ตะไคร้กับน้ำยาปรับนุ่มควบคุมกลิ่นคาวผ้าคุณว่าอย่างไหนดีกว่ากัน


ตะไคร้กับน้ำยาปรับนุ่ม

 ควบคุมกลิ่นคาวผ้า คุณว่าอย่างไหน?ดีกว่ากัน

 

 

      เป็นคำถามที่หน่วยซักฟอกน้องนางและน้องทัยต้องการ  หาคำตอบ ว่าตะไคร้จะสามารถดับกลิ่นคาวของผ้าในโรงพยาบาลได้หรือไม่  น้ำยาปรับผ้านุ่ม หรือตะไคร้อย่างไหนดีกว่า  จึงได้มีศึกษามาแล้วเป็นเวลา 3 เดือน หลังจากได้มีการแลกเปลี่ยนรู้ระหว่างเครือข่ายหน่วยจ่ายกลางซักฟอกนครศรีธรรมราช  ที่โรงพยาบาลบางขัน  เมื่อซักผ้าแล้วนำไปอบในเครื่องอบผ้าทั้งหมด  โดยไม่มีการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม  แต่จะใช้สมุนไพรชนิดต่างๆ ใส่ในเครื่องอบผ้า   เดิมนั้นโรงพยาบาลป่าติ้วจะใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มทั้งหมด  จึงนำมาปรับใช้  ซึ่งมีบริบทต่างจากโรงพยาบาลบางขันคือผ้าชิ้นใหญ่ไม่ได้อบแต่นำมาตากที่ราวตาก  ใช้ความร้อนจากแสงอาทิตย์แทน  พบว่าผ้าจะหยาบกระด้างจึงจำเป็นต้องใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มในส่วนนี้  ในช่วงศึกษาระยะแรกลองใช้สมุนไพรสองชนิดคือใบเตยและตะไคร้   พบว่าผู้ใช้ชื่นชอบกลิ่นหอมจากต้นตะไคร้มากกว่ากลิ่นจากใบเตย  เพราะใบเตยเมื่ออบรวมกับผ้าแล้วจะมีกลิ่นคล้ายปัสสาวะจึงยกเลิกไป   จึงศึกษาตะไคร้เนื่องจากมีวัตถุดิบ  โดยใช้ตะไคร้ทั้งต้นใส่ในถุงผ้า นำไปอบพร้อมผ้าที่ผ่านการซักแล้วในเครื่องอบผ้า  จะใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มเฉพาะในผ้าที่ต้องตาก    ในกิจกรรมการศึกษานี้พบว่าสามารถลดการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มลงจากเดิม ร้อยละ40-50 เดือนละ7-8 แกลลอน เหลือเพียง3-4 แกลลอนต่อเดือน  แต่ยังสรุปไม่ได้ว่าตะไคร้หรือน้ำยาปรับผ้านุ่มจะขจัดกลิ่นคาวได้ดีกว่ากัน
      ในช่วงศึกษาระยะต่อมาผู้ปฏิบัติงานต้องการทราบว่า ระหว่างผ้าที่อบในเครื่องอบผ้าโดยใช้ตะไคร้และน้ำยาปรับผ้านุ่ม  จะขจัดกลิ่นคาวได้ดีกว่ากัน  ในสองสัปดาห์ โดยสัปดาห์แรกจะใช้ตะไคร้  สัปดาห์ที่สองใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม  พบว่ามีอุบัติการณ์   จากหน่วยงานผู้ใช้แจ้งว่าผ้าห่มและเสื้อคลุมที่ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มจากเครื่องอบผ้า  มีกลิ่นคาว  ส่วนผ้าที่อบด้วยต้นตะไคร้ระหว่างการศึกษาไม่มีกลิ่นคาวแต่ขาดความนุ่ม   เพื่อลดอคติจากผู้ใช้ผ้า  ผู้ปฏิบัติงานเพียงสอบถามเรื่องกลิ่นคาว  กลิ่นหอมและความนุ่มของผ้า  ขณะนำผ้าไปส่ง  โดยที่ไม่ได้แจ้งให้ทราบว่าผ้ารอบซักนี้ใช้ตะไคร้หรือน้ำยาปรับผ้านุ่ม 
     บทเรียนที่ได้จากการศึกษาครั้งนี้พบว่า  เครื่องอบผ้าจะดูดกลิ่นหอมของน้ำยาออก จะคงเหลือกลิ่นติดผ้าเพียงเล็กน้อย   จึงทำให้กลิ่นคาวหลงเหลือในผ้าที่ผ่านการซักและอบดังกล่าว  นอกจากจะไม่สามารถดับกลิ่นคาวในผ้าได้  ยังสิ้นเปลืองงบประมาณการจัดซื้อน้ำยาปรับผ้านุ่ม   เมื่อศึกษาสรรพคุณของตะไคร้  สามารถขจัดกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ต่างๆได้ จากภูมิปัญญาชาวบ้าน ส่วนใหญ่มักใช้ตะไคร้ดับกลิ่นคาวในอาหารทั้งหลาย  ตะไคร้ที่ใช้ทีมงาน ช่วยกันปลูกรอบอาคารในกิจกรรม GREEN  CLEAN ที่หน่วยจ่ายกลาง เมื่อปีที่แล้ว  จึงไม่ได้ใช้งบประมาณ
                    http://www.gotoknow.org/blog/somying-gc/394562 

 

ตะไคร้ที่ปลูกไว้สามารถนำมาใช้ในการอบผ้าได้

Large_dsc01400

 

Large_dsc01409

กิจกรรมการปลูกเมื่อ 13 กันยายน 2553

 

 

หมายเลขบันทึก: 464385เขียนเมื่อ 10 ตุลาคม 2011 22:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (28)

ชอบกลิ่นตะไคร้มากกว่าครับ

แต่ติดขัดอยู่ว่า ยังมีความรู้ไม่พอที่จะทำเอง

วันก่อนลูกสาวเอาตะไคร้ไปปลูกที่ไร่ กะว่าจะถ่ายรูป

มัวแต่คุยอยู่เลยไม่ถ่ายภาพเลยครับ 

ดีครับจะชวนจ่ายกลางคุยเรื่องนี้ดู

มาชื่นชม การใช้สมุนไพร ไม่มีพิษตกค้าง และ ประหยัด ช่างคิดช่างทำจริงๆ คะ

ไม่แน่ใจกลไก แต่คิดว่า น้ำมันระเหยในตะไคร้ช่วยนำพากลิ่นระเหยออกไปด้วย

ส่วนความนุ่ม..อันนี้ไม่รู้จริงๆ ว่าน้ำยาปรับผ้านุ่มไปทำปฎิกิริยาอย่างไร

....

น่าคิดเรื่องการวัดผล ส่วนที่เป็น subjective อย่างกลิ่น หรือนุ่ม วัด impact ยาก

การวัดเรื่องค่าใช้จ่าย จูงใจดีคะ

อาจรวมเรื่องคุณภาพน้ำหลังซักฟอกด้วย

( เครื่องซักฟ้าหยอดเหรียญที่นี่ ยังมีป้ายบอก ให้รักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้นำ้ยาซักฟอกไม่เกิน 1/4 ถ้วย/ ถัง)

มาชื่นชมคนช่างคิด

คนช่างเก็บรายละเอียด

และอยากพัฒนาประจำ

ด้วยการใช้สิ่งรอบตัวมาใช้ประโยชน์

หน้าทึ่งมากครับ

สุดยอดครับ...พี่อุ้มบุญ

ฝากให้กำลังใจนะครับ

ปลูกง่าย เป็นสมุนไพรที่ต้องใช้แทบทุกวัน ควรมีไว้เป็นพืชพื้นฐานของทุกครัวเรือน

  • เป็นความคิดที่ดี อย่างน้อยก็ช่วยประหยัดงบประมาณ และดูแลสิ่งแวดล้อมได้ระดับหนึ่ง
  • เปิดเทอมจะเสนอความคิดต่อนักเรียนดูแล้วให้นักเรียนทำการทดลองเปรียบเทียบกลิ่นและความนุ่ม  หรือทำเป็นโครงงานวิทยาศาสตร์ดูค่ะ 
  • อาจจะได้ผลน้อยหรือไม่สามารถวัดค่าให้เป็นที่ยอมรับได้
  • แต่น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการปลูกฝังจิตสำนึกในการดูแลสิ่งแวดล้อมในชุมชนได้ดีค่ะ
  • ขอบคุณมากๆ

เยี่ยมจริงๆ ค่ะน้องโอ 

ปล.ผ้าหอมรสต้มยำ อิอิ... แถมกลิ่นนี้ยุงไม่ชอบ:)

ส่งใจไปให้ สบายดีนะครับพี่อุ้มุบุญ

 พรุ่งนี้พวกเรานัดกันปลูกตะไคร้เพิ่มที่หน่วยงานค่ะ ท่าน Ico48

ท่านพี่  Ico48 คะ

  • ได้เลยค่ะ...ลดการใช้สารเคมี  ลดเงิน  อีกทั้งดูและระบบบำบัดน้ำเสียด้วย
  • ลองใช้ได้เลย...ต่อยอดไปเรื่อยๆ แนวคิดนี้ได้มาจากเมืองคอนโน้น นำมาปรับใช้ในบริบทของตัวเอง

 

อาจารย์หมอ Ico48 คะ

  • คุยกะทิมดาบหากมีโอกาสพวกเราจะไปเยี่ยมนะคะ
  • ข้อเสนอแนะคำแนะนำเป็นสิ่งมีประโยชน์  วันนี้ไปคุยให้น้องๆฟัง  พากันไปปรับใช้และต่อยอดกันต่อไป  ผลการศึกษาสรุปผลเช่นไร  จะนำมาเล่าอีกนะคะ

น้องพี่  Ico48 ทิมดาบ

  • หลานป้าดีขึ้นยัง 
  • คิดถึง ฝากกำลังใจ กลับไปด้วยเช่นกัน

ท่านอาจารย์  Ico48 ที่นับถือ

  • สบายดีนะคะ  ขอบพระคุณท่านที่แวะเยือนเฮือน R2R

ครู  Ico48 คะ

  • ที่โรงพยาบาลมีเครื่องอบผ้าขนาดใหญ่  พวกเรานำตะไคร้ ทั้งต้น ไปอบพร้อมผ้า  จะได้กลิ่นหอมอ่อนๆ
  • น้องๆอาจนำไปต่อยอดสกัดน้ำมันหอมระเหย  นำมาจำหน่ายแทนน้ำยาปรับผ้านุ่ม  ให้โรงพยาบาล เพื่อขจัดกลิ่นคาวผ้าเปื้อนเลือด  สำหรับความนุ่ม ของผ้าที่ผ่านการอบในเครื่องจะมีความร้อนช่วยให้ผ้านุ่มลงบ้าง...
  • วิจัยต่อยอดอีกนะคะ

 

พี่รี  Ico48 ที่คิดถึง

*๕๕๕๕๕   กลิ่นต้มยำ เข้าท่าดีนะคะ... ตอนนี้ที่หน่วยแพทย์แผนไทย ชื่นชอบกลิ่นตะไคร้มากเลยขอให้หน่วยซักฟอก ซักให้เฉพาะ....

น้องเสาว์โรงพยาบาลบางขัน (ต้นตำรับ)ใช้ใบมะกรูดนะคะพี่  ยังเหลือข่า

สนับสนุนอย่างแรกครับผม

แบบบ้านๆ หาง่าย และไม่ต้องเสียสตังค์ด้วยครับ

รอดูผลของชาวเครือข่าย R2R นครศรีธรรมราชค่ะว่าเป็นอย่างไร...มาส่งข่าวแว่วดังๆ ไปถึงน้องวรรณแห่งเมืองคอนค่ะ...

เยี่ยม...เยี่ยม...ยอดเลยค่ะ

Large_zen_pics_007 

สุดยอดเลยพี่ ถ้ามีกลิ่นมะกรูด กลิ่นอื่นๆๆด้วยน่าจะดีนะครับ

คุณอักขนิช  Ico48 คะ

กิจกรรมเล็กของคนหน้างาน คิดเล่นๆ  สามารถลงงบประมาณได้  ราว 800 บาท ต่อเดือน ปีหนึ่งลด ไป 9,600 บาท ถ้าใช้ ตะไคร้ทั้งหมด จะสามรถลดงบประมาณ ราว 19,200 บาท  เกือบสองหมื่นบาท...การสามารถซื้อเครื่องซักผ้าได้ หนึ่งเครื่องเชียวนะคะ

 

ตอนนี้รอคำตอบจากผู้ใช้  ในสองสัปดาห์จะรู้คำตอบว่าจะตกลงใช้วิธีไหนดี 

อาจารย์  Ico48 คะ

ได้ข่าวว่าเรื่องนี้ผ่านถึงระดับเขตนะคะ 

น้องขจิต  Ico48 ที่คิดถึง

คิดถึงนะคะ  กลิ่นอื่นๆก็จะลองศึกษาต่อยอด....ต่อไป...

กิจกรรม AI ในบันทึกนี้   สามารถต่อยอดงานวิจัยได้หลายเรื่องเชียวนะคะ

สวัสดีค่ะน้องอุ้มบุญ

  • ยินดีด้วยกับผลงานชิ้นนี้ คุณยายจะลองนำไปใช้ดูบ้างนะคะ

น่าสนใจมากค่ะ ตระไคร้มีความหอมที่เป็นเอกลักษณะเฉพาะตัว

♥ อืมมม อีกหน่อย คงสะกัดน้ำมันหอมตะไคร้มาใช้แทนน้ำยาปรับผ้านุ่มได้สบายสิคะเนี่ย

♥ แต่...เครื่องมันคงจะดูดกลิ่นหายไปพร้อมกับน้ำทิ้งอีกอยู่ดี

♥ รอฟัง ปฏิบัติการ ชุดต่อยอดนะคะ ♥ 

 

สวัสดีค่ะ

เยี่ยมเลยนะคะ สมุนไพรไทยนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น

พี่ดาขออนุญาตแนะนำเพิ่มนะคะ จากประสบการณ์จริง  สมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่เยี่ยมไม่แพ้ตะไคร้ คือ

     มะกรูด นำมาต้มทั้งลูกให้สุกมากๆจนเละ แล้วปั่นใส่ขวด กรองหรือไม่กรองก็ได้ แช่ผ้าหรือผสมน้ำยาซักผ้า สะอาดสุดยอดและหอม รวมทั้งผ้านิ่ม เพราะมะกรูดมีรสเปรี้ยว มีกรดที่ในตะไคร้ไม่มี ได้ความสะอาดเยี่ยมค่ะ ทดลองใช้แช่ผ้าขี้ริ้วดูได้เลยนะคะ  ใช้ได้ทุกครัวเรือน รวมทั้งนำไปผสมใช้ล้าง เช็ด ทุกอย่างในบ้าน หรือในรพ. และ ผสมนิดๆกับแชมพูสระผม ผมนิ่มหอมมากค่ะ

   และที่เยี่ยมอีกอย่างน้ำมะกรูดที่ต้มทั้งลูกแล้วปั่นนั้น หากเสียดายก็นำมากรองใส่ขวด แช่เย็นไว้ ดื่มวันละช้อนโต๊ะ หรือผสมกับน้ำดื่มให้ง่ายขึ้น  ตอนเช้าก่อนอาหาร  ลดไขมัน ตัวเบา ฯ แล้วนำกากที่กรองไปซักผ้า ก็ได้อีกเช่นกันค่ะ ฝากทดลองอีกอย่างนะคะ  ได้ประโยชน์กับสุขภาพตัวเองและผ้าด้วยค่ะ

 

 

 

ยอดเยี่ยม รอการต่อยอด จะนำไปใช้ด้วย

นี้แหละคนคุณภาพ

ตะไคร้อบผ้า ดีจังเลยค่ะน่าลอง ง่ายและประหยัดงบได้มากด้วย

ตะกี้แว๊บคิดขึ้นมาค่ะพี่โอว่า เมื่อตะไคร้ต้นใช้ได้ ตะไคร้หอมจะเป็นยังไงนะ จับผลัดจับผลูตะไคร้หอม มีสรรพคุณไล่ยุ่งได้ในตัว คนใช้ผ้าแล้วยุงไกล ไม่สิ้นเปลืองด้วย ขอแชร์ค่ะ (^_^)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท