moomi กะป้าบวมจะมีอะไรหลายๆอย่างต่างกัน...อย่างน้อยก็ moomi เป็นลูกคนโต (แต่นิสัยเหมือนลูกคนเล็ก) ส่วนป้าบวมเป็นลูกคนเล็ก (แต่นิสัยเหมือนลูกคนโต) และหลายๆอย่างที่เหมือนกัน...
เป็นลูกหม้อบำราศฯเหมือนกัน...
เป็นคนชอบใช้สมองซีกซ้ายมากกว่าซีกขวาเหมือนกัน...
เป็นคนอารมณ์อ่อนไหวเหมือนกัน...
ฯลฯ
แต่มีหลายประโยคที่เรา (moomiและป้าบวม) ได้ยินอยู่บ่อยๆและก็ไม่รู้ว่าจะภูมิใจหรือเสียใจดี...
ไม่ต้องห่วงหรอก เขาดูแลตัวเองได้...
แหม!แต่บางครั้งเราก็มีความต้องการประมาณว่า...
ฉันไม่ได้เจ็บได้ป่วย ไม่ต้องเป็นห่วงเป็นใย
แค่ฉันขาดความอบอุ่นทางใจ
แค่กอดกันก็พอ ถ้าหากเธอขอได้
ถ้าขอได้ ก็ขอแค่นี้ละกัน
แค่กอดกันก็พอ ที่เหลือก็ปล่อยฉัน
มันเพ้อก็พร่ำของมัน(ไป)...
หรือ...
ตัวเองก็เก่งอยู่แล้วนี่...จะมาถามอะไรกับคนอย่างชั้นล่ะ...
พี่น้องเอ๋ย...สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้งแล้วจะนับประสาอะไรกับเด็กในร่างยักษ์อย่างเราล่ะ...
บางสิ่งบางอย่าง...เราก็ไม่รู้ จริง จริ้ง...
ถ้าเป็นเรื่องไร้สาระล่ะก็ ยอมว่ารู้มาก แต่บางสิ่งบางอย่าง...ไอ้เราก็แค่พอรู้...แต่ก็อยากให้คนรอบตัวได้รู้กันบ้าง ประมาณว่าให้เรียนรู้ ทดลอง ค้นและคว้าไปด้วยกัน...
เพราะเราคิดว่าการเรียนรู้ด้วยตัวเอง (โดยมีคนคอยช่วยเหลืออยู่ห่างๆ) มันจะทำให้คนที่เรียนรู้มีความเข้าใจ ทำได้ และยั่งยืนกว่าการสอนหรือการบอกกล่าวให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ (จ้ำจี้ จ้ำไช...)
แรงไปหรือเปล่ากับอารมณ์นี้
"ตัวเองก็เก่งอยู่แล้วนี่...จะมาถามอะไรกับคนอย่างชั้นล่ะ...."
คนที่คิดหรือพูดเช่นนี้ ภาษาHAเขาว่าจะไม่เกิดโอกาศพัฒนาเพราะคงคล้ายกับว่าน้ำในใจเขามันเต็มไปเสียแล้ว
ข้อแนะนำ เทออกเสียบ้างจะดีแน่นอน!!
อาจารย์ปภังกร วงศ์ชิดวรรณ
พอตื่นปุ๊บ...ป้าบวมก็รีบซิ่งมอเตอร์ไซค์ มาเลยนะเนี่ย
ปล. ร้านอาหารของป้าบวมไม่ใช่อาหารเกาหลีหรอกค่ะ ที่ว่าเกาหลีน่ะ สงสัยจะเป็นเจ้าของร้านมั๊ง...ที่น่ารักแบบสาวเกาหลี ง่ะ