จะเปลี่ยนการจ่ายโบนัสจาก Fixed Bonus เป็น Variable Bonus ได้อย่างไร


เนื่องจากได้รับข้อคำถามเรื่องนี้มาจากผู้อ่านหลายคนเลยครับ ก็เลยคิดว่าน่าจะเอามาแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กันในเรื่องของวิธีการในการจ่ายโบนัสกันว่าปกติเขามีวิธีการให้กันอย่างไรบ้าง 

โดยปกติโบนัสที่บริษัทจ่ายให้กับพนักงานนั้น ส่วนใหญ่จะมาจากผลประกอบการของบริษัท ปีไหนที่บริษัทมีผลประกอบการที่ดี ก็จะมีการตัดจ่ายโบนัสให้กับพนักงานมากหน่อย ปีไหนผลงานไม่ดีนัก ก็แบ่งส่วนให้พนักงานน้อยหน่อย ซึ่งก็เป็นวิธีที่สอดคล้องกับผลงานของบริษัทโดยตรง

แต่วิธีการที่จะแบ่งจ่ายให้กับพนักงานนั้น มีอยู่หลายวิธีครับ อาทิ

  • จ่ายโบนัสแบบคงที่ วิธีนี้พนักงานทุกคนในบริษัทจะได้โบนัสในอัตราที่เท่ากันหมด ไม่ว่าผลงานของแต่ละคนจะออกมาดีหรือไม่ดี ถือว่า ทุกคนมีส่วนร่วมในการช่วยให้บริษัทบรรลุเป้าหมายที่กำหนด วิธีการจ่ายแบบนี้เป็นที่นิยมมากในสมัย 10 กว่าปีที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันหลายบริษัทเริ่มเปลี่ยนวิธีการจ่ายโบนัสเป็นแบบที่สองก็คือ
  • จ่ายโบนัสแตกต่างกันไปตามผลงานพนักงาน วิธีนี้ปัจจุบันเป็นวิธีการที่ใช้มากขึ้นในหลายๆ บริษัท ก็คือนำเอาโบนัสมาผูกกับผลงานของพนักงานแต่ละคน ดังนั้น พนักงานแต่ละคนจะได้โบนัสที่แตกต่างกันออกไปตามผลงานที่แต่ละคนทำในแต่ละปี ในระยะหลังๆ วิธีนี้ถือเป็นวิธีที่สามารถกระตุ้นผลงานของพนักงานได้ดีมากกว่าวิธีการขึ้นเงินเดือนประจำปีตามผลงาน
  • จ่ายโบนัสตามอายุงาน วิธีนี้ยังมีบริษัทแบบที่เป็นเจ้าของคนเดียว หรือแบบ Family Business ที่ไม่มีวิธีการประเมินผลงานที่ชัดเจน แต่ใช้อายุงานของพนักงานที่ทำงานกับบริษัทมาเป็นเกณฑ์ในการจ่ายโบนัสให้กับพนักงาน ใครที่อายุงานมากหน่อย ก็ได้มาก ใครอายุงานน้อยก็ได้น้อย ส่วนใหญ่เจ้าของบริษัทมักจะให้เหตุผลว่า “อยู่มานานๆ เขาซื่อสัตย์มากกว่า” ก็เลยให้โบนัสมากกว่า

ประเด็นที่น่าสนใจถัดมาก็คือ ถ้าบริษัทของเราจ่ายโบนัสแบบคงที่มานานแล้ว และอยากจะเปลี่ยนเป็นโบนัสผันแปรตามผลงานพนักงานจะต้องทำอย่างไรที่กระทบความรู้สึกของพนักงานน้อยที่สุด

ผมเชื่อว่าหลายบริษัทน่าจะเคยมีประสบการณ์เปลี่ยนวิธีการจ่ายโบนัสมาบ้าง ก็อาจจะเข้ามาแชร์ประสบการณ์กันได้นะครับ

เงื่อนไขที่จะทำให้การจ่ายโบนัสจากแบบคงที่มาเป็นแบบผันแปรตามผลงาน ก็คือ จะต้องไม่ได้ไปกำหนดเรื่องการจ่ายโบนัสแบบคงที่ไว้ในสัญญาจ้างงานครับ มิฉะนั้นแล้ว เราไม่สามารถทำอะไรได้เลยครับ เพราะเราทำเป็นสัญญาจ้างไปแล้วครับ

แต่ถ้าเราไม่ได้ผูกโบนัสกับสัญญาจ้าง เราก็สามารถเปลี่ยนวิธีการจ่ายโบนัสจากคงที่มาเป็นผันแปรได้ครับ โดยปกติโบนัสในแต่ละปีจะไม่เท่ากัน มันจะมากน้อยต่างกันไปตามผลงานของบริษัท ก็ต้องดูว่าบริษัทมีเงินพอที่จะจ่ายเท่าไหร่บ้าง

เช่นปกติเราจ่ายโบนัสเท่ากันไปทั้งก้อนเลย ก็อาจจะเริ่มจากแบ่งโบนัสออกเป็นส่วนๆ ตัวอย่างเช่น ถ้าเราจ่ายโบนัส 3 เดือน แทนที่จะให้ทุกคนเท่ากัน เราบอกว่าเราจะเปลี่ยนการจ่ายไปตามผลงานพนักงาน แต่ถ้าเราเปลี่ยนวิธีการจ่ายทันที ก็อาจจะทำให้พนักงานรู้สึกไม่ค่อยดีได้ ดังนั้นในปีแรก ก็อาจจะเริ่มจากการให้โบนัสคงที่ 2 เดือน อีก 1 เดือนจะจ่ายตามผลงานพนักงาน เป็นต้นครับ

และในปีถัดๆ ไป ก็ค่อยๆ เพิ่มสัดส่วนของการจ่ายโบนัสตามผลงานมากขึ้น และลดสัดส่วนการจ่ายโบนัสคงที่ลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเปลี่ยนไปเป็นแบบตามผลงานทั้งหมด วิธีนี้ก็จะช่วยทำให้พนักงานค่อยๆ คุ้นเคยกับการเปลี่ยนแปลง และปัญหาก็จะเกิดขึ้นไม่มากครับ

คำสำคัญ (Tags): #โบนัส
หมายเลขบันทึก: 464398เขียนเมื่อ 11 ตุลาคม 2011 07:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 มิถุนายน 2012 16:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
  • สวัสดีงามงามเมื่อยามเช้า
  • โชคก็เข้าเศร้าก็หายไม่ตามหา
  • อยู่กับพระมีสุขทุกเวลา
  • จิตเมตตาราคีไม่มีเลย เอย

 

สวัสดีครับ ขออนุญาตแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครับผม

ตามความเห็นของผมเองนั้น"โบนัส"เป็นเหมือนดาบสองคมขององค์กร ผมคงไม่ได้มองโลกในแง่ลบเกินไปนะครับอาจารย์ ที่ผมมองว่ามันเป็นดาบสองคมก็คือความเป็นสัจธรรมของโลกนี้ มันมีเป็นคู่ๆ ในดีมีร้าย ในร้ายมีดี มองในแง่ดีก็คือทำให้พนักงานมีแรงจูงใจ เป็นแรงกระตุ้นให้ทุกคนพัฒนาตนเอง พัฒนาการทำงาน ส่วนใหญ่วัดเป็นเชิงปริมาณ (มองแค่เปลือกข้างนอก) ในแง่ที่ตรงข้ามก็คือ หากการได้มา ไม่เป็นดั่งใจ ไม่เป็นไปตามความคาดหวัง ไม่สามารถสนองความต้องการได้ หรือไม่มีความยุติธรรม อันนี้สำคัญมากเลยครับ ความยุติธรรม ไม่อคติ ไม่ลำเอียงด้วยเหตุ ๔ ประการ ใครจะรับประกันได้ ยิ่งในสังคมวัฒนธรรมของเราด้วย ผมเข้าใจดีนะครับอาจารย์ว่า "ระบบ" ที่เรานำเอาของตะวันตกเป็นส่วนใหญ่มาใช้นั้นมันมีความเสถียร พูดง่ายๆว่ามันมีความเชื่อมั่นได้ในระดับหนึ่ง มีหลักการมีเหตุมีผล เพราะถ้ามันไม่ดีจริงมันถูกยกเลิก ถูกยกไปนานแล้ว หากแต่ว่า "คน" ที่มีอำนาจในการใช้ระบบมีความเป็นธรรมแค่ไหน ตรงนี้ใครรับประกันได้ ยิ่งในระบบเอกชน องค์กรที่เป็นระบบครอบครัว ระบบอุปถัมภ์ ระบบเผด็จการ จบกันเลยครับ และนี่คือสิ่งที่ผมขออนุญาตแชร์จากความเป็นจริงจากประสบการณ์ของผมเองนะครับ ไม่ได้บ่นหรือต้องการเรียกร้องอะไรครับ เพียงแต่ทุกวันนี้ผมมองชีวิตมนุษย์เงินเดือน (รวมตัวผมเองด้วย) แล้วรู้สึกว่ามีส่วนหนึ่ง (ไม่แน่ใจว่ามากหรือน้อย) ที่คาดหวังสิ่งที่เป็นเปลือกข้างนอก แต่ไม่ได้ปรับพฤติกรรมตนเองให้เป็นไปตามความคาดหวังขององค์กร เพียงแต่ฉันอยากได้ ฉันต้องการได้ และฉันต้องได้ ท้ายที่สุดก็เป็นเกมส์การเมืองในองค์กร เป็นพรรคพวก เป็นระบบพวกพ้อง ไม่ต้องถามถึงความเป็นธรรม "มันคงอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ" เลยไม่ได้ถูกนำมาใช้ครับผม

แนวทางที่อาจารย์เสนอมาดีนะครับ เป็นอีกหนทางหนึ่งที่ผมคิดว่าองค์กรไหนค่อยๆนำไปปรับใช้ได้จนยั่งยืน มันจะสามารถสร้างวัฒนธรรมใหม่ที่อิงความเป็นจริงได้มากกว่าระบบเดิมที่อิงการเมืองเป็นหลัก

ขอบพระคุณอาจารย์ที่เปิดโอกาสให้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ครับผม มีโอกาสจะเข้ามาแชร์แลกเปลี่ยนใหม่นะครับ

 รบกวนถาม ปกติโบนัส บริษัทฯสามารถเอามาเป็นค่าใช้จ่ายแจ้งสรรพากรหรือเปล่าครับ

ประมาณว่าเงินโนัสถือเป็นค่าใช้จ่ายบริษัทฯไม่ต้องจ่ายภาษี 30%

ช่วยตอบด้วยครับ ด้วยความสงสัย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท