ชีวิตที่พอเพียง: ๑๔๑๓.ฝ่ามรสุมชีวิต


ปรากฎว่าผมเข้าใจผิดไม่ว่าทำงานแบบไหนย่อมมีมรสุมที่ไม่คาดฝันพัดเข้ามาทั้งสิ้นทำให้ผมคิดใหม่ว่าตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ย่อมหนีมรสุมไม่พ้น..........
          ผมไม่ค่อยมีมรสุมชีวิตเพราะใช้ชีวิตส่วนตัวแบบระมัดระวังไม่โลดโผนแต่โชกโชนมรสุมการงานเพราะทำงานในหน้าที่แปลกๆที่ไม่ค่อยมีสูตรตายตัวและทำงานแบบตรงไปตรงมาไม่มีพวกทำให้ไม่มีทุนพรรคพวกไว้ป้องกันหรือรองรับมรสุมแต่ก็ทำให้มี“ทุนสังคม” คอยช่วยเหลือปัดเป่าภัยพาล
 
          ตอนนี้ผมถือว่าดำเนินชีวิตวัยสูงอายุไม่มีงานของตนเองมีแต่งานกองเชียร์หรือเป็นโค้ชให้แก่งานสร้างสรรค์ที่ผมพอจะมีความรู้ความเข้าใจหรือประสบการณ์บ้างและเดิมคิดว่าทำหน้าที่แบบนี้น่าจะไม่มีมรสุมเพราะเราไม่ได้เป็นเจ้าของงาน
 
          ปรากฎว่าผมเข้าใจผิดไม่ว่าทำงานแบบไหนย่อมมีมรสุมที่ไม่คาดฝันพัดเข้ามาทั้งสิ้นทำให้ผมคิดใหม่ว่าตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ย่อมหนีมรสุมไม่พ้นยิ่งมีชีวิตในฐานะที่ผู้คนคิดว่าเป็นบุคคลหลักที่จะเบี่ยงเบนกลไกตัดสินใจสาธารณะในเรื่องใด เรื่องหนึ่งย่อมหนีไม่พ้นที่จะมีทั้งคนที่พอใจและไม่พอใจ   มีทั้งคนที่เข้าใจถูกและคนที่ เข้าใจผิด   นี่คือโลกธรรม
 
          ผมเป็นคนเชื่อมั่นในสัจธรรม  เชื่อในพลังของการทำดี การมุ่งมั่นทำประโยชน์แก่ หน่วยงานและแก่สังคม    โดยไม่มุ่งหวังผลประโยชน์ของตนเองหรือพวกพ้อง    สมัยหนุ่มๆ คิดว่าพลังความดีนี้จะปกป้องไม่ให้ต้องเผชิญภัยพาล   แต่ประสบการณ์ชีวิต สอนว่าความเข้าใจเช่นนั้นผิด   ไม่ว่าจะตั้งใจดี ทำงานเสียสละเพื่อส่วนรวมเพียงใดก็ อย่าหวังว่าจะไม่มีคนไม่ชอบหรือถึงกับเกลียดชัง   สภาพเช่นนั้นเราบังคับไม่ได้ เพราะเป็นปัจจัยภายนอก
 
          ที่เราบังคับได้ คือตัวเราเอง หากเราหมั่นฝึกฝน   ให้เป็นคนอดทนต่อโลกธรรม และให้มั่นคงแน่วแน่ในการทำความดี แม้จะต้องเผชิญมรสุมก็ต้องไม่สั่นคลอนหวั่นไหว หรือท้อแท้   รวมทั้งฝึกจิตใจให้ไม่โกรธอาฆาตแค้นพยาบาทต่อผู้มุ่งร้าย   ผมบอกตัวเองว่า นี่คือแบบฝึกหัดตลอดชีวิต    หรือการเรียนรู้ตลอดชีวิต ที่เป็นการเรียนรู้ด้านใน  
 
          ผมบอกใครๆเสมอว่าผมเป็นคนอาภัพ ไม่มีพวก ไม่มีชาติตระกูลมาหนุนเป็นทุน ทางสังคม    จึงทำงานต่างๆ ด้วยความยากลำบาก     ที่ทำงานมาได้ก็เพราะความอดทนขยันหมั่นเพียรและตั้งหน้าทำงานเพื่องาน เพื่อส่วนรวม    คนที่มาทำงานร่วมกับผมพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ผมไม่รู้ตัวว่า ผมมีพวกมาก   แสวงหาความร่วมมือง่าย   ตอนแรก ผมไม่เชื่อ   แต่นานเข้าก็เห็นจริง    และสงสัยว่าเป็นเพราะอะไร    ในที่สุดก็สรุปแบบ ยกหางตัวเองว่า เพราะความตั้งใจทำงานให้แก่หน่วยงาน แก่บ้านเมือง โดยไม่เห็นแก่ พรรคพวก หรือผลประโยชน์ส่วนตน
 
          มรสุมก็คือมรสุม มันย่อมมาเป็นครั้งคราว   หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะมันเกิดจาก ปัจจัยภายนอก    สิ่งที่เราทำได้คือฝึกความเข้มแข็งของจิตใจและร่างกายของตนเอง หมั่นปฏิบัติตนโดยยึดมั่นในความดีไม่เสื่อมคลาย    รวมทั้งสั่งสมความน่าเชื่อถือเป็นทุนทางสังคมไว้   เอาไว้ฟันฝ่า    ในไม่ช้ามรสุม ก็จะผ่านไป  
 
 
วิจารณ์ พานิช
          ๒๓ ก.ย.​๕๔
                    
 
 
หมายเลขบันทึก: 464731เขียนเมื่อ 14 ตุลาคม 2011 10:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 พฤษภาคม 2012 17:11 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

กราบขอบพระคุณอาจารย์อย่างยิ่งค่ะที่ไปให้กำลังใจคนน้ำท่วมบ้าน

ได้เรียนรู้แง่มุม วิธีคิดในการทำงาน ในการดำเนินชีวิตจากอาจารย์เสมอค่ะ

ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ คือ การมีโอกาสทำประโยชน์ให้ผู้คน สังคมและประเทศชาติ อาจารย์เป็นแบบอย่างที่น่าชื่นชม เชื่อมั่นว่าการฝ่ามรสุมของอาจารย์ก็ยังเป็นข้อคิดให้คนอีกมากมายรวมทั้งนุชด้วยค่ะ

น้ำที่บ้านลดลงเรื่อยๆอย่างช้าๆ ส่งใจมายังคนกทม.และผู้คนที่อยู่ในทางที่น้ำจะออกสู่ทะเลค่ะ

...มาให้กำลังใจยกกำลังสองกับข้อความเหล่านี้เจ้าค่ะ..ยายธี..(ขอบให้มีความสุข..สงบ..สว่าง..ว่าง..วาง..ตลอดไปเจ้าค่ะ)

Thank you for this excellent example.

In time of extra-ordinary hardship, it is important to hold fast to our principle of 'righteousness' (goodness).

If we lose hope and lose our siila, we will lose the pride of ourselves and even reasons for our living.

Those who come through hardship, walk with their head up high and their mind at peace.

For they know, everything that arises, may rage like fires, soon subsides and dies out.

From a furnace of hardship, our mind is forged, sharper and stronger.

สายันต์ ไพรชาญจิตร์

ผมเชื่อว่าคุณหมอได้ทำทุกอย่างได้ดีที่สุดแล้ว แต่ทุกวันนี้มนุษย์ส่วนใหญ่เห็นแก่ตัว มีตัวมีตนแบบผิดทางธรรมกันมากเกินไป วันนี้พวกเขาอาจจะยังไม่เข้าใจว่าเราทำอะไรเพื่ออะไร เพียงที่เราทำไปกระทบผลประโยชน์ของเขาที่อาจต้องเสียสละบ้าง เขาก็ทนไม่ได้ วันนี้ธรรมชาติกำลังปรับสมดุลของจักรวาลใหม่ ผู้ที่มีธรรมเท่านั้นจะผ่านวิกฤตและมรสุมได้อย่างดี แม้ผมจะทราบดีคุณหมอมีความเข้มแข็งแต่ก็ขอเสริมกำลังใจให้ด้วยครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท