20 Jun 2006
เช้าวันที่ 2 ของการอบรม เป็นเช้าที่มีความตื่นตัวและต้องการเรียนรู้มาก ตื่นแต่เช้าลงมาทานอาหารเช้าที่ชั้น 1 อาหารอร่อยมาก โดยเฉพาะอาหารประเภทปลา และขนมปังที่ทางศูนย์ฝึกอบรมงานอภิบาล "บ้านผู้หว่าน"ทำเอง
1. Basic Communication
Rapport คือการสร้างความสัมพันธ์เชิงสนิท ไว้วางใจได้ ประกอบด้วย
Active Listening ฟังอย่างตั้งใจ ให้รับรู้สาระ และความรู้สึกของเขาด้วย
การให้กำลังใจ แสดงความสนใจ เข้าใจสิ่งที่เขาพูด และสนับสนุนให้รับรู้ว่าเขาเป็นที่เข้าใจ และได้รับการยอมรับจากเรา
การเงียบ ช่วงเวลาที่คู่สนทนาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเงียบ ไม่มีการสื่อสารด้วยวาจา แต่มีความหมายที่รับรู้ได้
การสะท้อน (Reflection)การให้ข้อมูลย้อนกลับเพื่อให้เขาเข้าใจความรู้สึกของเขาในเรื่องนั้น
การทวนซ้ำ (paraphrasing)พูดในสิ่งที่เขาพูดโดยไม่เปลี่ยนแปลงภาษา ไม่ใส่ความเห็นหรือตีความ เพื่อกระตุ้นให้พูดถึงความคิดของเขา สื่อความในใจ ตรวจสอบสิ่งที่ได้ยิน
การถาม เน้นการถามคำถามปลายเปิด แต่สามารถกระตุ้นให้ผู้ตอบสื่อสารให้เข้าใจยิ่งขึ้นได้ทุกชนิดของคำถาม เช่น คำถามปิด คำถามเปิด+คำถามปิด คำถามชี้นำ คำถามเชิงตัดสิน เป็นต้น
การสรุปความ รวบรวมประเด็นที่เกิดจากการสนทนาเป็นคำพูดที่ได้ใจความสำคัญ ทั้งเนื้อหา และความรู้สึก
แกะรอย(Tracking) ติดตามข้อมูลและเนื้อหาของเขา และแสดงความเข้าใจในเรื่องของเขาอย่างมีเป้าหมาย
ล้วงข้อมูล ความ(ในใจ) (Prob) เมื่อรู้สึกว่าคำตอบขาดประเด็นสำคัญ ขาดบางประเด็นหรือไม่สมบูรณ์
การสังเกต การใส่ใจเพื่อทำความเข้าใจคู่สนทนาด้วยการสังเกตกิริยาท่าทาง คำพูด ภาษาที่ใช้
Field Notes บันทึกข้อมูลดิบเชิงคุณภาพในสนามการวิจัย ซึ่งเขียนด้วยลายมือ format การบันทึก ต้องทำความเข้าใจและตกลงกับทีมงานทั้งหมด ก่อนการเก็บข้อมูล
การสัมภาษณ์เจาะลึก (In-depth interview) เป็นการสนทนาอย่างมีเป้าหมายและต้องใช้เทคนิค
อาจารย์ทวีศักดิ์ ได้สาธิตการทำ IDI กับพี่สาวผู้ร่วมอบรมที่มาจากจังหวัดหนองบัวลำภูให้ทั้งห้องดู ทั้ง ๆ ที่ฉันลงความเห็นแล้วว่า บุคคลิกของอาจารย์ก็ดูเครียด บรรยากาศก็ไม่เป็นส่วนตัว ไม่น่าจะได้อะไรมากนัก แต่ผิดคาด อาจารย์สามารถล้วงความในใจลงไปถึงเรื่องค่าตอบแทน และปัญหาอุปสรรคในการบริหารจัดการ ทั้ง ๆ พี่สาวไม่ได้ตั้งใจจะพูด แต่ด้วยเทคนิคและกระบวนการที่มีคุณภาพทำให้เล่าออกมาทั้งหมด
การฝึกสัมภาษณ์กันเอง
การทำ FGD (Focus Group Discussion)
เป็นการเก็บข้อมูลที่ไม่ใช่การสัมภาษณ์ แต่ผู้เก็บข้อมูลเป็นผู้โยนคำถามเข้าใส่กลุ่ม เป็นผู้ทำหน้าที่ให้เขาไปมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันในระหว่างการโยนคำถามเข้าใส่กลุ่มว่ามีความเห็นด้วย(pro)หรือเห็นขัดแย้ง(con)อย่างไร ที่นั่งจัดเป็นวงกลมเสมอ facilitatorจะอยู่ในวงเดียวกันเพื่อไม่ให้มีความแตกต่าง ควรมีของขบเคี้ยวช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย
ทั้งสามคนต้องทำงานเป็นทีม ประกอบด้วย conductor(facilitator) Note taker และ assistant จำนวนผู้เข้ากลุ่มที่เหมาะสม คือ 6-8 คน
อาจารย์สาธิตการทำ FGD โดยอาจารย์เป็น fac. และสมาชิกในกลุ่มเป็นผู้ตอบคำถาม เทคนิคการถาม และการมี Inter act. ต่อกันของกลุ่มทำให้ได้ข้อมูลที่พรั่งพรูมาก รู้เลยว่าที่ผ่านสิ่งที่เราไม่ค่อยนึกถึงเวลาทำ FGD คือ การมี Inter act. ต่อกันของกลุ่มนี้เอง
การสังเกต(Observation in Qualitative Research) ประกอบด้วย
ช่วงบ่ายเป็นการตั้งคำถาม เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลคุณภาพ เป็นการตั้งคำถามกว้าง ๆ ไว้ แต่ให้ครอบคลุมปัญหาการวิจัย
คำถามวิจัย คือ ระบบการทำงานร่วมกับชุมชนและ PCU โดยให้แบ่งกลุ่มฝึกตั้งคำถาม
ผลการทำกลุ่มก็ได้คำถามเหล่านี้ เพื่อเป็นแนวในการลงฝึก Field work ต่อไป จบภาคกลางวันค่ะ อาจารย์นัดสอนต่อ 19.00 น.มีเวลาสำหรับพักผ่อนเล็กน้อยชวนพี่สาวผู้น่ารักจาก สสจ.พิษณุโลก (พี่ช่อทิพย์)เดินชมความสวยงามของสถานที่
อาคารที่พัก
บริเวณกว้างขวาง ร่มรื่น อากาศดีมาก ๆ
ขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึกหน่อยนะค่ะ เสียดายจังไม่ได้นำรองเท้าสำหรับใส่วิ่งมา
ภาคค่ำ ต่อด้วยเรื่องการวิเคราะห์ข้อมูล(Content Analysis) การใช้ตัวย่อ การนำคำและประโยคมาเรียงต่อกันโดยไม่เปลี่ยนแปลงความหมายเดิม
เลิกเวลา 21.00 น. กว่า ๆ แต่ก็รู้สึกว่าเข้าใจมากขึ้น ไม่รู้สึกเหนื่อยหรือเบื่อเลย ทำให้นึกถึงคำโฆษณาผลิตภัณฑ์ยี่ห้อหนึ่งที่ว่า "เมื่อใจพร้อม กายก็พร้อม" เพราะเมื่อใจต้องการเรียนรู้ การเรียนรู้ก็ทำให้มีความสุข ขณะเดียวกันถ้าไม่ต้องการเรียนรู้ การเรียนรู้ก็ทำให้เป็นทุกข์ได้เช่นกัน
ดีใจที่อ้อยเก็บเกี่ยวความรู้มาได้แบบนี้ แต่ต้องฝึกหัดทำด้วยไม่ว่าจะเป็นในการวิจัยหรือกับคนรอบข้าง เราว่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับงานของอ้อยและตัวอ้อยเอง เป็นกำลังใจให้เสมอนะ