หน้าแรก
สมาชิก
น้อย น้ำพอง
สมุด
อุฑยานผักหวานป่า'๔๔
ไดอารี่ชีวิต 7
น้อย น้ำพอง
นาง ศศิธร น้อย ไชยจันทร์ดี
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
ไดอารี่ชีวิต 7
จุดเปลี่ยนเส้นทางเดินชีวิต เรียนรู้ความทุกข์ นิมิตกับชีวิตที่ผูกพันธ์
.....จากเหตการณ์ ณ ปัจจุบันที่เกิดขึ้นกับชีวิต
ทำให้จิตใจรู้สึกถึงสิ่งที่ขาดหายไปสำหรับชีวิต
ในความเคยชินที่เคยได้ปฏิบัติมาตลอด1ปีที่ผ่านมา
กับการดูแลอุปัฏฐากดูแลถวายอาหารในตอนเช้า กลางวัน เย็น
การจากไป(ละสังขาร)ของท่านพระครูสุพล(หลวงลุง)
ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนว่างงานยังไงไม่รู้(ทั้งที่งานอยู่รอบๆตัว)
ทานข้าวก็เหมือนไม่ได้ทานไม่มีรสชาติอะไรเลย(แต่ต้องกินเพื่อร่างกาย)
นอนก็เหมือนจะนอนไม่อิ่มซักที ยิ่งนอนยิ่งเหนื่อย กว่าตอนทำงานๆๆๆซะอีก
อาจเป็นเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวและหัวใจที่เรียกว่าความผูกพันธ์"สัญญาอนัตตา"กระมัง
หรืออีกนัยหนึ่งคงเป็นสิ่งที่เรียกว่า"ธรรมจักร"กำลังหมุนในใจ
แต่สิ่งที่กำลังหมุนอยู่ภายในหัวใจเดี่ยวนี้ขณะนี้คือสิ่งที่เบามากกว่าหนักอึ้ง
ในเมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นมันคือความจริงไม่ได้กำหนดขึ้นมาเอง
จึงต้องพิจารณาต่อให้แจ่มชัด หายจากข้ออาลัย-สงสัยจึงจะวางลงได้ภายในใจ
เมื่อจังหวะชีวิตธรรมะหมุนมาก่อนธรรมชาติ(ผักหวานป่า)
จึงจำเป็นต้องพิจารณา(เล่าเรื่องราวไดอารี่ชีวิตกันต่อ)
อีกหน่อยเมื่อผักหวานป่าหลั่นล๊า.. (โผล่ยอด-ดอก)คงได้บ้า!ผักหวานป่า
.....ชีวิตตลอดระยะเวลา 14ปีที่ได้เข้ามาอยู่ที่แห่งนี้
"อุฑยานผักหวานป่า'๔๔"
.....
ที่ดินผืนนี้คือเสาเข็มปักชีวิตไปไหนไม่ได้
ต้องอยู่ ต้องทำ ต้องทน
การเริ่มต้นชีวิตระหว่าง คนสองคน กับการตามหาผักหวานป่า(วิธีปลูก)
ชีวิตและการทดลอง-ค้นหาวิธีปลูกผักหวานป่า ไม่สามารถแยกออกจากกันได้
เพราะทั้งสองเรื่องนั้นดำเนินเดินมาควบคู่กัน(เปรียบได้กับแขนซ้ายและแขนขวา)
.....จุดเปลี่ยนชีวิตเมื่อต้องใช้ชีวิตคู่(แต่งงาน)หลังจากเรียนจบชั้น ม.6(ปวช).....
เหตุผลเจ้าบ่าว(หรือเนื้อคู่ มั๊ง) รีบ(แก่)เกิดเร็วไปหน่อย...(จะเปลี่ยนก็ไม่ได้)
เมื่อมาถึงตรงนี้หลายๆท่านอาจจะงง? (แต่ข้าพเจ้า งง!หนักยิ่งกว่า)
เมื่อชีวิตถูกลิขิต(เจ้าชาย หนุ่ม เหลือน้อย)19กับ42 (ไม่รู้ว่าใครจะงงกว่ากัน)
แต่ทั้งหมดในเรื่องราว
ของชีวิตกว่าคน2คนที่อายุห่างกันมาก
กลับต้องโคจรมาเจอกันและต้องอยู่ร่วมกันในฐานะชีวิตคู่
มีเหตุแห่งที่มาและความไปผูกพันธ์เชื่อมโยงมาจนปัจจุบันนี้.....
.....เมื่อตอนที่ข้าพเจ้าอายุได้8-11ขวบได้ขี่คอพ่อและเพื่อนๆของพ่อ(ช่วยเลี้ยง)
(เนื่องจากตัวเล็กมากจึงได้ชื่อน้อย)ไปเที่ยวบ้านเพื่อนพ่อช่วงงานบุญต่างๆ
พ่อเป็นนายฮ้อย บ้านทำนาทำไร่เลี้ยงควาย(บางปีเลี้ยงควายให้โรงฆ่าสัตว์)
ข้าพเจ้าได้เห็นสิ่งต่างๆที่ผู้ใหญ่นั้นกระทำในการดำเนินชีวิต
ได้เห็นน้ำตาของสัตว์เลี้ยงที่คุ้นเคยและผูกพันธ์กันมาแต่วันนึงต้องส่ง"ฆ่า"(โรงฆ่าสัตว์)
ได้เห็นชีวิตที่(ดู)สนุกสนานของผู้ใหญ่(สุรา-นารี)
ข้าพเจ้าคิดเองภายในใจ(ศีล5ข้อ ไม่เหลือซักข้อ)ทำไม่ถูกแต่พูดถูก...
อีกด้านหนึ่งก็เป็น
แผนกหิ้วปิ่นโต ให้ย่า
เวลาไปวัด....
อยู่ที่ไหนก็เรียกหาเรียกใช้ หลานมีมากมาย(บ่นนิดๆ)
จากสิ่งที่เห็นและขบคิดกับตัวเองภายในจิตใจแต่ก็ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร?
เมื่ออายุ12ปีประถม6 ก็เป็นเวลาที่ต้องคิดหนักกับการก้าวย่างของตัวเอง
....
หนึ่งทางเลือกชีวิตคือการเข้าวัด
บวชชี ไปอยู่กับหลวงตาที่จังหวัดอุดรธาณี
แม่เป็นคนอำเภอทุ่งฝน ตาบวชสายวัดป่า(ธรรมยุติ)ตั้งแต่ข้าพเจ้าเด็กๆ
ปัจจุบันอายุท่านย่าง85 ปี(ไม่กี่วันคงได้ไปเยี่ยมกราบนมัสการท่าน)
....
ทางที่สองไม่ได้เลือกแต่ต้องทำ
(ช่วย)ตอบแทนบุญคุณพ่อแม่....
ทางบ้านมีปัญหาในเรื่องเกี่ยวกับกรณีพิพาท(ที่ดินของปู่)
ในบรรดาลูกหลานคงมีเพียงข้าพเจ้าที่สนใจ(ลึกๆ)ฟังกลายๆกับวงสนทนาผู้ใหญ่
แอบจดจำสังเกตุ(ตามประสาเด็ก)คำพูดและสิ่งที่ผู้ใหญ่ทำ ในการแก้ปัญหา
......ที่ดินของปู่60กว่าไร่ ไม่มีเอกสารสิทธิ์มีเพียงสิทธิครอบครองทำประโยชน์
การซื้อขายสมัยก่อนที่ยึดถือคุณธรรมความเชื่อใจกันเป็นหลัก
แต่เมื่อวันหนึ่ง มีกลุ่มนายทุนทราบเรื่อง.จึงเป็นเรื่อง....
ปู่กับลูกชาย2คน(พ่อของข้าพเจ้าและพี่ชาย) จ้างทนายความฟ้องศาลยุติธรรม
ขอสิทธิครอบครองในผืนดินที่บุกเบิกมากับมือพร้อมลูกๆ
....
ศาลพิพากษา!ให้ได้สิทธิครอบครอง
ตามที่ขอ(ไม่มีคู่กรณีมาแย้ง)
คดีถึงที่สุด
ศาลชั้นต้น..
ด้วยความสุขความหวังพึ่งบารมีศาล นำคำสั่งศาลไปขอโอนสิทธิครอบครองที่สนง.ที่ดิน
ความสุขกลายเป็นทุกข์
ใหญ่หลวงเมื่อ จนท.แจ้งว่า"
โอนให้ไม่ได้
หรอก" พร้อมกับแจ้งว่า
ที่ดินแปลงนี้เจ้าของเดิมขายต่อให้คนอื่นมีการทำสัญญาซื้อขายถูกต้องกับสนง.ที่ดิน
เท่านั้นยังไม่พอ..แจ้งอีกว่า ได้ออกเป็นโฉนดที่ดินและขณะนี้ถูกนำไปค้ำประกันเงินกู้ไว้ที่
ธนาคาร...!
ฟ้าผ่าลงกลางหัวใจ"มีคำพิพากษาของศาลแต่ไม่สามารถบังคับใช้ได้"
กู้หนี้ยืมสินค่าใช้จ่ายขึ้นศาลจ้างทนายความ(แสบสันเพิ่มอีกเมื่อทนายความ แปรพรรค)
.....แล้วมันเกี่ยวโยงกับชีวิตคู่ของข้าพเจ้าตรงไหนเนี่ย.....เกี่ยวเต็มๆเลยค่ะท่าน
จากเดิมมุ่งมันจบป.6 ฉันจะเข้าวัด เบื่อความโลภ โกรธ หลง ที่ไม่สิ้นสุด
"เป็นช่วงชีวิตที่โหยหาต้นแบบ(ความถูกต้อง)รอบๆตัวมีแต่พูดถูกต้อง แต่ทำถูกใจ
แล้วด้านถูกต้องเวลาทำต้องทำแบบไหน ทำยังไง (ฉันทำไม่ถูก มีแต่ต้นแบบพูดๆๆๆๆ)"
(...ในขณะเดียวกันวัยเด็กเมื่อไหร่ที่ได้ยินเสียงผ่านทางจอทีวี ระบุเวลาข่าว ในพระราชสำนัก
เป็นต้องรีบปรี่หาที่จับจองรอดูละคร แต่สิ่งที่ซึมซับผ่านตา หู และหัวใจให้ขบคิด (ตามประสา)
คือภาพการเสด็จของในหลวงและพระบรมวงศานุวงศ์ ตามถิ่นธุระกันดาร บ้านนอก-ป่าเขา...)
.....มองเห็นการใช้ชีวิตของผู้ใหญ่(แต่เด็กอย่างข้าพเจ้าพูดไม่ได้ คิดได้เพียงอย่างเดียว)
ได้แต่คิด พูดกับตัวเอง หากมีโอกาสจะช่วยปู่ พ่อ-แม่ แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าว
คงมีเวลาเหลือได้เข้าวัด(เรื่องแต่งงานมีครอบครัวบอกได้เลยค่ะไม่เคยคิด ธรรมอิ่มใจ!)
แล้วใครจะมาช่วยฉันแก้ปัญหานี้ได้หละเนี่ย...(คิดต่อในใจ)หากจะมาขอให้มา ยังคิดต่อในใจ...
(ปรากฏตัว)ก่อนฉันเรียนจบนะไม่งั้นแม่ไม่รอ ไม่แก้ไขปัญหาอะไรใดๆของใครทั้งสิ้น
ขอตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่ด้วยการทำดีโดยบ่ายหน้าเข้าวัด.....
.....ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ! หลบหน่อยพระเอกมา....555
**ปล.ขอสานต่อเรื่องราวในตอนต่อไปนะคะเรื่องราวต่อเนื่องกันแต่วันนี้เวลาไม่พอ**
เขียนใน
GotoKnow
โดย
น้อย น้ำพอง
ใน
อุฑยานผักหวานป่า'๔๔
คำสำคัญ (Tags):
#(การยอมรับความจริง ยอมรับทั้งความสุขและความทุกข์)
#ธรรมชาติคือธรรมะ
#ธรรมะคือสัจธรรม
#สัจธรรมคือความจริง
หมายเลขบันทึก: 469768
เขียนเมื่อ 29 พฤศจิกายน 2011 23:19 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 26 เมษายน 2012 17:08 น. (
)
สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกัน
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
น้อย น้ำพอง
สมุด
อุฑยานผักหวานป่า'๔๔
ไดอารี่ชีวิต 7
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท