ที่สุดของความต้องการของคนแล้ว ก็คือ 'ความธรรมดา'


   บางครั้งผมเคยทดสอบการแก้ปัญหาบางอย่างด้วยการอยู่คนเดียว ทำตัวเองให้กลับคืนมาเป็นตัวเองด้วยการอยู่คนเดียว คิดคนเดียว ใคร่ครวญอะไรบางอย่างด้วยตัวเราเองเพียงคนเดียว
ผลที่ได้รับจากการอยู่คนเดียว คือ การสะสมความความกลัดกลุ้ม หมักหมมปัญหาเล็กๆน้อยๆ นานวันเข้ากลับกลายเป็นกองใหญ่เกินจะพังทะลาย ปัญหาบางอย่างกับคลี่คลาย ปัญหาใหม่บางอย่างย้อนกับเข้ามาแทนที่
แล้ววันหนึ่งผมก็ได้ค้นพบสิ่งที่มาเป็นจุดเปลี่ยนห้วงของความคิดในสภาวะนั้น ให้เรากลับมาเป็นตัวของเราเองอีกครั้ง

   ผมเชื่อว่าคนเราทุกคนต้องมีประโยคโดนใจหรือคติพจน์ประจำตัว หลายคนเกิดในสภาพแวดล้อมแตกต่างกัน หลายคนต้องได้พบเผชิญกับโอกาสที่แตกต่างกัน คนอยู่ใกล้นักปราชญ์ก็จะได้สะสมแง่คิดเชิงด้านบวก ส่วนคนที่อยู่ใกล้คนพาลก็จะได้สะสมแง่คิดเชิงด้านลบ
ผมอ่านประโยคเหล่านี้แล้ว.. ผมมีความสุข.. ผมอยู่ในสภาวะที่พึงพอใจ ตัวของผมเบา ผ่อนคลาย สบายและมีความสุข..

'ณ ขณะนี้ฉันกำลังมีความสุขกับการทำงาน'
'ความสุข คือ การได้พบว่ายังมีเหตุผลอีกม ากมาย ให้เราลืมตาตื่นขึ้นทุกวัน แทนที่จะนอนนิ่งปิดตามืดอยู่อย่างนั้น'
'รุ้งที่สวยงามประกอบไปด้วยสีที่แตกต่างกันหลายๆสี เรียนรู้ที่จะชื่นชมกับความแตกต่างของคนเพื่อเห็นความงดงามของการมีชีวิตอยู่ ในโลกนี้ร่วมกัน'
'ชีวิตเราสั้นเกินกว่า จะหมดเปลืองไปกับความกังวล'
'หนึ่งวินาทีที่ผ่านไปก็คือ อดีตไปแล้ว ทำทุกนาที ณ ตอนนี้ ให้เป็นปัจจุบันที่ดีที่สุด'
'การมอบความปรารถนาดีต่อกัน ล้วนเป็นสิ่งที่งดงามประเสริฐสุด
การให้ด้วยใจ ให้แล้วเราอิ่มใจ มีความสุข ไม่เป็นทุกข์ คือ ที่สุดของการให้
การทำดี เพราะทำไปแล้วรู้ว่ามันดี..นั่นล่ะคือ การทำความดี..
การมอบความรัก เป็นสิ่งที่ดีงดงามเสมอ..ไม่ว่าจะมอบให้กับอะไร สิ่งไหนก็ตาม..'


 

   การแสวงหาความสุข คนที่ตามหาความสุขจะพบความสุขช้ากว่าคนที่ ไม่รอค่อยความสุข แต่เขากำลังจะสร้างความสุขให้ตัวของเขาเอง
คนที่รู้ตัวเองว่าตอนนี้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันจะมีความทุกข์ คนนั้นจะเห็นวิธีทางเดินหาความสุข
ที่สุดของคนเรา คนทุกคนต้องการความธรรมดา คนที่แสวงหาความสุข คือ คนที่กำลังทำให้ตัวเองกลับกลายมาเป็นคนธรรมดา

เจ้าสัวเศรษฐีอายุมากๆคนหนึ่ง แกซึ่งมีทรัพย์สินมากมายมั่งคั่ง มั่งมี มีความสุขกับตระกูล แล้ววันหนึ่งตระกูลนั้นลูกหลานแก่งแย่งทรัพย์สมบัติของตระกูลเพื่อมา ครอบครองเพียงคนเดียว ความสามัคคีแตกแยก ลูกหลานเศรษฐีต่างก็แก่งแย่งทรัพย์สมบัติ

เจ้าสัวหมดรอยยิ้ม หมดความหวัง หมดแรงใจที่จะเห็นหน้าลูกหลายในตระกูล 

จึงตัดสินใจให้ทนายประจำตระกูล นำทรัพย์สินส่วนใหญ่(ส่วนน้อยนิด ให้ทนายมอบให้ลูกๆ เท่าๆกัน) ที่เหลือส่วนใหญ่ เจ้าสัวนำทรัพย์สินไปมอบบริจาคทั้งหมด ตามองค์กร ตามมูลนิธิต่างๆ สร้างโรงเรียน สร้างโรงพยาบาล ฯลฯ..
สุดท้ายแล้วเจ้าสัวท่านนี้ไม่เหลือทรัพย์สินอะไรเลย เหลือเพียงแต่ความธรรมดา แต่เจ้าสัวท่านนี้ มีรอยยิ้ม มีความหวัง มีพลังใจในวันสุดท้าย ก่อนตายอย่างสงบ ณ วันป่าแห่งหนึ่ง อย่างสู่สุขติ...


Read more: http://krunongkala.blogspot.com/#ixzz1Z1OYHbu9
Under Creative Commons License: Attribution
หมายเลขบันทึก: 462669เขียนเมื่อ 26 กันยายน 2011 09:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 พฤษภาคม 2012 20:09 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

เป็นความจริงที่งามยิ่งกว่าสิ่งใด

...

ชิ่นชมและเป็นกำลังใจให้ครูนะครับ

ขอบคุณมาก สำหรับกำลังใจจากผ่องเพื่อนกัลยาณมิตรครับ..

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท