จดหมายถึงแม่ : (ส่วนหนึ่ง) จดหมายจากมหาวิทยาลัยถึงคนไกลที่อยู่ทางบ้าน


ปีนี้เป็นอีกปีที่ทีมงานของเราไม่มีโอกาสได้กลับไปไหว้แม่  เพราะต่างต้องเตรียมงานกิจกรรม "จดหมายจากมหาวิทยาลัย ถึงคนไกลที่อยู่ทางบ้าน"  ซึ่งขณะนี้ส่วนหนึ่งเดินทางข้ามจังหวัดไปทำสารดคีชีวิตของคุณแม่ของนิสิตที่ชนะเลิศการประกวด "การเขียนจดหมายถึงแม่"

ปีนี้ปลายทางของจดหมายไกลสุดอยู่ที่ "ไต้หวัน"  ใกล้สุดคืออำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์

จดหมายทุกฉบับ  ทั้งผมและทีมงานจะจัดพิมพ์เป็นหนังสืออ่านประกอบการพัฒนานิสิต  เสมือนเป็นกิจกรรมนอกชั้นเรียนที่เรามุ่งปักธงให้เกิดกระบวนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง  โดยในวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๔  จะเป็นการประกาศผลรางวัล มอบทุนการศึกษา และเปิดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องกับในเรื่อง "แม่ในดวงใจ"  ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลักอันเป็น "คนต้นเรื่อง" ก็คือเจ้าของจดหมายแต่ละฉบับนั่นเอง

นี่คือกิจกรรมวันแม่ในสไตล์ของพวกเรา... 

และถัดจากนี้ไป  คือส่วนหนึ่งในบรรดาจดหมายหลายๆ ฉบับที่นิสิตได้เขียนถึงแม่  ผมถือโอกาสคัดลอกมาให้ท่านได้อ่านไปพรางๆ เสียก่อน...

เชิญครับ-

 

    "...คิดถึงแม่เสมอเวลาที่นั่งกินข้าวอยู่ร้านประจำหน้าหอ ถึงมันจะอร่อยถูกปาก แต่มันก็เป็นอาหารเดิมๆ ซ้ำซากในทุกๆ วัน ไม่เหมือนกับอยู่บ้าน แม่สรรหากับข้าวที่หลากหลาย ผลไม้ตามฤดูกาล เก็บใต้ต้น หรือบางครั้งครอบครัวของเราก็ออกไปกินข้าวนอกบ้าน ดูอบอุ่นและมีความสุข..."

 

     "...เมื่อก่อนลูกเคยเป็นแต่ผู้ตาม แต่วันนี้มีคนตามลูกแล้ว ลูกแม่ก็มีพัฒนาการขึ้นเยอะเลยเด้อ ลูกเคยแต่ไหว้คนอื่นเขา  ตอนนี้มีคนมาไหว้ลูก มันรู้สึกดียังไงไม่รู้ มันคือผลพวงของการที่ลูกนำคำของแม่มาใช้ มันคือผลของการทำกิจกรรม..."

 

     "...วันแรกที่มีถึงประเทษไทย หนูรู้สึกคิดว่าเป็นประเทษที่มีความสุข สนุกสนานกว่าประเทษตัวเอง  แต่ทำไม หนูยังรู้สึกคิดถึงพ่อ แม่ พี่ น้อง บ้านและประเทษของตัวเอง แล้วยังร้องไห้อีกคะ..."

 

     "...เรียนถาปัดนี่ม่วนอีหลีแม่  ทั้งม่วนทั้งเมื่อย ครบสูตรเลยแม่ ฮ่าๆ ตอนเฮ็ดงานคึดฮอดแม่นั่นแหละ  แม่แห่งเฮ็ดหนักกว่านี้ กะเลยอดเอา..."

 

     "...หนูต้องเรียนรู้และปรับตัวอยู่พักใหญ่เลยละแม่  แต่การเข้ากับเพื่อนๆ นะแม่สบายมาก เพราะส่วนใหญ่ก็ลุกอีสานแบะเป็นลูกชาวนาเหมือนๆ กัน..."

 

     "...บางครั้งโทรไปหาแม่ แม่จะไม่สบาย หนูอยากให้แม่ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ ยิ่งกำลังตั้งครรภ์อยู่ด้วย  คงได้สี่เดือนแล้วสินะแม่  หนู่อยากเห็นหน้าน้องเร็วๆ จัง..."

 

      "...ส่วนพ่อก็ยังคงกินเหล้าเหมือนเดิมใช่หรือปล่าวคะ  หนูรู้ว่าแม่ลำบากใจมาก ต่อให้พูดอย่างไรพ่อก็คงเป็นเช่นเดิม  จะมีไหมค่ะที่พ่อจะพยายามเลิกเหล้า  หนูว่ามีน่ะค่ะ แต่พ่อยังทำไม่ได้มากกว่า..."

 

      "...น้ำตาแม่ที่คลออยู่สองตา และสิ่งนั้นเป็นจุดที่กระตุ้นและปลุกผมจากสิ่งที่ผมหลงผิด ..."

 

      "...การมาเรียนที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ทำให้หนูได้รู้จักคุณค่าของเงินมากขึ้น  และรู้จักที่จะวางแผนการใช้เงิน ...หนูต้องทำได้ เพราะมีแม่เป็นแรงใจและเป็นกำลังใจที่สำคัญของหนู..."

 

      "...ตอนนี้ลูกคิดว่าแม่ของลูกคงไม่มีเวลาพักผ่อน เนื่องจากเป็นฤดูทำนาปลุกข้าว  ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ต้องใช้ความอดทนอย่างสูง..."

 

      "...เวลาที่แม่ไม่สบายในตอนกลางคืนจะทำอย่างไร  พ่อก็ไม่อยู่  น้องก็นอนข้างล่าง..."

 

ครับ, นี่เป็นเพียงเรื่องราวเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น  เพียงได้อ่านและทำหน้าที่เป็นสื่อกลางให้นิสิตสื่อสารกับ "แม่"  ทั้งผมและทีมงานก็สุขล้นหัวใจเป็นยิ่งนัก

ถึงแม้ทั้งผมและทีมงาน  จะไม่ได้กลับบ้าน  เพียงเพราะมีภารกิจเหล่านี้  แต่เราก็รู้ว่า "แม่เข้าใจ และชื่นชมในสิ่งที่เรากำลังทำ"...

แต่สำหรับผม  พรุ่งนี้เย็นๆ จะบึ่งรถกลับไปหาแม่...(อย่างแน่นอน)

 

หมายเลขบันทึก: 453668เขียนเมื่อ 13 สิงหาคม 2011 19:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 13:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

เด็ก ๆ ใช้หัวใจเขียนนะครับ ;)...

ขอบคุณมากสำหรับการแบ่งปันครับ

ใจนำพา ศรัทธานำทางครับ...
เอาไว้เล่มเสร็จ จะแอบกั๊กไว้เล่มสองเล่มส่งไปทางโน้นนะครับ

 

ว้าว ชอบจังค่ะกิจกรรมนี้ เหมือนเคยอ่านบันทึกปีก่อนๆ จัดทุกปี ดีจังเลยนะคะคุณแผ่นดิน มีคุณค่านะคะ

นึกถึงสมัยเรียนที่อยู่หอ แล้วต้องเขียนจม. ถึงพ่อแม่ ๆ ก็ยังเก็บไว้ พอเราเรียนจบ กลับบ้าน มาอ่านแล้วก็ได้อมยิ้ม ถ้านศ.เก็บไว้จะกลายเป็นความทรงจำประทับใจ หล่อเลี้ยงหัวใจให้ชื่นบาน ขอบคุณค่ะ

เข้าใจความรู้สึกที่สะท้อนในจดหมายถึงแม่ผู้อยู่ห่างไกลค่ะ พี่เองเขียนถึงพ่อ-แม่ทุกสัปดาห์ช่วงไปเรียนต่อในแดนไกล และนั่งรอจดหมายจากทางบ้านอย่างจดจ่อ เดี๋ยวนี้ยังเปิดแฟ้มกรุจดหมายมาอ่านเสมอด้วยความรักระลึกถึงความห่วงใยเหล่านั้นค่ะ

สวัสดีครับ คุณปูPoo

กิจกรรมที่ว่านี้จัดกันมาสองครั้งแล้วครับ ปีที่แล้วเว้นวรรคไปหนึ่งปี -ปีนี้เลยฟื้นกลับมาอีกครั้ง  ฟื้นกลับมาในภาวะข้าวยากหมากแพง  แต่ก็ใช้ใจนำพา เพื่ออยากให้กิจกรรมดีๆ เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยฯ 

การเขียนจดหมาย ถือเป็นศิลปะแขนงหนึ่งที่คนเราเริ่มละเลยไปมากเลยทีเดียวครับ  ผมดีใจที่นิสิตบางคนได้เขียนจดหมายถึงแม่เป็นครั้งแรกผ่านกิจกรรมในเวทีเช่นนี้  ซึ่งจดหมายเหล่านี้จะกลายเป็นสะพานใจของ "แม่กับลูก"  กลายเป็นจดหมายเหตุที่สำคัญของคนในครอบครัว

ปีนี้  เราจะเน้นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันบนเวที นำนิสิตมาบอกเล่าประสบการณ์ชีวิตของความเป็นลูก  ยึดโยงกลับสู่แนวปฏิบัติการเลี้ยงดูของความเป็นแม่ไปในตัว...

คิดว่าคงได้ "บทเรียน" ดีๆ จากเวทีนี้บ้างเหมือนกันกระมังครับ

สวัสดีครับ พี่นงนาท สนธิสุวรรณ

การเฝ้ารอจดหมาย ก็ถือเป็นศิลปะของการใช้ชีวิตของคนเราด้วยเหมือนกัน ผมเองก็พยายามรื้อค้นจดหมายเก่าๆ มาอ่าน ได้ดูลายมือตัวเอง ดูเรื่องราวอันเป็นมุมมองชีวิตของตัวเอง ดูเรื่องราวของคนอื่นที่ผ่านเข้ามาสู่ตัวเรา 

ทุกวันนี้  โทรศัพท์มือถือกลายมาเป็นสะพานใจแทนจดหมายได้เกือบเสร็จสรรพ  แต่สำหรับผมแล้ว  ผมก็ยังหลงรักจดหมายมากกว่า...

ขอบคุณครับ

 

การเขียนจดหมายสมัยนี้เหมือนกับจะห่างหายไปจากชีวิตผู้คนส่วนใหญ่ไปเสีย

แล้ว  อาจจะเป็นเพราะมีวิธีการติดต่อที่รวดเร็วกว่ามาแย่งเวลาในการเขียน

จดหมายไปหมด

ความเป็นจริงแล้วความรู้สึกมันต่างกันนะระหว่างการอ่านกับการฟัง  อ่านจบแล้ว

เรายังเก็บเอาไว้ในความทรงจำกับความรู้สึกดีๆได้  แต่ฟังจบแล้วก็อาจจะลืม

จะเลือนไปตามกาลเวลา...

มีความสุขทุกครั้งที่ได้มีส่วนร่วมในการทำโครงการนี้ 

 

สวัสดีครับ krugui Chutima

สถานะจดหมายของวันนี้ เมื่อเวลาผ่านไป ก็คล้ายเราบันทึกภาพไว้ในวีดีโอนั่นเอง
ถ้อยคำที่ปรากฎในจดหมาย เสมือนมีชีวิตอยู่ตลอดเวลา...
การกลับมาอ่านอีกรอบ จะช่วยให้เราได้หวนคิดถึงภาพชีวิตอันเป็นความทรงจำของตัวเอง

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยม นะครับ

ขอบคุณครับคุณแดนไท

พรุ่งนี้ฝากด้านการบริหารจัดการด้วยละกัน

ไม่เคยมีงานไหนที่ทำให้เสียน้ำตาได้เหมือนงานนี้ และกิจกรรมนี้รู้อยู่แล้วว่าต้องมีแบบนี้แหละ อะไรจะเป็นกิจกรรมต่อไป ช่วงต่อไปคืออะไร รู้หมด แต่ก็อดที่ร้องไห้ไม่ได้ซะที นี่แหละเนาะที่เค้าเรียกว่าความรู้สึกกับผู้ที่เรียกว่าแม่ มันยิ่งใหญ่จิงๆ อยู่ในความทรงจำ มันลึกซึ้งเกินคำพูดที่จะบรรยายได้ แค่ได้สัมผัสอุ่นไอรักที่แม่มีต่อลูก และลูกระลึกถึงแม่ ทุกอย่างก็ออกมาได้โดยไม่ต้องเรียกร้องใดๆเลย ขอบคุณที่ยังมีกิจกรรมดีๆแบบนี้คงอยู่

  "...เรียนถาปัดนี่ม่วนอีหลีแม่  ทั้งม่วนทั้งเมื่อย ครบสูตรเลยแม่ ฮ่าๆ ตอนเฮ็ดงานคึดฮอดแม่นั่นแหละ  แม่แห่งเฮ็ดหนักกว่านี้ กะเลยอดเอา..."

 

ชอบอันนี้จัง ของคนอื่น ๆ ก็กระตุกใจ หลาย

 

อยากขอหนังสือบ้างจังค่ะ(แบบเกรงใจ)

แม้จะไม่ใช่คนที่อ่อนหวาน มากมายนักสำหรับความสัมพันธ์ของผมกับแม่

แต่กิจกรรมนี้ทำให้ผมได้รู้ว่า แม้ว่าผมจะอยู่ห่างจากแม่เพียงใด ความรัก ความผูกพันธ์เราไม่ได้ห่างกันเลย

ผมโทรหาแม่ตลอดระยะทางที่ไปถ่ายทำวีดีโอชุดนี้  และผมรู้สึกว่าการคุยกับแม่วันนั้นมันทำให้หัวใจผมพองโต

แม้ว่าผมจะไม่ได้กลับบ้านในวันแม่  แต่ผมรู้ว่าแม่รักผมมาก และที่สำคัญผมได้แม่เพิ่มอีกคนที่อำนาจเจริญ....

ขอบคุณสายสัมพันธ์ของวันนั้น และขอบคุณทุกท่านที่เอาใจทำงานด้วยเช่นกัน...ขอบคุณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท