สังคมการเรียนรู้


สังคมการเรียนรู้

สังคมไทยห่างไกลจากการเป็น “สังคมการเรียนรู้” เพราะในอดีตที่ผ่านมาเรามักจะทิ้งภารกิจที่สำคัญยิ่งนี้ไว้กับระบบการศึกษาของชาติ มาถึงวันนี้เราต่างก็ได้ตระหนักกันดีแล้วว่าการเรียนรู้เป็นพันธกิจแห่งชีวิตที่คนทุกคนไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะอยู่ในชุมชนหรือในองค์กรก็ตาม ต่างจะต้องร่วมกันรับผิดชอบ เราจะต้องปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ใหม่ คือต้องมองให้เห็นว่าแท้จริงแล้ว คนทุกคนล้วนมีศักยภาพอยู่ในตนด้วยกันทั้งสิ้น เราต้องกำจัดความรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับตนที่อยู่ในคนให้หมดไป คนแต่ละคนจะต้องมีความภาคภูมิใจในสิ่งที่ตนมี ในสิ่งที่ตนเป็น และจะต้องรู้จักเปิดใจ ใฝ่เรียนรู้ในสิ่งที่ตนยังไม่มี ต้องกล้าพอที่จะเปิดเผยว่าตนเองมีสิ่งที่ตนต้องการจะรู้ กล้าพอที่จะขอความช่วยเหลือ ในขณะเดียวกันก็ใจกว้างพอที่จะเป็นผู้ให้ พร้อมที่จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อก้าวไปสู่อนาคตที่มุ่งมั่นใฝ่ฝัน ซึ่ง KM น่าจะเป็นกลไกที่ทำให้ฝันนี้เป็นจริงขึ้นมาได้

คำสำคัญ (Tags): #ima#ite#rsu
หมายเลขบันทึก: 46792เขียนเมื่อ 28 สิงหาคม 2006 03:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:44 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

สิ่งที่เขียนมาไม่ใช่ความคิดเห็นของแพรวนะคะ แพรวควรให้เครดิตกับผู้เขียนด้วย แนวทางที่ดีคือ การแสดงความคิดเห็นของแพรวว่าเห็นด้วยกับคำกล่าวที่ยกมาหรือไม่ หรือแพรวมีประสบการณ์ตรงใดๆ บ้างที่สอดคล้องหรือขัดแย้งกับคำดังกล่าว และถ้าจะทำให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ แพรวคิดว่าสามารถทำได้อย่างไร นั่นจะเป็นการเรียนรู้ที่เกิดจากการแบ่งปันประสบการณ์การเรียนรู้ซึ่งกันและกันนะคะ ครูให้ ** นะคะ

 Aj.Joy ka

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท