ความลับของดาบซามูไร กับ เลขยกกำลัง


ม่รู้ว่าทุกคนเคยได้ยินมาหรือไม่ว่าที่สุดของดาบคือ ดาบซามูไรญี่ปุ่น หรือ Katana ซึ่งมีต้นกำเนิดอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่ก่อนศตวรรษที่ 14 ในปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าดาบซามูไรญี่ปุ่นเป็นอาวุธ ที่สมบูรณ์แบบที่สุด (ในสมัยก่อน)

ดาบซามูไรญี่ปุ่นเป็นดาบที่คม แข็งแรง และยืดหยุ่นไปในตัว ความคมของดาบสามารถตัดร่างของมนุษย์ออกเป็นสองท่อน หรือตัดเส้นผมที่อ่อนนุ่มเพียง 1 เส้น นอกจากนี้ดาบซามูไรญี่ปุ่นยังสามารถตัดวัตถุแข็งๆได้ โดยที่ดาบไม่หัก ไม่แม้กระทั่งบิ่นด้วย ในสงครามถ้าผู้ใช้ดาบมีความเชี่ยวชาญ ดาบซามูไรญี่ปุ่นเพียงเล่มเดียวสามารถสังหารคนได้มากกว่า 1,000 คน โดยที่ไม่หัก ถ้าผู้ใช้โดนฟันตายก่อน

ด้วยวิธีการตีดาบขึ้นมาที่ซับซ้อน และต้องใช้ความอดทนอย่างเหลือเชื่อ ดาบจะถูกตี่ขึ้นมาจากผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ซึ่งการตีดาบนั้นสืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น จากพ่อสู่ลูก จากอาจารย์สู่ลูกศิษย์ จึงเป็นอาวุธที่เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณและประเพณี มีพิธีการมากมายในการตีดาบ และการส่งมอบดาบ

การตีดาบซามูไรญี่ปุ่น

ดาบนี้มีต้นกำเนิดจาก เหล็ก ไฟ และ น้ำ บวกกับ ค้อน ของช่างตีดาบด้วย กระบวนการทำดาบทั้งหมดใช้เวลาถึง 3 เดือน!

ซาดาอิจิ กัสสัน (Sadaeji Gassan) ช่างตีดาบที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง กัสสันเป็นตระกูลช่างตีดาบที่ตกทอดมากว่า 700 ปี

  • โดยช่างตีดาบจะหลอมโลหะเหล็กหลายชิ้นเข้าด้วยกันเป็นก้อนสี่เหลี่ยม และทำการทุบด้วยค้อน และทำการพับก้อนเหล็กก้อนนั้น จนเป็นเหมือนก้อนสี่เหลี่ยมอีกครั้งแล้วทำให้เย็นด้วยน้ำ จากนั้นก็นำเข้าเตาหลอมและตีซ้ำและพับอีกครั้ง ช่างตีดาบจะทำเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความลับของดาบอยู่ที่ตรงนี้ครับ ทุกครั้งที่เหล็กถูกพับและตีจะสร้างชั้นของโลหะขึ้นมา เหมือนที่เราพับกระดาษนั่นแหละครับ ช่างตีดาบจะพับทั้งหมด 22 ครั้ง ซึ่งทำให้เกิดชั้นโลหะทั้งหมด 222 = 4,194,304 ชั้น! ชั้นโลหะเหล่านี้แหละครับคือความลับ ของความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่น ในคราวเดียวกันนั่นเอง
  • และพอตีโลหะได้ดังนั้นแล้ว จากนั้นก็จะมีการนำเหล็กที่แข็งกว่าตีแทรกเข้าไปเพื่อให้เป็นแกนกลางของดาบอีกชั้นหนึ่ง เสร็จแล้วจึงตีให้ขึ้นรูปเป็นรูปดาบ
  • พอเป็นรูปดาบแล้วก็นำไปแช่น้ำเย็น ถ้าดาบตีขึ้นมาไม่ดี ตอนนี้ดาบจะเปราะ และหักได้ง่าย แต่ถ้าตีขึ้นมาได้สำเร็จ ดาบจะไม่แตกหรือหัก แน่นอนครับว่าดาบที่ตีขึ้นมาด้วยวิธีการนี้แทบจะไม่สามารถหักได้ด้วยแรงคนเลย
  • จากนั้นก็จะเป็นวิธีการที่ละเอียดอ่อนคือการลับดาบ และขัดเงา ลวดลายบนดาบที่เป็นรูปคลื่นก็เกิดจากขั้นตอนนี้แหละครับ โดยช่างลับดาบจะใช้ดินเผาทาดาบเป็นรูปคลื่นเพื่อป้องกันไม่ให้ดาบเสียหายเวลาที่ถูกลับ ซึ่งขั้นตอนนี้ละเอียดอ่อนมาก การลับดาบต้องทำด้วยมือเปล่า ส่วนการขัดขั้นสุดท้ายใช้นิ้วเปล่าๆ ของคน

ดูแล้วน่าทึ่งไหมหล่ะครับ ส่วนนี้เป็นส่วนที่น่าชื่นชมของคนญี่ปุ่นมากครับ เค้ามีการสืบทอดเอาวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ไว้ในจิตวิญญาณ ผู้ที่สืบทอดวิชาดาบ และการตีดาบ ก็ยังมีอยู่จนถึงปัจจุบัน โดยที่ไม่มีใครมองว่าตกยุคตกสมัยเลย

 
หมายเลขบันทึก: 473188เขียนเมื่อ 1 มกราคม 2012 13:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 22:07 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท