(งานนี้ผมเป็นพระเอกของเรื่องครับ)
“ขอโทษครับ มาจากไหนครับ” ผมเห็นว่าการสนทนาระหว่างการเดินไม่เป็นการรบกวนแต่อย่างใด แมวน้อยช้อนสายตาขึ้นมองผมแวบหนึ่ง สายตาของเราสบกันอย่างจัง ตาของเธอออกสีเหลืองม่านตาข้างในเล็กนิดเดียว “โน่น หลังวิทยาเขต เลยกองขยะไปราว 300 เมตร” แมวกล่าวตอบพร้อมมองไปด้านที่มีหมู่บ้านหลังวิทยาเขต “อ๋อ อยู่แถวนี้เอง” ผมกล่าวเรื่อยๆ เป็นการชวนคุย เพื่อไม่ให้แมวน้อยใจว่าผมต้องการให้เขากลับบ้าน “ครับ อยู่แถวนี้ เราเป็นเพื่อนบ้านกัน” นั่นแน่ เธอตีสนิทเป็นเพื่อนบ้านกันไปแล้ว “กินอะไรมาแล้วยัง” ผมถามไถ่ตามมารยาท “กินมาบ้างแล้วครับ” แมวตอบแบบสุภาพชน ผมมองไม่เห็นว่าเธอกินอะไร “กินอะไรบ้างเล่า” เธอมองตรงๆ อีกครั้ง “ก็ตั๊กแตนสองตัวตรงพุ่มไม้ริมรั้วนั่น แล้วก็ขนมปังป่นๆ ในจานรองถ้วยนั่น” มองตามสายตาแมวน้อย จึงเห็นเศษขนมปังในจานรองถ้วย เพื่อนร่วมงานคงสงสาร จึงนำมาให้แมวน้อยกิน “ไม่เห็นมีน้ำเลย ดื่มน้ำแล้วยัง” เธอนั่งลงบนพื้นใกล้เก้าอี้ สองขาหน้ายืนตรง สองขาหลังงอเข้าชิดก้น “ดื่มแล้ว ไม่ต้องห่วง” “ดื่มที่ไหนเล่า” “ก็นั่นไง ในรางน้ำที่มีจอกแหนลอยอยู่นั่น” ดูเจ้าแมวน้อยจะฉลาดรอบรู้เอาตัวรอดได้ในทุกสถานการณ์
ผมยิงคำถามสำคัญโครมเข้าให้ “ทำไมไม่กลับบ้าน” แมวน้อยทำหน้าเศร้าสร้อย “ไม่อยากกลับไปเลยครับ เบื่อเต็มที” ว่าแล้วก้มหน้าเหมือนจะร้องไห้ เห็นว่าบรรยากาศจะเศร้าจนเกินไป “ไม่เป็นไร ไม่อยากกลับก็อยู่นี่ก่อน” คราวนี้ใบหน้าแมวน้อยมีรอยยิ้ม แต่ยังแฝงแววเศร้าหมอง “ทำไมหรือ ที่บ้านเขาไล่มาหรือเปล่า” เธอตอบแบบไม่มองหน้า “ไม่ได้ไล่โดยตรงหรอกครับ” “แสดงว่าไล่โดยอ้อม” “ไม่ใช่ก็เหมือนใช่นั่นแหละ” แมวกล่าวเป็นปริศนา “ยังไงกัน บอกหน่อย” ผมอยากรู้ตามประสาคน “บ้านนั่นไม่รักแมวครับ” ผมประหลาดใจขึ้นมาอีก “ไม่รักแล้วเขาเลี้ยงแมวทำไม” แมวน้อยตอบทันที “เปล่าเขาไม่ได้เลี้ยงกันหรอก” “อ้าว.....” ผมร้องเสียงยาว แมวกล่าวต่อ “แม่คาบคอ พาผมหนีหมาบ้านข้างๆ เข้าไปวางไว้ข้างในบ้าน ลูกสาวบ้านนั้น เลยเอาก้างปลาให้ผมกิน เลยรู้จักกัน พอได้กินได้อยู่บ้าง” “แสดงว่าเขาไม่ได้เลี้ยงทุกวัน” “ก็เลี้ยงแบบบุฟเฟ่ท์ หากินเองโดยส่วนมาก” ผมทำหน้าเห็นใจ เข้าใจสถานการณ์ที่แมวประสบมา
แล้วกล่าวให้กำลังใจ “ก็พออยู่ต่อไปได้นี่นา” “มีปัญหามากกว่านั้นอีก” เธอก้มหน้าพูดไปเรื่อย “ปัญหาอะไรอีก” ผมถามตามน้ำไปเรื่อยๆ “พ่อบ้านชอบดื่มเหล้า เมาแล้วก็ทะเลาะกัน เสียงดังโครมคราม” คิดแล้วก็น่าเห็นใจ นึกภาพออกว่า เวลาเกิดเสียงดังแบบนี้ แมวต้องกระโดดหนีทันที “แล้วหนีไปที่ไหนเล่า” “ก็เข้าป่านอนใต้ร่มไม้ หากินมดแมงสัตว์เล็กน้อยไปเรื่อย” เธอตอบแบบไม่อาลัยอาวรณ์บ้านหลังเก่าที่จากมา “แล้วไม่คิดถึงลูกสาวบ้านนั้นหรือ” เธอทำหน้าสลดอีกครั้ง “ก็คิดถึง แต่เห็นเธอร้องไห้ตอนพ่อแม่ทะเลาะกัน ยิ่งไม่สบายใจ” รู้สึกว่าเจ้าแมวน้อยตัวนี้จะรู้สึกเหมือนคน “ทำไม ไม่กลับไปบ้านข้างๆ” ลองตั้งคำถามใหม่ให้แมวคิด “ไม่ไหวหรอก บ้านนั้นชอบนินทาว่ายร้ายบ้านอื่น” เอ แมวน้อยนี่จะรู้มากเกินแมวไปแล้วมั้ง เพียงคิดยังไม่ทันจบ แมวพูดสวนมาทันที “แมวหรือคนก็รักสุขเกลียดทุกข์เหมือนกันนั่นแหละ” เอาอีกแล้ว เผลอคิดอะไรไม่ได้เลย เจ้าแมวน้อยรู้หมด ชักจะอายแมวแล้วนะ “เร่ร่อนแบบนี้ไม่ลำบากแย่หรือ” ผมถามแบบเห็นใจ “ไม่หรอกครับ ชีวิตผมลำบากจนเคยแล้ว” ชีวิตมันก็เป็นเช่นนี้ ลำบากทุกข์ยากกันทั้งนั้น ทั้งคนและแมว
(อ่านตอนที่ 1 ตรงนี้ครับ)
(อ่านตอนที่ 3 ตรงนี้ครับ)
(อ่านความเป็นมาได้ที่นี่)