ในทุกสังคม ต่างก็ต้องการความจริงใจ ล้วนปรารถนาความโปร่งใสตรงไปตรง มา ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ตามฐานที่ตนเป็น และแสดงออก เช่น...
- คนไม่มีศีล ก็ให้ แสดงออกตรงฐานว่าตน คือ คนไม่มีศีล
- คนเริ่มมีศีล ก็แสดงออกว่า ตนเริ่มฝึกตน ที่จะมีศีล
- คนที่พร้อมประกาศว่า ตนมีศีล ก็แสดงออกว่า ตนมีศีล
- คนที่ยืนยันหนักแน่นได้แท้ ว่า ตนมีศีล ๕ ก็พึงแสดงออกว่า ตนมีศีล ๕
และแสดงอื่น ๆ ตามที่ตนมี ที่สูงกว่านั้น ให้สังคมทราบตรง ๆ พร้อมให้พิสูจน์ตามได้ทั้ง ต่อ หน้าและลับหลัง
เพื่อสังคมจะได้รู้ว่า คนแบบใด ควรจะสนับสนุน ส่งเสริม หรือคัดเลือกให้เข้าไปทำหน้าที่ และเอาภาระในเรื่องอย่างใด ๆ
ด้วยในความเป็นจริงที่สังคมมันยุ่งเหยิงสิ้นดีในบัดนี้ ก็ด้วยมีแต่คนสร้างภาพพรางลวงให้เกิดความเข้าใจผิดเต็มแผ่นดินไปหมด
เป็นคนทุศีล หยาบคายแท้ ๆ ก็สร้างภาพว่า เป็นคนดี เป็นคนจิตอาสา เป็นคนเสียสละ...
เป็นคนใจบาป หยาบช้า เอารัดเอาเปรียบ ก็แสร้งลวงว่า ตนใจบุญ มีศีล มีธรรม
สมควรที่สุดครับ ท่านอาจารย์ ส่วนตัวกระผมเองคิดว่า หากคนในสังคมเราเปลี่ยนพฤติกรรมนี้ได้ประเทศชาติเราจะเปลี่ยนไปสุ่ทางที่เหมาะที่ควรขึ้นอย่างแน่นอนครับผม
สาธุ..
ก็จักต้องช่วยกัน โดย เริ่มที่เราเองก่อน และค่อยขยายออกไปเรื่อย ๆ จักเกิดพลังแห่งความตรงไป - ตรงมา
บกพร่องผิดจริง สำนึกแท้
กินปูนร้อนท้อง จึงดิ้น แล...หวั่นไหว
กรรมบาป ลงลึก กินใจ
สำนึกดีได้ สารภาพด้วยใจ จึ่งพ้น
เส้นทางคนใจบาป...เมื่อการไม่ยอมรับสำนึกผิดปรากฏในใจ โมหะร้ายโถมทับ กรรมบาปหนากลับยิ่งหลงผิดคิดเคียดแค้นหมายเอาคืน...
ข่าวว่า..บางผู้...ถึงกับสบถออกมา " เมื่อข้าไร้สุข พวกเอ็ง ก็อย่าหมายได้สุข "