกว่า "...แต่ที่แน่ๆ วันที่ 16 มกราคม ไม่ใช่วันครู...แต่เป็นวันหวยออก...555" ก็แสดงว่า....ใช่ไหมล่ะคะ
  • ได้เข้าไปคุยเรื่องเมล็ดไก่ฟ้าในอนุทินล่าสุดของท่านนะคะ ไม่ทราบเข้าไปอ่านแล้วยัง
  • วันนี้พี่ลุกทำงาน 03.46 น.ค่ะ "คุณน้องคนบ้านไกลIco48" ชดเชยที่เมื่อวานนอนเร็ว เพราะทุกวันศุกร์จะเหนื่อยมาก เริ่มสอน 08.00 น. และเลิกสอนตามตาราง 16.20 น. แต่เลิกจริงประมาณ 17.30 น.ทุกวัน เพราะจะมีนักศึกษาที่ดูแลตนเองไม่ได้ ให้เราต้องพูดคุยดูแลเป็นการเฉพาะเพื่อกระตุ้นให้เขารู้คิดมากขึ้นเพื่อปรับเปลี่่ยนตนเองด้วยตนเองต่อไป เรามีเวลาไม่มากสำหรับบทบาทการเป็นครู (ไทยที่โอบอุ้มเด็ก) ก็อยากทุ่มเทเวลาให้กับหน้าที่ครู เพื่อสร้างคนที่มีคุณภาพให้กับประเทศค่ะ เมื่อวานนี้ก็ดูแลพูดคุยกับนักศึกษาหญิงสองคนค่ะ 
  • พี่จะเห็นนักศึกษาทุกคนเป็นลูกหลานของตน เอ็นดู เมตตาพวกเขา อย่างเมื่อวาน มีนักศึกษาชายคนหนึ่งที่เป็นคนที่มีอารมณ์อ่อนไหวมาก เข้าเรียนแต่ไม่ค่อยมีส่วนร่วม พูดเย้าแหย่ก็ไม่รับมุขชักสีหน้า ในกิจกรรมการพัฒนาตน มีการพัฒนาการพูดด้วย นักศึกษาในปัจจุบันจะมีปัญหาออกเสียงไม่ถูกต้องตามอักขรวิธี จึงแทรกการออกเสียงคำที่มีตัว "ร" และคำควบกล้ำ เช่น รำลึก ครบครัน เคลือบแคลง ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง กว้างขวาง ขวนขวาย ไขว่คว้า เป็นต้น ให้ตัวแทนแต่ละกลุ่ม กลุ่มละ 1 คนไปอ่านออกเสียงคนละ 1 บรรทัดให้เพื่อนอ่านตาม แต่เขาไม่ร่วมออกเสียงก็เลยให้ออกไปหน้าชั้นและอ่านออกเสียงแต่ละแถวสลับกับอีกหนุ่มหนึ่งที่ชอบขาดเรียน โดยบันทึกภาพเคลื่อนไหวแล้วเปิดให้ดู ณ ขณะนั้นเลย เขามีท่าทางเหมือนจะไม่ยอมออกไป แต่สุดท้ายก็ยอมและออกเสียงได้ในระดับดี ก็เลยเสริมพลังเขาไปว่า เขามีความสามารถด้านนี้มากกว่าหลายๆ คน ขาดแต่ปัจจัย "ความมั่นใจในตนเอง"  
  • พี่ได้เข้าไปอ่านและพูดคุยในบันทึกเรื่อง "ส่วนเกินของชีวิต" ของคุณน้องตอนตีสี่กว่าๆ ขณะเดียวกับที่ฟังรายการธรรมะ ช่อง 3 รายการ "ชีวิตไม่สิ้นหวัง ต่อด้วยรายการ "ธรรมในใจ" พี่แยกประสาทได้ อย่างขณะนี้ที่กำลังพิมพ์ ก็ฟังดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล บรรยยายในรายการ "สัปดาห์อาเซียน" ซึ่งจะมีแทรกการให้สัมภาษณ์ของผู้นำอาเซียนเป็นภาษาอังกฤษให้ฝึกฟังด้วยค่ะ
  • ขอบคุณนะคะที่แวะไปเยี่ยม พี่สบายดีค่ะ หวังว่าคุณน้อง ภรรยา และหลานสาว 3 ดรุณีจะสบายดีเช่นกันนะคะ (คิดถึงหลานสาวที่แล่น Piano ให้ป้าฟัง ตอนนี้เธอคงกลับไปคร่ำเคร่งกับการเรียนอีกแล้วซีคะ เรียนที่ USA ต้องเรียนแบบ Self-directed Learning ที่พี่พยายามฝึกให้กับนักศึกษาไทยค่ะ)   
  • มาถามอาจารย์แม่ว่า
  • เห็ดขอนขาวจากตอมะม่วงอร่อยไหม
  • ที่บ้านมีเห็ดแบบนี้บ่อยๆ
  • แต่ไม่มีคนกล้าเก็บกิน
  • แต่ตอนเด็กเห็นเขาเก็บจากตอรัง
  • เขาเรียกว่าเห็ดรัง
  • ปัจจุบันหายากแล้ว
  • ขอบคุณมากๆครับ
  • จะปิดเครื่องแล้ว สังหรณ์ว่าลูกขจิตเข้ามาถาม เลยกลับเข้ามาตอบค่ะ
  • ตอบไปแล้วรอบหนึ่ง Copy ภาพมาวางไม่ได้อีกแล้วค่ะ สงสัยจะเป็นเพราะปัญหาที่ notebook ของอาจารย์แม่เองก้ไม่รู้ ดูเหมือนคนอื่นไม่มี จะกลับมาตอบใหม่นะคะ ขอไปดูแลปากท้องและซักผ้าก่อนค่ะ เดี๋ยวแดดจะหมดก่อน

ขออภัยค่ะ มือไวกว่าคอมพ์ประมวลผล :)

ส่งเพลงโปรด ฝันดีนะคะ อาจารย์แม่

http://www.youtube.com/watch?v=A_m7WfvnMJc

  • ว้าว!  "หนูปูIco48" ขอบคุณจริงๆ ค่ะ ที่นำเพลงที่อาจารย์แม่หลงใหลมาเสริฟถึงห้องนอน เมื่อคืนนอนฟังเพลง "น้ำเซาะทราย" จนหลับไปด้วยความสุข ต่างจากคืนอื่นๆ ที่หลับตั้งแต่หัวถึงหมอนด้วยความง่วง (เมื่อคืนยังไม่ได้ขอบคุณหนูปูเพราะเรียกเครื่องมือจัดการข้อความไม่ได้ค่ะ...และอาจารย์แม่ลบหลักฐานความมือไวให้แล้วนะคะ)
  • ยังได้เข้าไปเจอนักร้องคนโปรดคือ สุชาติ ชวางกูร (ที่ร้องเพลงที่มีท่วงทำนองและเนื้อหาซึ้งๆ ทุกเพลง) กระตุ้นให้ไปตามหาแผ่น CD มาฟังขณะขับรถ
  • เพลงเดียวดาย ปลูกรัก หากรัก ที่เข้าไปเจอก็ล้วนเป็นเพลงโปรดและร้องประจำเวลาที่มีคนขอให้ร้อง ขณะเดินทางท่องเที่ยวกับคณะครุศาสตร์ ที่หลังจากให้ทุกคนบนรถมีส่วนร่วมร้องแล้ว อาจารย์ผู้สูงวัยทั้งหลายก็ชอบที่จะให้อาจารย์แม่ร้องเพลงเย็นๆ ซึ้งๆ ให้ฟัง เขาจะมีหนังสือรวบรวมเพลงแจก และถ้าเป็นเพลงเก่าแล้วละก็ไม่ว่าจะเป็นเพลงที่ใครร้อง อาจารย์แม่จะร้องได้แทบทั้งนั้นค่ะ
  • อาจารย์แม่มาตอบ "ลูกขจิตIco48" เรื่อง "เห็ดขอนขาว" ภาคสอง เพราะภาคแรกไม่สามารถใช้เครื่องมือจัดการข้อความได้ค่ะ
  • ที่ลูกขจิตบอกว่า "มาถามอาจารย์แม่ว่า เห็ดขอนขาวจากตอมะม่วงอร่อยไหม ที่บ้านมีเห็ดแบบนี้บ่อยๆ แต่ไม่มีคนกล้าเก็บกิน แต่ตอนเด็กเห็นเขาเก็บจากตอรังเขาเรียกว่าเห็ดรัง ปัจจุบันหายากแล้ว"
  • อาจารย์แม่ขอโม้ว่า ตนเองค่อนข้างจะมีประสบการณ์เรื่องเห็ดที่เกิดตามธรรมชาติ เพราะแอบตามแม่ไปเก็บเห็ดในป่ามาตั้งแต่อายุ 5 ขวบ (ดังที่เขียนไว้ในบันทึกแรกใน Blog "Prideotoknow" เรื่อง "ด้วยเหตุฉะนี้...ฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้จจึงก่อเกิด"  ตั้งแต่ 2 เมษายน 2554)
  • ตอนเด็กๆ ที่ไปเก็บเห็ดในป่ากับแม่ อาจารย์แม่เคยเห็นแต่เห็ดขอนที่เกิดตามขอนไม้เต็ง ไม้รังในป่าที่ชาวบ้านตัดต้นเพื่อแผ้วถางทำไร่ช่วงที่ไม่ได้ทำนา เห็ดจะมีดอกสีออกน้ำตาลอ่อน เรียกกันว่า "เห็ดบด" นำไปแกงเป็นอาหาร ถ้ามีคนไปเจอช้าเห็ดก็จะแก่และจะกลายเป็นสีน้ำตาลเข้มเปลี่ยนชื่อเรียกว่า "เห็ดกระด้าง" นำไปแกงไม่ได้เพราะจะเหนียวมาก จึงต้องนำไปต้มใส่น้ำปลาร้า สุกแล้วนำไปบีบเอาน้ำออกแล้วใช้มีดอีโต้สับให้ละเอียดเพื่อทำ "ซุบเห็ดกระด้าง" การปรุงจะใส่เห็ดที่สับละเอียดแล้วลงไปในครก เติมน้ำต้มปลาร้าพอขลุกขลิก ข้าวคั่ว พริกป่น หอมแดงหั่น  น้ำปลา โขลกพอเข้ากันชิมรสได้ที่แล้วก็ตักใส่ถ้วยและโรยหน้าด้วยสระแหน่  อร่อยมาก แม่ทำอาหารอะไรก็อร่อยทั้งนั้นค่ะ
  • ตอนนี้อาจารย์แม่ไปสืบค้นจาก Internet เห็นเด็กประถมฯ ที่นครพนมทำโครงงานเกี่ยวกับการเพาะเห็ดชนิดนี้ โดยใช้ขอนมะม่วง และขอนไม้เต็ง ไม้รัง จึงนำภาพมาให้ดู พร้อมด้วยภาพการเพาะเห็ดชนิดนี้ในถุง
  • อาจารย์แม่สังเกตว่า เห็ดที่เกิดจากขอนมะม่วงจะมีสีขาว ทางการเรียกว่า "เห็ดขอนขาว" ส่วนเห็ดที่เกิดจากไม้เต็ง/รังจะมีสีน้ำตาลที่เรียกเป็นทางการว่า "เห็ดขอนดำ" ปี 2548 ที่อาจารย์แม่ไปสร้างฟาร์มใหม่ๆ เย็นวันหนึ่งตอนจะกลับจากที่ทำงาน เห็นคนงานกำลังจะขนท่อนมะม่วงที่ตัดต้นทิ้งขึ้นรถ อาจารย์แม่ถามว่าจะขนไปไหน เขาบอกว่า จะขนไปทิ้ง อาจารย์แม่เลยขอให้ขนขึ้นรถอาจารย์แม่แทน เพื่อนำไปจัดสวนที่ฟาร์ม ตอนหลังขอนผุและเกิดเห็ดขอนขาวดังกล่าว เห็ดขอนขาวที่อ่อนอย่างในภาพแกงอร่อยมากค่ะ (เขียนมาตั้งยาวเพิ่งจะตอบคำถาม) ส่วนไม้เต็งไม้รังที่นำไปวางเพื่อกำหนดขอบเขตสนามเปตองที่ฟาร์ม ตอนหลังจะเกิดเห็ดบดทุกท่อน ซึ่งอาจารย์แม่ก็จะเก็บไปทำซุบเห็ดค่ะ
  • ได้เวลาเตรียมตัวไปรับพ่อใหญ่สอที่สถานีรถไฟแล้วค่ะ

          Ico_hedkhon

เรียนท่านอาจารย์

  • อ่านแล้วบอกได้แต่เพียงว่า " ผู้น้อยขอคารวะ" ค่ะ
  • ผู้อาวุโสมิกล้า...แต่ก็ขอน้อมคำนับรับคารวะ "คุณมนัสดาIco48"  ค่ะ
  • ขอบคุณจริงๆ ค่ะ ที่มาเยี่ยมเยียมพร้อมให้กำลังใจ
  • พยายามเข้ามาตอบ 6-7 ครั้งแล้ว แต่ไม่สำเร็จค่ะ หวังว่าครั้งนี้จะทำได้นะคะ

สวัสดีครับท่าน ผศ.วิไล

ขอโทษครับที่ไม่ได้เข้า GTW เสียนาน ทำภาระงานหลาย ๆ เรื่อง (ไร้สาระ)

อ่านผ่านๆแล้วต้องกลับมาอ่านใหม่อีกแน่..แต่ขอตอบว่า

-ได้ความรู้เกี่ยวกับความเป็นมาของวันเด็ก

-คนหัวแข็งรอดตายได้ 555

-รอดจากการจมน้ำตาย อิอิ

-แล้วท่านค้นหาข้อมูลวันเด็กมาได้อย่างไร...คงจาก Google และคงนอนดึกแน่ ๆ

-ผศ.วิไลเหมาะสมแล้วกับความเป็นครู

-ผมคงไม่ขอแสดงความคิดเห็นอะไร..บอกได้คำเดียวว่าสุดยอดครับ

-อ่านข้อความของเพื่อน GTW ที่แสดงความคิดเห็นก็ได้ความรู้..โดยเฉพาะการแก้ไขคำผิดจาก ดร.พจนา

ผมขอตอบคำถามท่านดังนี้

-ทานข้าวคนเดียวครับ...กับข้าว (ไข้เจียว ไข่ต้ม) 555 ทำเองครับ บางครั้งก็ซื้อแกงถุง อาหารโปรดคือ "ตำบักฮุ่ง" 555

-วันนั้นทานข้าวแล้วไม่ได้กลับมาอ่าน (เหตุผลจะเขียนในบล๊อกต่อไปครับ)

-วันหวยออกก็ซื้อลอตเตอรี่ 2-3 ใบ (หวังรวย) ใต้ดินเล็กน้อนร้อยสองร้อย 555

-เรื่องไก่ฟ้าพญาลอ เข้าอ่านแล้วขอบคุณครับ

-บล๊อกนี้ต้องอ่านหลาย ๆ ครั้งครับ.........

ทึ่งความสามารถอาจารย์แม่ ปัจจุบันหาคนมีความรู้เรื่องเห็ดเต็ง เห็ดรังน้อยมาก เพราะต้นเต็งต้นรัง โดนตัดหมดป่า มาแจ้งอาจารย์แม่ว่าได้รับเงินเพื่อให้นิสิตไปทำกิจกรรมแล้วครับ ขอบคุณมากๆครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท