เป็นการผจญ “ภัยที่มองไม่เห็น” ครับ คือภัยจากเกลือ คือผมกินเค็มไม่ได้ เป็นคนที่ไวต่อธาตุโซเดียม ทำให้ความดันโลหิตขึ้นสูง อาหารอเมริกันที่กินกันตามปกติเต็มไปด้วยเกลือ ผมผจญมันโดยไม่รู้ตัว
โชคดีที่สาวน้อยเอาเครื่องวัดความดันโลหิตติดไปด้วย เมื่อเขาเอามาวัดผมก็ขอวัดด้วย แล้วก็ตกใจที่มันขึ้นไปสูงกว่าที่วัดได้ตามปกติตอนอยู่ที่บ้าน รุ่งขึ้นวัดอีก ความดันมันยิ่งขึ้นไปอีก จึงต้องวางแผนเปลี่ยนอาหาร
แต่เปลี่ยนอย่างไรก็หนีไม่ค่อยพ้น เพราะคนอเมริกันกินเค็ม อาหารของเขาจึงแก่เค็มไปหมด เดาว่าคงเป็นเพราะเขานิยมกินอาหารสำเร็จ เช่นขนมกรุบกรอบ อาหารกระป๋องจนเคยชิน อาหารเหล่านี้ปรุงรสด้วยเกลือเป็นหลัก เมื่อกินบ่อยๆ ก็ชิน กลายเป็นคนกินเค็มไปทั้งสังคม ผมคิดอย่างนี้ถูกหรือผิดก็ไม่ทราบ
ถ้าถูกก็เท่ากับสังคมอเมริกันหาภัยมาใส่ตัวเอง ผ่านการกินอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ผมคิดว่าสังคมไทยควรเอาใจใส่เรื่องอาหารที่ถูกสุขลักษณะให้ละเอียดถี่ถ้วนกว่าสมัยก่อน อาหารที่ถูกสุขลักษณะสำหรับสังคมสมัยใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนแก่ น่าจะเป็นอาหารที่รสไม่จัด คือทั้งอ่อนเค็ม อ่อนหวาน และอ่อนมัน
แต่สังคมอเมริกันก็มีข้อดีนะครับ คืออาหารของเขาจะมีข้อมูลส่วนประกอบและแคลอรีที่ได้รับหากกินเข้าไปติดฉลากอยู่ ดังนั้นผมก็จะจ้องดูว่าอาหารนั้นๆ มีโซเดียมอยู่มากเท่าไร และเลือกกินเฉพาะที่โซเดียมต่ำ
ผมอยู่สัปดาห์เดียวก็กลับ กลับมากินอาหารไทยที่ถูกสุขลักษณะกว่า แต่คนอเมริกันส่วนใหญ่เขาอยู่กับภัยเงียบนี้โดยไม่รู้สึกตัว สหรัฐอเมริกาเป็นจ้าวโลก รบกับใครก็ชนะ ขบวนการก่อการร้าย อัลเคด้า สู้กันมา ๑๐ ปี ก็ระส่ำระสาย แต่อเมริกันจะรบชนะภัยนิสัยกินอาหารไม่ถูกสุขลักษณะได้หรือไม่
วิจารณ์ พานิช
๑๑ ก.ย. ๕๔
บนเครื่องบินกลับจาก ซาน ฟรานซิสโก
บางทีก็แปลกใจว่า ประเทศที่พัฒนาแล้ว น่าจะพัฒนาอาหารสุขภาพได้ เพราะคนอเมริกันอ้วนๆจำนวนมากเลยนะคะ