การประกันคุณภาพการศึกษา(อีกครั้ง)
เขียนมาหลายครั้งแล้ว เกี่ยวกับการประเมินคุณภาพการศึกษาโดยสมศ. ผู้เขียนหมายถึงการประเมินรอบ 3 นะ ยังคงขอตอกย้ำความคิดเดิมว่า การประเมินคุณภาพเป็นสิ่งจำเป็นต้องมี แต่การประเมินวันนี้ ก็ยังตอบโจทย์ไม่ได้ว่า เราพยายามดึงนิ้วให้เท่ากัน หรือให้โรงเรียนทุกโรงใส่รองเท้าเบอร์เดียวกัน ก็ในเมื่อมันไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะโรงเรียนแต่ละโรงอยู่ในบริบทที่ไม่เหมือนกันเอาเลย โดยเฉพาะเมื่อเอาขนาดของโรงเรียนเป็นตัวตั้ง เอาโรงเรียนในเขตเมืองและเขตชนบทเป็นตัวตั้ง Inputและcontextที่ต่างกัน processที่ต่างกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะให้outputที่เหมือนกัน (มาตรฐานเดียวกัน) ผู้เขียนอยากเห็นการประเมินที่ดูระดับการพัฒนาของตนเอง อยากเห็นการประเมินที่ดูระดับความพึงพอใจของผู้รับบริการ อยากเห็นการประเมินที่ทุกฝ่ายมีทัศนคติแบบwin-win เมื่อผู้ประเมินออกจากโรงเรียนไป คุณก็ok โรงเรียนก็ok ผู้รับบริการก็ok ไม่ใช่ทัศนคติที่ I am ok, You are not ok. ไม่ใช่คุณถือปากกามาพร้อมจะขีดผ่านกับไม่ผ่าน ไม่ใช่ เปิดคู่มือการประเมินสมศ.รอย 3 แล้วเรียกรายการตามที่ปรากฏในคู่มือทึละข้อ โรงเรียนเล็กๆๆๆ เขาทำไม่ได้หรอกครับโรงเรียนที่มีบุคลากรหลายคน เขาปั่นให้มีได้ พูดความจริงเถอะ เอกสารบางอย่างเท็จทั้งนั้น แล้วอะไรคือสาระที่แท้จริง
ประเด็นต่อไปที่อยากพูดถึงมาก ก็คือวันนี้เราพูดกันมาก ประเทศไทยจะเข้าสู่อาเซียนเป็น 1 ในปี 2558 พยายามรณรงค์ให้โรงเรียนพูดภาษาอังกฤษ สัปดาห็ละ 1 วัน ผู้เขียนก็อยากให้ได้อย่างนั้นนะจริง เว่อร์เสียไม่มี โรงเรียนบ้านนอกๆมากมาย ครูไม่ครบชั้น แม้แต่ครูภาษาอังกฤษยังไม่มีเลย ที่สอนกันอยู่ก็ขอร้องเชิงบังคับให้ครูคนนี้คนนั้นช่วยสอนหรือรับไป การศึกษามันต้องลงทุน ต้องลงทุนให้ถูกทางด้วย ไม่ใช่ตีกรอบว่า นักเรียน มีครูได้ 1 คนเอกอะไรก็ได้ เอาอย่างนั้นใช่หรือไม่ กระทรวงศึกษาก็ดีต้องกล้าปล่อยอำนาจการบริหารบุคคลกับการบริหารงบประมาณที่รวมถึงหมวดเงินเดือนด้วย แล้วกระทรวงศึกษาธิการอาจรวมถึงสำนักงบประมาณร่วมกันสร้างหลักการ สร้างระบบและกลไกในการควบคุมกำกับดูแล ผู้เขียนเชื่อว่าโรงเรียนขนาดเล็กเขาบริหารได้ ไม่ลองนำร่องดูสัก10-20 โรงดู ถาม สมศ.ว่าจริงหรือไม่ หรือสมศ.ทำได้แค่yes No ok Thank you.
ตอนนี้ สอนให้เขารักภาษาไทย อ่านให้คล่อง เขียนให้ถูก ดูจะมีความสุขมากกว่า ครับ