369. วัดผลโครงการ KM แบบ AI


ห้องเรียนกระบวนกรตอนที่ 369

วัดอย่างไร เป็นคำถามที่มักเจอเวลาผมเชื้้อเชิญให้คนทำ AI หรือ KM แบบ AI ครับ

ตอบตามนี้ครับ

1. ต้องแยกให้ออกก่อนครับว่าเป็น KPI แบบใด KPI มีสองแบบครับคือ Outcome KPI กับ Performance Driver ซึ่งจะสัมพันธ์กัน ตัวแรก Outcome KPI ก็คือ "ผลที่ดี" นั่นเอง ส่วน Performance Driver คือตัวขับเคลื่อน หรือตัวช่วย หรือ "เหตุที่ดี" นั่นเอง ความเป็นจริงก็คือ ถ้าเราต้องการผลที่ดี เราต้องสร้างเหตุที่ดีเช่นสมมติว่าคุณต้องเป็นนักกฏหมายที่มีชื่อเสียง อาจวัดผลเป็นคดีสำคัญที่คุณปิดได้ ประเภทออกนหนังสือพิมพ์ จนกลายเป็นตำนานประเภทสอนในมหาวิทยาลัยเลย นี่คือ Outcome KPI ครับ แต่คุณต้องสร้างเหตุที่ดีด้วย ไม่ใช่รอให้มันเกิดขึ้นเอง คุณก็อาจหาตัวช่วยเช่นเรียนต่อ หรือหาโอกาสคุยกับนักกฏหมายเก่ง อาจกำหนดเลยว่าสัปดาห์ละครั้ง ติดตามข่างสารอ่านคดีอย่างน้อยสองครั้ง อาสาทำคดียากๆ ซับซ้อนมากๆ อย่างน้อยปีละครั้ง หรือพยามทำคดีประเภท Cold case ประเภท มีคนอื่นทำแต่ปิดไม่ลง อย่างนี้เป็นต้น โอกาสที่คุณจะเป็นนักกฏหมายที่กลายเป็นตำนาน ก็จะเป็นจริงได้มากขึ้น 

2. การทำ KM ไม่ว่าจะเป็นแบบ AI หรือด้วยทฤษฎีใดๆเป็น Performance Driver ไม่ใช่ Outcome KPI ครับ เช่นในตัวอย่างแรก  การเรียน การอ่าน การทำคดียากมากๆ การคุยกับคนเก่ง ล้วนเป็น KM แบบหนึ่งทั้งนั้นครับ แต่ก็เป็นตัวช่วยเท่านั้น ถ้าประยุกต์หลักคิดแบบ AI เข้าไป ก็ต้องเริ่มคนหา ด้วยการค้นหาผู้รู้ ผู้เชื่อมต่อ นักขาย (Idea) ด้านกกฏหมาย แล้วไปเรียนรู้จากเขา นอกจากนี้ยังค้นหาหนังสือ กระบวนการทำงานจากการตั้งคำถามดีๆ กับการทำงานของเราและของคนอื่น ความรู้ที่ได้ก็จะหนักแน่น และคมขึ้นชัดเรื่อยๆ

3. ไม่ต้องออกแบบ KPI ใหม่ ยกเว้นจะมีการสร้างวิสัยทัศน์ใหม่ การทำ KM ไม่ว่าใช้ทฤษฎีใด ถ้ามาถูกทางจะทำให้เกิดนวัตกรรมการทำงานใหม่ หรือทำงานด้วยเวลาน้อยลง ทรัพยากรน้อยลง แต่ได้ผลมากขึ้น ซึ่งก็สอดคล้องกับ KPI องค์กรอยู่แล้ว แต่การทำ KM อาจทำให้เจอโอกาส เช่นในหมู่นักศึกษาไปเจอคนคนหนึ่งเป็นผู้รู้ เคือเป็นนักกอล์ฟเยาวชนทีมชาติ เลยอาจนำมาสู่การพัฒนา KPI ว่าจะมีนักศึกษาจำนวนหนึ่งที่สนใจกีฬากอล์ฟ สามารถพัฒนาตนเองจนตีกอล์ฟได้ เป็นต้น 

4. ประเด็นสุดท้ายเป็นเรื่องของเรื่องเล่า การทำ KM จะทำให้เราได้เรื่องเล่า (Storytelling) ดีๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องความรู้ในหัว (Tacit Knowledge) จะถือว่าเป็นความรู้ที่ใช้ได้ แต่มักมีคนถามว่าคุณภาพของเรื่องเล่าดังกล่าวนั้น "วัดอย่างไร" คำตอบคือ คุณภาพขั้นต่ำคือ เมื่อนำมาเอาไปใช้ ขยายผลในหน่วยงานแล้วได้ผลดี วัดได้ตาม KPI แต่ให้ดียิ่งขึ้นคือเอาไปใช้ข้ามสายงานเช่นเรื่องเล่าของฝ่ายบัญชี เอาไปประยุกต์ใช้กับฝ่ายกฏหมาย ที่อยู่ในองค์กรเดียวกันแล้วได้ผล ก็ถือเป็นคุณภาพปานกลาง แต่ถ้าคุณภาพสูงคือ เป็นเรื่องเล่าขององค์กรเช่นร้านอาหาร แต่นำไปใช้ในร้านขายมอเตอร์ไซค์ได้ นี่ถือว่าคุณภาพสูง เช่น ผู้เขียนเคยเอาเรื่องการเปิดเผยให้ลูกค้าได้ดูการช่างสินค้าในร้านทอง แล้วลูกค้าชอบจนพาึคนอื่นมาซื้อ กับร้านขายทราย พอร้านขายทรายเปิดเผยตราช่างชนืดให้ลูกค้าตรวจสอบปรากว่า ลูกค้าิดใจเหมือนกัน อันนี้ถือว่าข้ามองค์กร เรียกว่าวัดได้ว่าเป็นเรื่องเล่าคุณภาพสูง

5. ถ้าเป็นโครงการ KM แบบ AI ผู้เขียนจะมีจุดตรวจสอบระหว่างทาง (Checkpoint) ด้วยการถามลูกศิษย์ว่า "สนุกไหม สบายใจอยู่หรือเปล่า" ตรงนี้ป็นเคล็ดลับครับ เพราะ AI เป็นศาสตร์ที่ต่อยอดจากจิตวิทยาบวก คนถามคำถามดีๆ คิดดีๆ ทำดีๆ จะมีความสุข ถ้ากดดัน เครียด นี่แสดงว่าผิดทาง เมื่อพบว่าใครรู้สึกไม่สบายอึดอัด ผู้เขีบยจะถือโอกาสถามทุกข์สุข จะได้แก้ไขกันทัน ตรงนี้ส่วนใหญ่ที่เป็นปัญหา ก็ตรงวิธีการทำ หรือเข้าใจกันคาดเลื่อน การได้คุยการได้สอน การได้เล่าจะช่วยให้ลูกศิษย์ปรับตัว มาอยู่ในร่องในรอยได้อย่างมีความสุขมากขึ้น ได้ผลงานดีขึ้น การถามแบบนี้ควรทำแบบไม่เป็นทางการในทุกโอกาส จะเป็นตัวช่วยอย่างดีในการทำ KM แบบ AI ได้อย่างมาก

...

คุณล่ะคิดอย่างไร

ครับ นี่เป็นเรื่องการวัดครับ

หมายเลขบันทึก: 459257เขียนเมื่อ 8 กันยายน 2011 09:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 มีนาคม 2012 16:09 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

อ.ภิญโญคะ

อ่านบันทึกนี้ก็เข้าใจการว้ดผลที่ชัดขึ้น ซึ่งในทางปฏิบัติหากนำไปใช้ก็ดูเหมือนไม่ยากนัก แต่ต้องอาศัยลองผิดลองถูกสักนะค่ะ

นอกจากนี้แล้ว หนูขออนุญาตรบกวนอาจารย์เพิ่มคำสำคัญในบันทึก เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการค้นหาจาก google เช่น คำว่า kpi การประเมินผล การจัดการความรู้ การพัฒนางาน km ทั้งนี้จะช่วยให้เมื่อมีผลผู้ค้นหาคำดังกล่าว จะได้มาเจอบันทึกนี้ด้วยนะค่ะ

เรียบร้อยแล้วครับคุณมะปรางเปรี้ยว ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท