กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล
บ่อเกิดของกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลมาจากกฎหมายภายในของแต่ละรัฐและไม่ใช่กฎหมายระหว่างประเทศโดยบ่อเกิดของกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลมี 2 ประเภท คือ
1.บ่อเกิดตามกฎหมายภายใน แบ่งได้ 2 ลักษณะ
1.1 กฎหมายลายลักษณ์อักษร
1)กฎหมายเฉพาะที่อยู่ในรูปของพระราชบัญญัติหรือประมวล กฎหมาย
2)ประมวลกฎหมายแพ่ง
1.2 คำพิพากษาของศาล
2. บ่อเกิดตามกฎหมายระหว่างประเทศ : อนุสัญญา
1.1 อนุสัญญาเกี่ยวกับกฎหมายขัดกันหรือการเลือกกฎหมาย
1.2 อนุสัญญาเกี่ยวกับวิธีพิจารณาความระหว่างประเทศ
1. ความหมาย กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล ( private internation law) หรือ กฎเกณฑ์แห่งการเลือกกฎหมาย (Conflict of laws) หมายถึง กฎหมายภายในของรัฐที่กำหนดนิติสัมพันธ์ของเอกชนในทางแพ่งที่มีองค์ประกอบต่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้องในทางหนึ่งทางใด โดยกฎหมายขัดกันจะบ่งชี้ว่าข้อเท็จจริงเกี่ยวข้องกับกฎหมายต่างประเทศมากกว่าหนึ่งประเทศต้องใช้กฎหมายใดเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับแก่คดี
2. ขอบเขตเนื้อหา กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลสำหรับประเทศไทย คือ เรื่องสัญชาติอันเป็นเรื่องที่ว่าด้วยการจัดสรรเอกชนระหว่างประเทศด้วยสัญชาติและภูมิลำเนา , สิทธิของคนต่างด้าวในประเทศไทย , กฎหมายขัดกัน และกระบวนพิจารณาความในทางระหว่างประเทศ โดยกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลของแต่ละประเทศมีเนื้อหาที่ไม่เหมือนกันแต่ละประเทศต่างก็มีกฎเกณฑ์เป็นของตัวเองซึ่งอาจเหมือนหรือต่างกัน
3. วัตถุประสงค์ของกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล คือ การใช้กฎหมายต่างประเทศบังคับกับข้อเท็จจริง หรือ นิติสัมพันธ์ของเอกชนตามกฎหมายเอกชนที่มีองค์ประกอบต่างประเทศซึ่งต้องคำนึงถึงจุดเกาะเกี่ยวใดมากที่สุดของประเทศนั่นเพียงกฎหมายเดียวเป็นสำคัญ ทั้งนี้ กฎหมายขัดกันโดยตัวมันเองเป็นนิติวิธี คือ เป็นเครื่องมือชี้ให้เห็นว่าจะใช้กฎหมายภายในของประเทศใดมาใช้บังคับ โดยต้องตระหนักว่า หากเป็นนิติสัมพันธ์ภายใต้กฎหมายมหาชนแล้ว คนต่างด้าวที่เข้ามาและได้พำนักอยู่ในรัฐของดินแดนแล้ว เขตอำนาจตามหลักบุคคลจะถูกยกเว้นไม่ใช้แต่จะใช้เขตอำนาจตามหลักดินแดนแทน กฎหมายมหาชนได้แก่ กฎหมายอาญา , กฎหมายปกครอง กฎหมายวิธีพิจารณาความ , กฎหมายภาษี กฎหมายว่าด้วยสัญชาติ , กฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง เป็นต้น หากพิจารณาเนื้อหาของกฎหมายขัดกันของไทยแล้ว จะเห็นได้ว่าใกล้เคียงกับกฎหมายเอกชน หรือ จากการแบ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การใช้กฎหมายขัดกันจะต้องใช้เคียงคู่กับกฎหมายเอกชน (กฎหมายแพ่งและพาณิชย์) ด้วยจะไม่มีการใช้กฎหมายขัดกันโดยลำพัง และนอกจากนี้กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลเป็นกฎหมายภายในด้วย เนื่องจากที่มาหรือบ่อเกิดส่วนใหญ่มาจากกฎหมายภายใน เช่น ประมวลกฎหมาย คำพิพากษา , หลักกฎหมายทั่วไป หรือ สำหรับประเทศไทยคือพระราชบัญญัติว่าด้วยการขัดกันแห่งกฎหมาย พ.ศ. 2481 และกฎเกณฑ์ในการรับรองและบังคับคำพิพากษาของศาลต่างประเทศ ประเทศไทยยังไม่ได้เป็นลายลักษณ์อักษรรองรับแต่อย่างใด คงเป็นเพียงคำพิพากษาของศาลฎีกาที่เคยวินิจฉัยคดีที่เกี่ยวกับประเด็นในเรื่องการรับรองและบังคับคำพิพากษาของศาลต่างประเทศเท่านั้น
5.แนวทางการศึกษาวิชากฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล
WHO คือ ประเด็นที่ว่ากฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลนั้นจะใช้กับใคร ไม่ใช้กับใคร
WHAT คือ กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลนั้นใช้ในเรื่องอะไร
WHEN ใช้กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลได้เมื่อไหร่ มีกำหนดเวลาหรือไม่
WHERE ใช้ในขอบเขตใด เป็นการทั่วไป หรือเฉพาะเขตหรือท้องที่
HOW จะให้ใช้บังคับอย่างไร วิธีการใช้มีลักษณะพิเศษใด มากน้อยแค่ไหน ในรูปของกฎหมายที่ต่างกับกฎหมายประเภทอื่นอย่างไรบ้าง
การศึกษากฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลต้องศึกษาพัฒนาการของการเริ่มต้นของกฎหมายว่าเหตุใดจึงมีที่มาและที่ไปของกฎหมายนี้และมีคุณค่าต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศซึ่งมีความแตกต่างกันในเรื่องการปกครอง, เศรษฐกิจ เพื่อแก้ปัญหาระหว่างประเทศได้จริงมิใช่เป็นเพียงกฎหมายที่ไม่สามารถปรับใช้กับข้อเท็จจริงที่เป็นปัญหาในปัจจุบัน ทั้งนี้หากศึกษาในเรื่องของกฎหมายขัดกันของประเทศหนึ่งก็ไม่ควรบัญญัติไปในทางที่จะก้าวก่ายกฎหมายของอีกประเทศหรือคนชาติหรือของรัฐอื่น โดยรัฐควรตรากฎหมายขัดกันที่กล่าวเฉพาะแต่กฎหมายของชาติตนเท่านั้น โดยการบัญญัติเป็นกลางๆ ไม่ระบุให้ใช้กฎหมายของประเทศของตนแต่เพียงอย่างเดียว แต่จะต้องมีการรับรองจุดเกาะเกี่ยวอื่นๆด้วยเพื่อความสอดคล้องกับหลักมนุษยธรรม และความเป็นธรรมกับรัฐอื่นด้วย
ช่วยสรุปอีกทีว่า ในความคิดเห็นของคุณ โดยสรุป วิชากฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลมีความเกี่ยวข้องกับคุณหรือไม่ ? และมีความเกี่ยวข้องกับประเทศไทยหรือไม่ ?