หลังจากที่ภาคเช้าได้มาประชุมร่วมทำแผนในการทำงาน ปี 2554 ที่สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ...
ช่วงบ่าย...ผมเดินทางไปพบนายก อบต.แห่งหนึ่ง เพื่อคุยเรื่องการจัดการกลิ่นรบกวนจากฟาร์มหมูที่ชาวบ้านร้องเรียนมา...
เมื่อตอนพักเที่ยง ผมได้แวะซื้อขนม และผลไม้ เพราะวางแผนในใจว่า ตนเองกำลังจะเดินทางไป อบต. ซึ่งเป็นระยะทางที่ห่างจากกันไม่มากจากสถานีอนามัยหลังเก่าที่ผมเคยทำงานอยู่ และผูกพันกับที่นี้...และชาวบ้านที่นี้
ตอนจริงผมก็ติดต่อทางโทรศัพท์เป็นระยะ ๆ กับพี่ ๆ ที่อนามัย และบ้านพ่อแม่อุปถัมภ์ (ผมขอเรียกอย่างนั้น) เพราะตอนไปทำงาน...ทุกท่านให้ความรักกับผมมาก...ช่วยจัดหาอาหาร...ที่พัก...และช่วยผมทำงานด้วย...ทุก ๆ อย่าง
เมื่อสมัย 10 กว่าปีก่อน...หมออนามัยที่มาทำงานในหมู่บ้าน จะได้ความรักความเมตตามากมายกว่าปัจจุบัน...ผมคิดอย่างนั้น...
อาจเป็นเพราะสภาพสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก
ผมจำได้ว่า...ผมเริ่มต้นจากการทำงานที่ลงชุมชนจริง ๆ ส่วนใหญ่...แล้วก็มาทำรายงานกระดาษเล็กน้อย...เริ่มมีมากขึ้น รายงานมีมากขึ้น...แล้วก็มีคอมพิวเตอร์...โทรศัพท์มือถือ...อินเตอร์เนต
ผมว่า... คนในปัจจุบันความละเมียดละไม และความลึกซึ้ง...น้อยลง...ทั้งที่มีการติดต่ออย่างสะดวกและรวดเร็ว
แต่นั่นแหละ...ผมและทุก ๆ คนที่นี้...พยายามที่จะไม่ลืมกัน
แม้สังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และเทคโนโลยี จะเปลี่ยนแปลงที่มองเห็นอย่างรูปธรรม...แต่ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความรู้สึกจากใจที่เป็นนามธรรมได้
เพราะผมยังเป็นมนุษย์...
มนุษย์เป็นสัตว์ที่ยิ่งพยายามลืมมากเท่าไหร่...ก็ยิ่งลืมไม่ลงมากขึ้นเท่านั้น
สำหรับผม...
เมื่อผมได้เขียนถ้อยคำประโยคนี้ทีไร
ผมเหมือนได้กอดวันเวลาแห่งความสุขเอาไว้...
"...กาลเวลาไม่อาจพลัดพรากไปจากความทรงจำ... บางแห่งมีกลิ่นพิเศษที่หอมกรุ่นเมื่อหลับตานึกถึง..."
พี่เคยออกไปเรียนการทำวิจัยแบบPAR ไปนอนในหมู่บ้าน 3 คืน แล้วไปหาประเด็นทำวิจัย น่าสนุกและมีความสุขมาก
พี่เสียดายไม่มีโอกาสที่จะอยู่และทำงานแบบทิมดาบ