อยากซนงั้นหรือ?...........คิดแบบไหน


แตนตัวเดียวก็ตายได้..................ทุกปัญหาคือการแลกเปลี่ยนเรียนรู้

ที่จริงไม่อยากเล่า เรื่องเกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม 2554

เด็กชายคนหนึ่ง เป็นนักเรียนชั้น ป.1

ขออนุญาตครูประจำชั้นไปห้องน้ำ

และถูกแตนรุมต่อย...............วิ่งกลับมาห้องเรียน

ขอความช่วยเหลือจากครู

ครูใจดีหายาทาให้..................เดี๋ยวก็หายนะลูก

เด็กชายหน้าตาเริ่มบวม และอาเจียน

ครูให้เพื่อนไปตามพี่ชายมาหา

พี่ชายมาหาครู

ครูให้ไปตามแม่ของเด็กชายมารับไปรพ.

แม่มารับไปรพสต.

รพสต.ให้การรักษาเบื้องต้น

รับรักษาเบื้องต้น.....แต่สุดความสามารถ

จึงโทรเรียกรถพยาบาล 1669 ด่วน

เด็กชายถึงรพ.สมุทรสาคร...แพทย์พยาบาลเร่งให้การช่วยเหลือ

ด่วนเด็กชายปลอดภัยแล้ว........

(ขณะที่อ่านนี้แอบคิดอะไรอยู่คิดอะไรอยู่)

หากท่านเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้อง..

ท่านคิดว่าถ้าเป็นท่านไมว่าจะอยู่ในสถานะใด

ท่านควรทำอย่างไร จะแก้ปัญหานี้อย่างไร

ถ้าช่วยไม่ทัน............ใครรับผิดชอบ

นักเรียนคนหนึ่งตอบว่า

ต้องไม่ให้แตนมาอยู่ในโรงเรียนของเรา

นร.คนรักต้นไม้ตอบว่า แตนมาอยู่นะดีแล้วนะเธอ

จะได้ต่อยเด็กซนไม่ให้ซนอีก

เพื่อนอีกคนให้ความเห็นว่า เราเคยอ่านหนังสือระบบนิเวศน์ในห้องสมุด

ชั่วโมงภาษาไทยครูให้เราทำรายงาน เรื่องการพึ่งพาอาศัยกัน ..

มันดีนะๆๆๆๆๆๆ

อีกคนถามว่าดี อย่างไร...ไอ้บื๋อ เกือบตายนะเอ็ง!

อีกคนบอกว่า..มันอยากซน

อยากซนคำนี้เป็นภาพความคิด...แล้วมีวิธีใด

ที่จะทำให้เด็กอยากซนได้ซนอย่างมีคุณภาพ

ส่งผลดีต่อพัฒนาการของเขา?????

พยาบาลบอกว่า

"เคยมีผู้สูงอายุเสียชีวิตเพราะแตนต่อย

ช่วยชีวิตไม่ทัน" ...น้องเขาแข็งแรงค่ะ ร่างกายยังทนพิษได้จนมาถึงมือหมอ

โจทย์ น้องแข็งแรงแสดงว่าแม่เลี้ยงดู เอาใจใส่ดี

การเลี้ยงดูเอาใจใส่ เพื่อให้ลูกมีภูมิต้านานทานบนโลกปัจจุบัน..

จึงควรเลี้ยงดูอย่างไร และบทบาทของครูกับการอบรมสั่งสอน

ที่นอกเหนือจากการคิดหาวิธีใหม่ๆเพื่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ที่ยั่งยืน

 และฝังแน่นนั้น..จะมีภาพเป็นอย่างไร

อีกทั้งฝ่ายบริหารเล่า..เกิดเรื่องแบบนี้แล้วคิดหรือว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก

เรื่องอะไรก็ตามที่อาจส่งผลต่อชีวิต และความเป็นอยู่ของลูกศิษย์ 

อาจมีผลต่อพัฒนาการการเจริญเติบโตของเยาวชน

ให้เดินไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง

แต่เชื่อว่าทุกคนมีเหตุผลเป็นของตนเอง

ความกล้าหาญรับผิดมีมากน้อยเพียงไรอยู่ที่การเลี้ยงมาแต่เยาววัย

ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์พระท่านสอนว่าเกิดขึ้นเพราะความประมาท

กระบวนการคิดหลายชั้น ซับซ้อน หรือคิดขั้นเดียวจบ

จะมีผลต่อการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข

และการพัฒนาจิตใจสมองของคนมากน้อยเพียงไร

เป็นเรื่องท้าทาย

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงนี้ เป็นกรณีศึกษา

ที่เปิดให้ผู้เกี่ยวข้องได้วิพากษ์กันเสมอหนึ่งเป็นแบบเรียนปลายเปิด

และมีอิสระตามความคิดเห็น และอาจมีเหตุผลหรือไม่ก็ตาม

มันย่อมเป็นประโยชน์ ให้ได้นำไปเรียนรู้..ต่อยอดสู่กระบวนการแก้ปัญหา

และเปิดประเด็นแลกเปลี่ยนเพื่อคุณภาพของลูกศิษย์

เชิญทุกๆท่านที่ได้ทัศนาและร่วมเสนอแนวคิด

บนเวทีแห่งการเรียนรู้ "ครูเพื่อศิษย์"

"ทุกปัญหาคือการแลกเปลี่ยนเรียนรู้"

ขอบคุณทุกท่านที่อ่านและร่วมแสดงความคิดเห็น

บนเวทีลปรร.ออนไลน์นี้ค่ะ

หมายเลขบันทึก: 455556เขียนเมื่อ 23 สิงหาคม 2011 09:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 มิถุนายน 2012 02:02 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
  • พี่ครูต้อยครับ
  • ทุกปัญหาแก้ได้ครับ
  • ที่โรงเรียนผู้เกี่ยวข้องต้องระวังที่ที่ไม่ปลอดภัยในโรงเรียนให้แก่เด็กๆๆ
  • เช่นที่ตู้น้ำเย็น สัตว์ที่อันตรายในโรงเรียน ต้องให้ความรู้นักเรียน จะได้ไม่ประมาท
  • พี่ต้อยสบายดีนะครับ

สวัสดีค่ะพี่ครู krutoiting

  • ไม่ได้มาเยี่ยมพี่นานแล้วเพราะภาระกิจที่รัดตัว ทั้งงานหลวง งานราษฎร์อีนุงตุงนังไปหมด เลยพาลไม่สบายไปด้วยค่ะ วันนี้รับการประเมินเรียบร้อยแล้วก็หายใจได้คล่องขึ้นนิดหน่อย ข้างหน้าอีกเพียบ!!!
  • อ่านบทความแล้วเห็นใจทั้งคุณครู และนักเรียนค่ะ ถ้าจะบอกว่า " เรื่องเล็กน้อย" ก็ใช่  "เรื่องใหญ่" ก็จริง งานนี้ไม่มีใครผิดค่ะ เด็กซนเป็นเรื่องปกติ แตนต่อยถือว่าธรรมดามาก ถ้าดูแล้ว ไม่เกิน 3 จุดก็ไม่น่ามีปัญหานะคะ ถ้ามากกว่านั้นตามรถพยาบาลเลยค่ะพี่
  • อีกอย่างคงามอดทนของคนเราไม่เท่ากัน ไม่เกี่ยวกับความแข็งแรงหรือไม่แข็งแรงค่ะ แผลเท่ากัน เจ็บปวดไม่เท่ากัน เบ่งคลอดเหมือนกัน แต่ความเจ็บไม่เท่ากัน นี่แค่ตัวอย่างนะคะ ยังไงน้องก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านนะคะ เป็นประสบการณ์ที่เด็กต้องจดจำค่ะ ต่อไปเขาก็จะระวังตัวมากขึ้นเอง
  • คิดถึงพี่ครูนะคะ

Ico48 Ico48Ico24Ico48Ico48

  • ขอบคุณทุกๆท่านค่ะ
  • จากแตนสู่การจัดกิจกรรมเรียนรู้แล้วค่ะ

    เด็กๆช่วยกันระดมความคิดได้ประเด็นหัวข้อเรียนรู้คือ

    • สัตว์มีพิษที่พบเห็นในโรงเรียน
    • การปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนวิกฤต
    • 1669 สายด่วนช่วยชีวิต
    • อย่าแหย่รังแตน......นะจะบอกให้

    เด็กๆเลือกเรื่องที่สนใจ โดยเรียนรู้แบบโครงงาน ใช้สื่อที่มีรอบตัวเช่น

    • ภูมิปัญญาเพื่อฝึกสื่อสารแบบบวก และเรียนรู้จากเรื่องเล่าเพื่อฝึกทักษะการฟัง และจับประเด็น เขียนบันทึก  
    • ห้องสมุดเพื่อฝึกทักษะการย่อความ จับใจความ และฝึกเขียน อ่าน ฝึกนำเสนอ
    • อินเตอร์เน็ต ซึ่งยังเป็นปัญหาเหมือนเดิม แต่ไม่เป็นไร ให้ไปใช้เน็ตที่ร้านใกล้บ้าน
    • และห้องสมุดโดยขอความร่วมมือให้ครูภาษาไทย ครูบรรณารักษ์ช่วยสอนวิธีSearch ข้อมูล เก็บข้อมูล และการอ้างอิง

    ลักษณะผลงานที่เกิดขึ้น

    เป็นรายงานโครงการชีวิตของแตน

    เรื่องเล่าเร้าพลัง

    การวาดภาพสื่อความหมาย 

    mapping แสดงอวัยวะส่วนต่างๆของแตน เป็นภาษาอังกฤษ

    และประโยคเตือนอันตราย จัดทำป้ายเตือนอันตรายทั้งภาษาไทยและอังกฤษ

    ภาพวาดสัตว์มีพิษในโรงเรียน

    รายงานการสำรวจ เปรียบเทียบสัตว์มีพิษ กับสัตว์ไม่มีพิษในโรงเรียนเชิงสถิติ

    นอกจากนี้เด็กพบรังมดแดงจำนวนมากในโรงเรียน เกิดเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์โดนมดแดงกัด ..ไหลลื่นความคิดออกไปสู่ยำไข่มดแดง ฝีมือปลายจวักของแม่เด็กคนหนึ่ง

    กิจกรรมที่ครูเปิดให้เด็กคิดเอง จะสามารถช่วยพัฒนาการคิดของเด็ก..อยู่ที่ครูจะสามารถจัดกิจกรรมสนองตอบความต้องการเด็กน้อยได้อย่างไร จึงจะสามารถตอบโจทย์พัฒนาการเรียนรู้ ให้เกิดจิตตปัญญา ได้อย่างไร

    กิจกรรมเสนอแนะเพิ่มเติม

    • ครูสอนการงานอาจนำแตนมาสอนการออกแบบตุ๊กตาแตนยัดนุ่นก็ได้
    • ครูคณิตศาสตร์ให้ทำบัญชีคิดต้นทุนการผลิต และผลกำไร
    • ครูดนตรีก็ให้เด็กช่วยกันแต่งเพลง และคิดท่าประกอบเพลง
    • ครูสุขศึกษาสอนจัดกิจกรรมเรียนรู้เกี่ยวกับการป้องกัน หรือการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
    • ครูภาษาไทยให้แต่งนิทานทำหนังสือป๊อบ อัพ

    ถึงตรงนี้แล้ว..เชื่อว่าครูและเด็กจะสนุกสนานไม่เซ็งเป็ดกับการสอนไปวันๆ เรียนไปวันๆ

    ขอบคุณค่ะ

     

    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท