ยังจำได้ว่าเข้ามารายงานตัวและเริ่มปฏิบัติงานที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นในวันที่ 26 สิงหาคม 2546 ตอนนี้เวลาผ่านไปครบ 8 ปีแล้ว คำถามคือ เราได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติบ้าง ยังจำได้เสมอว่าก่อนสอบชิงทุน เราประสบอุบัติเหตุถูกมอเตอร์ไซค์ชน ต้องผ่าตัด ต้องเข้าเฝือก ต้องนอน รพ หมอก็บอกว่าไม่ต้องไปสอบหรอก แต่เสมือนชะตาเราคงถูกลิขิตแล้วว่าจะต้องไปสอบ เราจึงคิดว่าไหนๆ ก็สมัครแล้ว ก็ลองไปสอบดู ก็จึงใส่เฝือกไปสอบ ตอนอ่านหนังสือก็อ่านในห้องผู้ป่วยของ รพ เราลองไปสอบทั้งที่เราเองก็คิดว่าเราไม่น่าได้ เพราะความรู้เราก็มีแค่ ม5 ตอนนั้นระบบการศึกษายังอนุญาตให้สอบเทียบ เราเอาวุฒิ ม6 ไปสอบจากการสอบเทียบ อีกทั้งเราเองก็เป็นเด็กบ้านนอก เรียนต่างจังหวัด แต่เราก็ได้อธิษฐานกับรัชกาลที่ 5 ว่าถ้าหากว่าเรามีความสามารถเรียนจบเอกและยังมีความตั้งใจที่จะช่วยพัฒนาประเทศชาติเมื่อเราเรียนจบแล้ว ก็ขอให้เราสอบชิงทุนได้ เราคิดอยู่เสมอว่า เราไม่เก่ง แต่ที่เราสอบชิงทุนได้ เพราะรัชกาลที่ 5 ช่วยทำให้เราสอบได้
เรียนที่อเมริกา 11 ปี คงไม่เล่ารายละเอียด ไม่งั้นบันทึกนี้จะยาว กลับมาทำงานที่ประเทศไทยอีก 8 ปี เกือบ 20 ปีแล้วจากวันที่เราอธิษฐานจนถึงวันนี้ เราจึงถามตัวเองว่า เราได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับประเทศบ้าง ตลอดชีวิตการทำงานของเรา เราเน้นการพัฒนาความรู้ความสามารถของนักศึกษาเป็นหลัก เราอยากให้นักศึกษามีความสามารถในการเรียนรู้ด้วยตนเองได้ เราจึงมีแล็ปให้นักศึกษาทำ มีโปรเจกต์ให้นักศึกษาทำในทุกวิชาที่เราสอนถึงแม้บางวิชาจะเป็นวิชาบรรยาย แต่นั้นก็หมายความว่างานเราก็เพิ่มขึ้นด้วย ก่อนเราแต่งงาน ก่อนเรามีลูก เราก็รู้สึกว่าเรายังทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดี แต่พอแต่งงานและมีลูกแล้ว เรารู้สึกว่า เราทำได้ไม่ดีนัก เพราะตรวจงานช้า ต้องตรวจงานเวลาลูกหลับไปแล้ว หรือยังไม่ตื่น แต่เราก็ถือว่าเราจะพยายามช่วยประเทศในการพัฒนาคนคนหนึ่งตั้งแต่อยู่ในท้อง จริงๆ ถ้านักศึกษามีความอยากรู้อยากเห็นเหมือนกับลูกของเราซึ่งตอนนี้อายุ 3 ปีแล้ว จะดีมาก น้องต้าชอบอ่านหนังสือ อยากให้เราอ่านหนังสือให้ฟัง คำไหนที่เขาไม่รู้ในภาษาอังกฤษ ก็ถามว่า ภาษาอังกฤษว่าอะไร ซึ่งพลอยให้ภาษาอังกฤษเราดีขึ้น วกกลับมาเรื่องทำงานต่อ นอกจากเรื่องการสอนแล้ว เราก็มีตำแหน่งบริหารมาได้ 6 ปี เราไม่ได้ตั้งใจที่จะเป็นผู้บริหาร แต่เราตั้งใจที่จะทำประโยชน์ให้กับส่วนรวม ซึ่งเราคิดว่าการมีตำแหน่งบริหารเป็นโอกาสที่ดีในการทำประโยชน์ใหักับส่วนรวม แต่นั้นก็หมายความว่า เราจะต้องสามารถจัดสรรเวลาทั้งในการเตรียมสอน การตรวจงานนักศึกษา การทำวิจัย การให้คำปรึกษา และการประชุมต่างๆ ที่ผู้บริหารมักจะต้องมี ตารางการทำงานแต่ละวันของเราตอนนี้เกือบเต็ม หาที่ว่างแทบไม่เจอ ถ้ามีที่ว่างเมื่อไหร่ เราก็เอาไปตรวจงานนักศึกษาทั้งปริญญาตรีและปริญญาโท ถามว่าเหนื่อยไหมกับการทำงานแบบนี้ เราก็รู้สึกเหนื่อยแต่ก็รู้สึกสนุก สนุกที่ได้เรียนรู้ ทีได้ทำประโยชน์ เราตั้งใจจะเป็นคนที่มีความสุขและทำประโยชน์ให้กับตนเองและผู้อื่น การที่เราจะเป็นคนเก่งหรือไม่นั้นไม่สำคัญ ที่สำคัญคือเราอยากพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เพื่อเราจะได้ทำประโยชน์ให้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เราชื่นชมและเคารพคำสอนท่านพุทธทาสมาหลายสิบปี คำสอนหนึ่งก็คือ "มีชีวิตอยู่โดยไม่ต้องรู้สึกว่า เราดี-เด่น-ดัง อะไรเลย เพียงแค่รู้สึกว่าเป็นผู้มีประโยชน์ที่สุดคนหนึ่ง นั้นแหละถูกต้องและเป็นสุขแท้ -ท่านพุทธทาส"
ยินดีด้วยครับอาจารย์ ... ที่เรายังมีชีวิตอยู่เพื่อทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ;)...