๑๑๐.ศิลปะ หนังสือ และวรรณกรรม กับการนำเสนอและจัดการความรู้


เหมือนกับมีอะไรมาทำให้ผมกลับไปเตรียมเก็บข้าวของและขนไปเชียงใหม่ไม่ได้เมื่อ ๒ สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งคล้อยหลังจากนั้นเพียง ๒ วัน น้ำก็หลากจ่อท่วมกรุงเทพฯ และแถวมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา กับพุทธมณฑล ก็มีเค้าว่าจะอยู่ลำบากเสียแล้ว เพราะหมู่มิตรที่อยู่ในละแวกเดียวกันบอกว่าประชาชนในพื้นที่พากันแตกตื่นยกขบวนกันออกไปกักตุนอาหารและน้ำ เดิมทีนั้นผมก็รู้สึกขัดใจทั้งตนเองและอุปสรรคเล็กๆน้อยๆรอบข้าง นับแต่สำรองเที่ยวบินผิด จากที่ตนเองตัวอยู่เชียงใหม่และจะต้องเดินทางจากเชียงใหม่เข้ากรุงเทพฯ ก็กลับไปกรอกข้อมูลออนไลน์พร้อมกับจ่ายเงินทางระบบเอทีเอ็มเป็นขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง เดินทางจากกรุงเทพฯไปเชียงใหม่ !!!

การพยายามติดต่อเพื่อขอแก้ไข จึงทำให้ได้รู้ข่าวคราวอีกหลายอย่างที่ทำให้เอะใจและทำให้ได้ถามไถ่หาข้อมูลสถานการณ์น้ำหลากท่วมในหลายแห่ง กระทั่งต้องเลื่อนการเดินทางออกไปสัก ๔-๕ วัน เลยไปร่วมงานอีกหลายงานไม่ได้ทั้งงานรับปากและงานรับเชิญ แต่หลังจากผ่านมาแล้วเกือบ ๒ สัปดาห์ เมื่อเห็นข่าวน้ำท่วมแถวที่พักผมสูงเลยอกมาหลายวัน ข้าว น้ำ น้ำมัน ขาดแคลน ไฟฟ้าดับ สนามบินดอนเมืองน้ำท่วมถึงใต้ท้องเครื่องบินที่จอดอยู่ เหล่านี้แล้ว ก็พอจะนึกภาพออกว่า หากผมเข้ากรุงเทพฯได้เมื่อคราแรกแล้ว ป่านนี้ผมคงกลับบ้านที่สันป่าตองไม่ได้ อีกทั้งต้องระเหเร่ร่อนไปอยู่ที่ไหนสักแห่งตามศูนย์อพยพ หรือไม่ก็ตามบ้านเพื่อนพ้องน้องพี่ตามต่างจังหวัด ซึ่งก็คงจะพาเขาเดือดร้อนไปด้วยน่าดู ดังนั้น แทนความรู้สึกติดขัดหงุดหงิดใจแต่แรก ก็กลับรู้สึกพอใจว่าดีเหมือนกันที่มีอุปสรรคมาขัดขวางไม่ให้เดินทางสำเร็จ

หนังสือ ๔ เล่ม : ทำหมายเหตุชีวิต
และสิ่งเชื่อมโยงกับประสบการณ์ต่อสังคม

ระหว่างอยู่ที่สันป่าตอง เชียงใหม่ ผมรู้สึกเหมือนยิ่งเห็นโลกกว้างในรายละเอียดมากขึ้น ด้านหนึ่งก็เหมือนกับยังคงได้ทำหลายสิ่งอย่างต่อเนื่องเช่นเดิม แม้ในสภาพแวดล้อมที่ต่างถิ่นที่กันไปแล้วกับผู้คนที่เคยทำงานด้วยกันมาครึ่งค่อนชีวิตที่มหิดล เป็นต้นว่า ได้ติดตามรับรู้และช่วยเป็นสภาพแวดล้อมทางข้อมูลข่าวสารและเป็นสื่อสนับสนุนการตัดสินใจเพื่อเผชิญปัญหาต่างๆของเครือข่ายจิตอาสาและเครือข่ายชุมชนต่างๆ นับแต่การระดมพลังคนไปช่วยอพยพคนไข้ของโรงพยาบาลและบ้านเรือนที่กำลังถูกน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดอยุธยาเมื่อกว่า ๑ เดือนมาแล้ว กระทั่งช่วยกันติดต่อประสานงาน ระดมแรงกายแรงใจชาวมหิดลกับคนพุทธมณฑลและกลุ่มจังหวัดด้านตะวันตกของกรุงเทพฯ ช่วยประชาชนและหน่วยงานในพื้นที่ในสถานการณ์น้ำท่วม

ส่วนอีกด้านหนึ่ง ก็ได้จัดกิจกรรมชีวิตแทนหลายอย่างที่ต้องงดไปอย่างกระทันหัน ผมหาทางค่อยๆฟื้นฟูร่างกายตนเองเสียใหม่ เพราะตอนนี้ เพียงได้ควงมีดโต้ตัดไม้ ถือมีดหวดพงหญ้าและตบแต่งกิ่งไผ่เพียงนิดเดียว มือไม้กระดูกกระเดี้ยวก็ขบเจ็บไปหมด จึงต้องหาทางฝึกตนเองโดยค่อยๆทำแล้วเพิ่มระดับให้หนักขึ้น

อีกทางหนึ่ง ผมกับภรรยาก็พากันตระเวนรู้จักสภาพแวดล้อมชุมชนโดยรอบ ได้เห็นสถานีอนามัยของชุมชนซึ่งปัจจุบันได้ยกระดับเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพสต), โรงเรียน, ตลาดนัด, บ้านพ่อหลวง, ศูนย์วิปัสสนา, บ้านเรือนของคนทำงานศิลปะหลายแขนง ที่กระจายตัวต่อเนื่องอยู่ในชุมชนด้วยกัน

ได้ไปพิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศ ดูท้องนาหน้าเกี่ยวข้าว รวมทั้งได้เห็นแหล่งกิจกรรมชีวิตและสภาพแวดล้อมของท้องถิ่นอีกหลายแห่ง ที่อยู่ในแนวความสนใจและน่าจะเป็นลักษณะชุมชนที่ไปกันได้กับวิถีดำเนินชีวิตอย่างเรา

หลังจากนั้นแล้ว ก็หาวิธีทำหมายเหตุเชื่อมโยงประสบการณ์ชีวิตไปกับเรื่องราวของสังคมรอบข้างไปด้วย โดยแวะไปเดินอ่านหนังสือที่ร้านหนังสือสามัญชน หางดง ได้หนังสือคัดสรร ๔ เล่ม ที่อยู่ในแก่นความคิดเดียวกัน คือ เป็นการสร้างงานแนว Experience-Based and Case-Based Knowledge หรือการทำกรณีศึกษาและการมีประสบการณ์ตรงต่อเหตุการทางสังคมให้เป็นงานความรู้และนำเสนอด้วยงานศิลปะ หนังสือ และวรรณกรรม

  ๑. หนังสือแปล นอร์แมน ร็อคเวล จิตรกรผู้เป็นที่รักยิ่งของคนอเมริกัน  
คาราล แอน มาร์ลิงก์ เขียน  มาร์ค มานะ วาร์นาโด แปล ธวัชชัย สมคง บรรณาธิการ เดอะเกรทไฟอาร์ต จัดพิมพ์ ราคา ๔๐๐ บาท

ในวงการศิลปะนั้น นับถือกันว่า นอร์แมน ร็อคเวล (Norman Rockwell) เป็นส่วนผสมที่ลงตัวและดีเยี่ยมที่สุดของความเป็นหลายอย่างอยู่ในความเป็นจิตรกรของเขา ห้วงชีวิตของร็อคเวลอยู่ในช่วง ๑๘๙๔-๑๙๗๘ ซึ่งเป็นยุคเปลี่ยนผ่านของยุคสงครามโลกครั้งที่ ๒ สงครามเวียดนาม และหลังยุคสงครามเวียดนามสู่ยุคสิ้นสุดสงครามเย็นของโลก เขาเป็นนักเขียนภาพจิตรกรรมที่มีความพิถีพิถันและมีมาตรฐานสูงสุดในทุกด้านของตนเอง มีความสำนึกอย่างเข้มข้นต่อสังคมและโลกกว้าง ทำงานข้อมูลและศึกษาการจัดวางองค์ประกอบภาพที่จะเขียนขึ้นอย่างเคร่งครัด จริงจัง ทำให้เขียนภาพประกอบที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นงานวิจิตรศิลป์ด้วย

ขณะเดียวกัน ก็เป็นนักชาตินิยม ทำงานศิลปะเพื่อสื่อสารและเคลื่อนไหวความคิดทางสังคมที่ให้วิธีคิดต่อเรื่องราวต่างๆ นับแต่ในชีวิตประจำวัน สังคม การเมือง  วิถีชีวิตชุมชน โลกรื่นรมย์ภายในบ้าน สงครามเวียตนาม การเหยียดสีผิว บันทึกและบอกเล่าเรื่องราวต่างๆด้วยภาพเขียนอย่างมีอารมณ์ขัน ชวนเข้าถึงปรัชญาชีวิตและให้วิธีคิด สื่อสะท้อนสังคมวัฒนธรรมอเมริกัน ผลงานของร็อคเวลเข้าถึงจิตใจผู้คนอย่างแยบคายลึกซึ้ง จึงเป็นงานศิลปะที่ได้รับการขานรับและเกิดการนำไปใช้เพื่อเผยแพร่ให้เข้าถึงคนอเมริกันทั่วไปมากที่สุดอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนทั้งก่อนหน้านั้นหรือกระทั่งในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม ในหนังสือระบุว่าเขาไม่ได้รับการยอมรับจากเกณฑ์ตามขนบศิลปะว่าเป็นศิลปิน ซึ่งก็เป็นปรากฏการณ์แบบเดียวกันในแวดวงศิลปะของไทย ที่จัดว่างานของร็อคเวลเป็นเพียงศิลปะการเขียนภาพประกอบ ไม่ใช่งานวิจิตรศิลป์

หนังสือเล่มนี้ เป็นเพียงหนึ่งในจำนวนหนังสือมากมายที่เขียนเกี่ยวกับชีวิต งานของร็อคเวล แนวคิดและกระบวนการเบื้องหลังของงานในห้วงเวลาต่างๆ ผมหยิบขึ้นมาดูแล้วก็วางลงหลายครั้ง เพราะเปิดดูงานข้างในแล้วก็รู้สึกว่าคุณภาพการพิมพ์ทำลายอารมณ์ภาพและจิตวิญญาณงานของร็อคเวลลงไปเกือบหมด

งานของร็อคเวลนั้น เป็นงานเขียนภาพในแนวที่คนทำงานศิลปะเรียกว่าโคตรเหมือนจริง (Super Realistic) เรียกว่าเหมือนและคมชัดชนิดที่เลนส์ของกล้องถ่ายภาพก็ไม่สามารถทำได้เท่า เพราะดูแล้วเหมือนชัดทุกจุดแม้อยู่นอกจุดโฟกัส ลงไปจนถึงรายละเอียดที่อยู่ในเงา แต่ถ้าหากดูในแง่ความเป็นศิลปะจากการตีพิมพ์งานของร็อคเวลที่ดี จะเห็นว่าร็อคเวลเล่นจังหวะของทีแปรงกับการเว้นและการปล่อยที่รู้จังหวะการปฏิสัมพันธ์กับผู้ชมอย่างแจ่มแจ้ง งานของเขาจึงสามารถเห็นทั้งลายเส้นพู่กัน ความบางของสีจนเห็นเม็ดผ้าใบ ไม่เหมือนการถ่ายรูปที่ไม่ใช่ศิลปะภาพถ่าย ซึ่งใช้กลไกให้ความคมชัดอย่างเดียว แต่ขาดชีวิตและจิตวิญญาณในภาพ

แต่การจัดพิมพ์หนังสือเล่มที่แปลสู่พากย์ไทยนี้ คงเพ่งไปในด้านที่จะเล่าถ่ายทอดว่างานของเขาเหมือนจริงมาก เลยไปมุ่งปรับสีสันให้ได้อารมณ์ภาพตามความเชื่อว่าการทำให้เหมือนภาพถ่ายเป็นการเขียนภาพได้เหมือนจริงที่สุด ซึ่งทำให้อารมณ์ความเป็นภาพเขียนหายไปเกือบทั้งหมด ที่แปลกใจมากคือ หนังสือนี้ พิมพ์จากประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศที่ผมให้การชื่นชมมาโดยตลอดว่ามีมาตรฐานสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลกในการทำสื่อและสิ่งตีพิมพ์

กระนั้นก็ตาม เนื้อหา เรื่องราว วิธีศึกษาและประมวลภาพต่างๆ ของผู้เขียน ทำให้ผมปฏิเสธไม่ลงว่าเป็นหนังสือการศึกษาศิลปะกับการศึกษาสังคมและมานุษยวิทยาที่สะท้อนกับงานศิลปะที่ดีที่สุดเล่มหนึ่ง ผู้เขียนทำให้ชีวประวัติของจิตรกรนอร์แมน ร็อคเวล ซึ่งเป็นเรื่องราวส่วนบุคคลและผลงานทางศิลปะของเขา เป็นข้อมูลเพื่อสร้างความรู้เชื่อมโยงออกไปสู่สังคมอเมริกาและของโลกอีกหลายมิติที่เห็นและสัมผัสได้ผ่านงานศิลปะ ซึ่งเป็นตัวอย่างอันดีอีกชิ้นหนึ่ง สำหรับวิธีทำกรณีศึกษาเรื่องราวของคน ๑ คน ให้มีฐานะเป็นวิธีวิทยาสร้างความรู้เพื่อเข้าถึงโลกความเป็นจริงร่วมกันของผู้คนได้อย่างกว้างขวางที่สุด รวมทั้งเห็นตัวอย่างของวิธีใช้ศิลปวัตถุ ซึ่งโดยทั่วไปนั้น มักใช้ศึกษาประวัติศาสตร์และสร้างความรู้ในยุคก่อนบันทึกเป็นตัวหนังสือ ให้เป็นการศึกษาปรากฏการณ์ทางสังคมสมัยใหม่ ที่ยังมีผู้ศึกษาได้อย่างลึกซึ้งและสามารถเชื่อมโยงหลายมิติในลักษณะนี้ได้ไม่มากนัก ทั้งในและต่างประเทศ เลยขอซื้อมาเล่มหนึ่ง

  ๒. ช่อการระเกด 55 ฉบับ จนกว่าเราจะพบกันอีก และ โลกหนังสือ ฉบับช่อการะเกด 

ในแง่ของการสร้างความรู้และเคลื่อนไหวพัฒนาการเรียนรู้ทางสังคมนั้น การใช้ชีวิตและการมีประสบการณ์ต่อโลกรอบข้าง เป็นการเข้าถึงความจริงต่อสิ่งต่างๆที่ใช้ในชีวิตจริงได้ดีที่สุดอย่างหนึ่ง แต่การที่จะสามารถใช้ข้อมูลชีวิตเหล่านั้น สร้างเป็นทรรศนะต่อโลก ตลอดจนสร้างเป็นความคิดดีๆสำหรับผู้อื่น และให้ข่าวสารเพื่อการเรียนรู้ชีวิต สามารถเป็นแหล่งคัดสรรประสบการณ์เพื่อให้ผู้คนในสังคมได้เรียนรู้พัฒนาความเป็นตัวของตัวเอง ได้โลกทัศน์และชีวทัศน์ที่ดี นำไปใช้ชี้นำการดำเนินชีวิตและได้มีบทบาทต่อสังคมอย่างสูงสุดตามกำลังตนเองของผู้คนต่างๆนั้น มีคนเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะสามารถทำได้

ในจำนวนคนที่จะทำในลักษณะดังกล่าวได้เป็นส่วนน้อยอยู่แล้วนั้น ส่วนหนึ่งที่ทำได้ก็คือนักเขียนและคนทำงานวรรณกรรม ดังนั้น การมีนักเขียนและการมีความความเข้มแข็งของชุมชนคนที่ใช้ชีวิตสร้างประสบการณ์ต่อโลกกว้างให้เป็นแหล่งบันดาลใจต่อการสร้างสรรค์งาน ตลอดจนสังคมทางศิลปะและวรรณกรรม จึงมีความหมายอย่างยิ่งต่อการสร้างสมพลังความรู้และการมีพลังภูมิปัญญาต่อสังคมตนเองของคนไทยและผู้คนในสังคมหนึ่งๆ

ยิ่งไปกว่านั้น เวทีแสดงออกและแหล่งสร้างคนให้มีความแข็งแกร่งทางจินตนามัยปัญญาดังกล่าวนี้ ก็กลับยิ่งมีจำนวนน้อยมากเข้าไปอีก อีกทั้งในจำนวนที่มีน้อยมากแล้วนั้น ก็อยู่รอดบนความเป็นจริงของสังคมได้ยาก ดังนั้น การที่จะริเริ่มสร้างสรรค์เวทีวรรณกรรม ซึ่งเปรียบเสมือนการสร้างระบบจัดการความรู้เพื่อเป็นตัวคูณพลังทางปัญญาของสังคมนั้น โดยมากจะดำเนินไปได้ด้วยพลังจิตใจของปัจเจกและความเป็นศิลปิน ซึ่งมีความเป็นอิสรภาพภายในตนเองและสามารถทานทนแรงกดดันของชีวิตได้มากกว่าสังคมที่เป็นไปตามกระแสนิยม

หนังสือในแนวแผนที่การอ่านโลกวรรณกรรม ทั้งสังคมวรรณกรรมของประเทศไทยและของโลก อีกทั้งเป็นเวทีสำหรับวรรณกรรมเรื่องสั้นอย่าง ช่อการะเกด เป็นหนึ่งในพื้นที่ชุมชนทางจินตภาพ ที่สร้างขึ้นในสังคมได้ยากดังลักษณะที่กล่าวมาในข้างต้น จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมให้ความสนใจกระทั่งรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งที่จะต้องหาโอกาสมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์และช่วยกันจรรโลงไว้ เหมือนกับเป็นด้านหนึ่งของการสร้างความเป็นส่วนรวมของสังคม ซึ่งการซื้อ การอ่าน การร่วมเผยแพร่ส่งเสริม ร่วมกระตุ้นวงจรวัฒนธรรมหนังสือในสังคม เป็นวิธีหนึ่งที่ผู้อ่านทั่วไปจะสามารถมีส่วนร่วมตามกำลังของตนได้ งานหนังสือในแนวนี้เป็นงานในกลุ่มที่ผมมักหาอ่านมากกว่า ๔๐ ปีนับแต่เข้ากรุงเทพฯและเรียนศิลปะที่เพาะช่าง

แต่ช่อการะเกดฉบับที่ 55 เล่มที่ผมได้ซื้อมาในครั้งนี้ ก็กลายเป็นเล่มปิดท้ายหลังจากหนังสือช่อการะเกดนี้ได้ฟื้นตัวมาเป็นรอบที่ ๓ ผมเลยซื้อมาเล่มหนึ่งเพื่อเป็นตัวอย่างของการศึกษาแหล่งรองรับการใช้ประสบการณ์ตรงของชีวิต มาสร้างงานศิลปะและวรรณกรรมเพื่อสื่อสะท้อนสังคมและมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมในวิถีของคนวรรณกรรม ซึ่งย่อมมีผลต่อการสร้างความเข้มแข็งทางภูมิปัญญาของสังคมไปด้วย

หนังสือช่อการะเกด มีสุชาติ สวัสดิ์ศรี เป็นบรรณาธิการ ความหนา ๓๓๔ หน้า ราคา ๓๒๕ บาท ในเล่มมีวรรณกรรมเรื่องสั้น ๒๖ เรื่อง ประกอบด้วยเรื่องสั้นเกียรติยศ ๒ เรื่อง เรื่องสั้นเทียบเชิญ  ๑๐ เรื่อง เรื่องสั้นผ่านเกิด ๑๔ เรื่อง รวมทั้งมีส่วนจดหมายสนทนากับบรรณาธิการ การรายงานความเคลื่อนไหวของหนังสือและวรรณกรรมที่น่าสนใจทั่วโลก และบทความด้านวรรณกรรมในช่อการะเกด โลกหนังสือ

  ๓. พ๊อกเก็ตบุ๊ค สัตหีบ ยังไม่มีลาก่อน ของ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ 

’รงค์ วงษ์สวรรค์ ได้ชื่อว่าเป็นนักเขียนที่เป็นนายภาษาและมีความเป็นนายชีวิตตนเองของมนุษย์มากที่สุดคนหนึ่ง ซึ่งสำหรับผมแล้ว เมื่ออ่านงานของ ’รงษ์ วงษ์สวรรค์ ก็จะรู้สึกเหมือนกับอ่านงานของ เฮมมิงเวย์ มนัส จรรยงค์ และเสกสรร ประเสริฐกุล 

’รงค์ วงษ์สวรรค์ เป็นนักเขียนที่มีผลงานเป็นจำนวนมาก ผมอ่านงานของเขามานาน แต่เพิ่งจะจำแนกแนวเรื่องและระดับของการทำงานข้อมูลในงานของเขาว่ามีความแตกต่างกันได้เมื่อไม่นานมานี้เอง ทำให้กลับไปศึกษางานของเขาอีกในบางด้านที่เป็นการสะท้อนภาพสภาวการณ์สังคมจากโลกทรรศน์ของคนเดินถนน คนหาเช้ากินค่ำ และคนที่สังคมถือว่าเป็นคนชายขอบ

วิธีทำงานของเขาผมก็ชอบ คือ ใช้ชีวิตและสัมผัสกับสิ่งที่ตนเองจะนำมาถ่ายทอดในงานเขียนด้วยการมีชีวิตจิตใจอย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับสิ่งนั้น โดยเฉพาะการบันทึกสังคมในห้วงสงครามอินโดจีนและสังคมไทยหลังยุคสงครามเย็น วิธีการของ ’รงค์ วงษ์สวรรค์ เป็นการทำให้หน่วยของเหตุการณ์และแหล่งข้อมูลชีวิตหน่วยเล็กๆ มีพลังในการสะท้อนความเป็นจริงของระบบสังคม รวมทั้งให้ความมีจิตใหญ่ในสิ่งที่สังคมมองข้าม เมื่อปีที่ผ่านมาผมได้ ตาคลี น้ำตาไม่มีเสียงร้องไห้ และครั้งนี้ได้เห็น สัตหีบ ยังไม่มีลาก่อน เลยได้ซื้อเก็บไว้อีกเล่มหนึ่ง

  ๔. หนังสือความรู้ ประเพณีเกี่ยวกับชีวิต ของ เสฐียรโกเศศ สำนักพิมพ์ศยาม ราคา ๓๗๐ บาท 

หนังสือประเพณีชีวิต เป็นการเดินบันทึกสังคมของท่านเสฐียรโกเศศ ปราชญ์ท่านหนึ่งของสังคมไทย เป็นแนวการอ่านสังคมและนำข้อมูลมาสร้างความรู้ขึ้นใหม่อย่างรอบด้านที่ถูกใจผมอย่างยิ่ง ผู้เขียนได้รวบรวมประเพณีของสังคมไทยที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของมนุษย์นับแต่เกิดจนตาย รวมแล้วครอบคลุมเกือบ ๖๐๐ เรื่อง

ที่น่าสนใจมากอย่างที่สุดก็คือ นอกจากจะได้เรียนรู้สังคมวัฒนธรรมไทยอย่างทั่วถึงแล้ว แนวการเขียนและบันทึก ก็เป็นการบันทึกพร้อมกับวิเคราะห์เชื้อมโยงให้เห็นถึงความสัมพันธ์กันหลายมิติของสังคมและวัฒนธรรมท้องถิ่นในภูมิภาคต่างๆของประเทศ กับสิ่งที่สะท้อนอยู่ในความเป็นสังคมไทยในมิติอื่นๆ เช่น เชื่อมโยงกับวรรณคดีไทย เชื่อมโยงกับระบอบการเมืองการปกครอง ตลอดจนเชื่อมโยงกับการเรียนรู้ทางสังคมอันกว้างขวาง การรวบรวมข้อมูลและสร้างขึ้นเป็นองค์ความรู้ของสังคมในลักษณะดังกล่าว จึงเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการทำประสบการณ์และสิ่งที่อยู่ในวิถีชีวิตของชุมชนให้เป็นความรู้และสิ่งสะท้อนความเป็นจริงของสังคมที่สามารถศึกษาและเข้าถึงได้อย่างเป็นระบบมากขึ้นของคนทั่วไป

   หาบทเรียนจากการเดินอ่านและซื้อหนังสือ  

ในท่ามกลางภาวะน้ำท่วมประเทศไทยและผมเองก็กำลังได้ประสบการณ์อีกแบบหนึ่งที่ต่างออกไปจากที่คุ้นเคยนี้ นับว่าเป็นประสบการณ์ทางสังคมและประสบการณ์ชีวิตที่มีความหมายที่เกิดขึ้นพร้อมกันหลายอย่าง หนังสือ ๔ เล่มนี้เลยเหมือนเป็นการทำหมายเหตุให้ตนเองได้ซาบซึ้งมากขึ้นกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมไทยและสังคมโลก ขณะเดียวกัน ก็ได้ศึกษาระเบียบวิธีการสร้างความรู้ขึ้นจากประสบการณ์ตรงในชีวิต หรือ  Experience-Based and Case-Based Knowledge ครอบคลุมแง่มุมที่น่าสนใจ ๔ ด้านด้วยกันคือ

  • วิธีศึกษาชีวิตบุคคลเพื่อเชื่อมโยงและสะท้อนภาพของสังคมร่วมสมัย ในกรณีหนังสือ ชีวิตและงานของร็อคเวล ซึ่งสำหรับผมแล้ว จัดว่าเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของ Autoethnography
  • วิธีนำเสนอประสบการณ์ชีวิตสู่วรรณกรรมสร้างสรรค์และเวทีวรรณกรรมเพื่อสร้างสรรค์งานเชิงสังคม ในหนังสือช่อการะเกด ฉบับ จนกว่าเราจะพบกันอีก ซึ่งจัดว่าเป็นการพัฒนานวัตกรรมจัดการเชิงสังคมและการพัฒนาระบบจัดการความรู้เพื่อส่งเสริมวิธีนำเสนอและบันทึกสังคมอย่างสร้างสรรค์โดยวิธีการทางศิลปะวรรณกรรม
  • การเข้าถึงข้อมูลสนามและให้ภาพสะท้อนสังคมจากโลกทรรศน์ของคนชายขอบ ในงาน สัตหีบ ยังไม่มีลาก่อน
  • วิธีอ่านสังคมจากประเพณีเกี่ยวกับชีวิต และการทำให้ประสบการณ์ที่สั่งสมอยู่ในวิถีวัฒนธรรมชุมชน เป็นความรู้เกี่ยวกับสังคมอย่างลึกซึ้งใน ประเพณีเกี่ยวกับชีวิต ของ เสฐียรโกเศศ

ผมเข้าไปเดินอยู่ในร้านหนังสือสามัญชนที่หางดงอยู่เกือบชั่วโมง เห็นทีไรก็นึกสนุกไปด้วยในใจว่าคนทำร้านขายหนังสืออย่างนี้ก็มีด้วย คือ ทั้งหมดในร้านเหมือนกับเป็นงานศิลปะจัดวาง มีมุมที่สื่อความคิดกับคนเข้าไปในร้านสอดแทรกอยู่ตลอดเวลา มีชั้นหนังสือที่จัดให้คนอ่านฟรี และอีกมุมหนึ่งก็จัดที่ให้คนนั่งและนอนอ่านหนังสือ ให้บรรยากาศความเป็นหนอนหนังสือที่เดินเข้าไปกินหนังสืออย่างมีความสุข ผมหมายตาไว้ว่า หลังจากจัดบ้าน จัดหนังสือ ติดตั้งรูปเขียนตามมุมจัดแสดงในบ้านได้พอสมควรแล้วจะกลับไปซื้อหนังสืออีก ๒ เล่มและ ๑ ชุดไว้ในห้องหนังสือส่วนตัว คือ พี่น้องคารามาซอฟ ของดอสโตเยฟสกี เหมือนหนึ่งนกที่จากรัง ของนักเขียนรางวัลโนเบลคนแรกของทวีปเอเชีย คือ รพินทรนาถ ฐากูร และ เหยื่ออธรรม งานแปลวรรณกรรมคลาสสิคของฝรั่งเศสซึ่งทั้งชุดมี ๕ เล่มอยู่ในกล่องสวยงาม สองเล่มแรกผมอ่านไปนานแล้ว แต่ทำหายไป เลยอยากซื้อเก็บไว้อ่านอย่างละเลียดอีกหลายๆครั้ง.

หมายเลขบันทึก: 466836เขียนเมื่อ 1 พฤศจิกายน 2011 14:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 กันยายน 2013 23:14 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

สวัสดีครับท่านอาจารย์ วิรัตน์

ช่อการะเกด ชุมนุมช่างวรรณกรรม ติดตามมาตลอด ตั้งแต่โลกหนังสือ มาแล้ว แต่พักหลังมาทำงานชุมชน ไม่ค่อยได้ร่วมงานช่อการะเกดสัญจร

แต่ก็ติดตามอยู่ ครับ

อื้อฮือ ! เห็นหนังสือท่านพี่แล้ว ผมร้องได้คำเดียวจริง ๆ

อื้อฮือ ! ;)...

สวัสดีครับบังวอญ่าครับ
ผมเองก็ได้ไปครั้งสองครั้งครับ แต่ไม่มีพวกไปด้วยนี่ไม่ค่อยสนุก
งานอย่างนี้ต้องมีคนชวนกันคุย ไม่รู้ว่าต่อไปจะยังมีอยู่อีกหรือเปล่านะครับ
บังวอญ่าสบายดีนะครับ

สวัสดีค่ะอาจารย์

ตอนที่ยังเขียนเรื่องสั้น พอได้ลงในนิตยสารบ่อยๆ ได้ติดอันดับ 1 ใน 10 ของแพรว ก็ฝันถึงช่อการะเกดเหมือนกันค่ะ

...

ตอนนี้ไม่ฝันแล้วค่ะ เพราะทำงานคนละแนวไปแล้ว

ขอบคุณนะคะที่แวะไปให้กำลังใจกับภาพวาดกุหลาบ William Shakespeare ค่ะ

สวัสดีครับอาจารย์ Wasawat Deemarn ครับ
สักหลังปีใหม่ไปแล้วนี่ บ้านผมที่สันป่าตอง สามารถเป็นเวทีคุยกันเรื่องหนังสือและการอ่าน 
สำหรับคอหนังสืออย่างอาจารย์ ลูกศิษย์ และหมู่มิตรได้นะครับ น่าจัดโปแกรมม่วนๆเล่นนะครับ

สวัสดีครับคุณณัฐรดาครับ
เดินไปบนเวทีของแพรวแล้วนี่ก็นับว่าเป็นมือวางแล้วละครับ
สีน้ำดอกกุหลาบชุดนี้งามมากเลยทีเดียว
อีกทั้งเป็นงานเพื่อผู้ประสบความทุกข์ยากจากน้ำท่วม
เลยมีความงดงามทั้งภาพและเจตนารมณ์ของการทำผลงานชิ้นนี้ขึ้นมา
ขอบคุณที่นำภาพเขียนมาแบ่งกันดู
และสื่อความงดงามให้ได้ร่วมชื่นชมยินดีไปด้วยกันครับ

แวะมาอ่านบันทึกของอาจารย์ ทำให้ผมต้องใช้เวลาว่าง อ่านหนังสือดีๆ ที่อยู่ใกล้ตัวเพื่อพัฒนาความคิดจากการอ่านประสบการณ์ชีวิตในหนังสือคุณภาพเช่นของอาจารย์ครับ

ขอบคุณอาจารย์ ดร. วิรัตน์ มากๆ ครับ คิดถึงอาจารย์เสมอครับ

เห็นชื่อหนังสือแล้ว อยากอ่าน อย่างช่อการะเกด โลกหนังสือ เมื่อก่อนอ่านทุกบรรทัด

ตอนมีไฟเขียนเรื่องสั้นประกวดเข้ารอบใน"ฟ้าเมืองไทย" ของท่านอาจินต์ ปัญพรรค์

ตอนนี้ไฟกำลังมาอีกรอบกำลังซุ่มเขียนอยู่ แต่การงานรดตัวเหลือเกิน

ดีใจที่แวดวงวรรณกรรมยังคงหลงเหลืออยุ่ครับ

สวัสดีครับอาจารย์
หนังสืออาจารย์ก็น่าอ่านนะครับ ส่งเสริมการดูแลตนเองให้กับประชาชนด้วย
เมื่อเช้าพรรคพวกแถวศาลายากับมหิดลบอกว่า พวกที่พอจะไปต่างจังหวัดได้ก็ไปต่างจังหวัดกันหมดแล้ว
และพวกที่อยู่ก็บอกว่าต้องพากันมาอยู่และเฝ้าระวังมหาวิทยาลัย แล้วก็ต้องยอมปล่อยให้บ้านถูกน้ำท่วม
แต่ก็กำลังขุดดิน กั้นทราย สู้กับน้ำตามช่องประตูที่ลาดต่ำและน้ำเข้ามาจ่อของมหิดล
ไม่รู้ว่าจะอยู่กันได้นานแค่ไหนว่างั้น คิดถึงอาจารย์และทุกท่านเช่นกันนะครับ
มีกำลังใจเสมอครับอาจารย์

สวัสดีครับ พ.แจ่มจำรัสครับ
งานของอาจินต์ ปัญจพรรค์ ก็เป็นงานที่ให้ความรื่นรมย์และให้พลังชีวิตดีนะครับ
ทั้งงานเขียนเรื่องสั้น งานหนังสือ และงานเขียนคอลัมน์
ฟ้าเมืองไทยนี่ให้ทั้งความรื่นรมย์และความรอบรู้ต่อเรื่องราวสังคมและผู้คนเลยนะครับ
จริงสิครับ เลยทำให้นึกได้ คอลัมน์ 'วาบความคิด' ของท่านในมติชน หายไปไหนเนี่ย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท