การเป็นครูผู้สอนนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ที่ต้องใช้ชีวิตในแต่ละวันรายล้อมไปด้วยเด็กวัยรุ่นที่มีอายุตั้งแต่ 13-18 ปี ทุกคนล้วนมาจากร้อยพ่อพันแม่ พื้นฐานครอบครัวและฐานะที่แตกต่างกันมาอยู่ร่วมกัน จึงไม่อาจหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจมากระทบ จนต้องเป็นผู้ให้คำปรึกษาแนะนำตลอดจนไกล่เกลี่ยให้เกิดความเข้าใจกันทุกฝ่าย ซึ่งบันทึกนี้ขอรวบรวมแนวทางที่ใช้นำมาแบ่งปัน เพื่อว่าจะได้เป็นประเด็นแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้ที่ชีวิตจะต้องคลุกคลีอยู่กับเด็กๆเช่นเดียวกับผู้เขียน ซึ่งหัวข้อที่ผู้เขียนมักจะแนะนำแนวทางการใช้ชีวิตให้กับนักเรียนโดยมากจะมี 5 ข้อนี้ค่ะ
ข้อที่1 มองตัวเองว่าดีและมีค่าทุกวัน
ในแต่ละวันให้นึกถึงความดี และความโชคดีของตนเอง เริ่มต้นด้วยการตื่นนอนตอนเช้า ให้ยิ้มกับตัวเอง และนึกว่าโชคดีที่ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว ให้นึกถึงความดีของตนเอง ที่เคยทำมาแล้วในอดีต (ที่สามารถนึกได้ง่ายๆ) เช่น เคยทำบุญ เคยช่วยคนที่อ่อนแอกว่า เคยสงเคราะห์สัตว์ ฯลฯ คิดว่าตัวเองดี และมีคุณค่าที่ได้เคยทำสิ่งดีๆ และให้นึกซ้ำๆ จะได้เกิดความเชื่อตามที่นึกนั้นก็จะเกิดความอิ่มเอิบใจ และเชื่อว่าตัวเองมีความดี ความเก่ง ตามความเป็นจริงในขณะนั้นด้วย ทำให้ความอยากมีชีวิตอยู่ และสร้างสิ่งที่ดีๆ ให้กับชีวิตต่อไป ต้องอวยพรตัวเองเสมอๆ อย่าแช่ง หรือตำหนิตัวเอง และอย่ารอให้คนอื่นมาชื่นชมเราซึ่งมักจะไม่ได้ดั่งใจหรือได้มาก็ไม่สมใจ
ข้อที่ 2 มองคนอื่นดี มองโลกในแง่ดี
ให้มองว่าคนทุกคนมีขีดจำกัดของความสามารถ ความดี ความเก่งกันทุกคน ตามความเป็นจริงของเขา ซึ่งไม่เท่ากัน และไม่เหมือนกันเลย ส่วนความไม่ดี หรือไม่เก่งของเขา (ซึ่งมีกันทุกคน) ปล่อยให้เป็นเรื่องของเขาไป ให้มองเฉพาะส่วนที่ดีของเขาเท่านั้น ถ้าทำได้เช่นนี้เราจะเป็นคนที่มองชีวิตดี มีความหวังที่ดีในชีวิตตลอดเวลา สองสิ่งนี้ถ้าทำเป็นนิสัยจะพบว่า โลกนี้มีสิ่งที่ดีๆ และไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคต่างๆ และท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นสุขนิยมทั้งชีวิต
ขัอที่ 3 ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
คือการอยู่กับปัจจุบัน ทำกิจกรรมในวันนี้และเวลานี้ให้ดีที่สุด ทำได้แค่ไหนเอาแค่นั้น ไม่ทุกข์ร้อน หรือคาดหวังกับผลลัพธ์ของมัน ไม่ว่าจะสมใจ หรือไม่สมใจก็ตาม จงชื่นชมในความตั้งใจ ทำเต็มความสามารถของตนเอง และคิดต่อว่า ในอนาคตจะต้องทำให้ดีกว่านี้ นอกจากนั้นต้องเลิกจดจำ หรือนึกถึงเรื่องที่ไม่ดีที่เกิดกับเราในอดีต เพราะการจดจำเรื่องราวที่ไม่ดีในอดีต เท่ากับไปสะกิดแผลในใจ และจะทำให้เจ็บปวดมากยิ่งขึ้น จนส่งผลให้ปัจจุบันไม่มีความสุข และกลัวว่าอนาคตจะเกิดสิ่งที่ไม่ดีซ้ำๆ อีก
ข้อที่ 4 มีความหวังและเชื่อว่าอนาคตจะดีเสมอ
ความหวัง ความเชื่อ เกิดจากความคิดถึงบ่อยๆ หรือได้ยินบ่อยๆ จงนึกและบอกกับตัวเองเสมอว่า อนาคตจะดีขึ้นอีกเรื่อยๆ จะส่งผลให้เกิดกำลังใจมากขึ้น อยากพบเห็นสิ่งต่างๆ ที่จะเข้ามาในชีวิตโดยไม่กลัว มีอารมณ์ขัน และไม่จริงจังกับชีวิตมากนัก แต่จะมีความหวังที่ดีๆ (Good Hope) อยู่เสมอ แต่อย่ามีความคาดหวัง (Expectation) กับชีวิต เพราะถ้าคาดหวังกับชีวิต เรามักจะกลัว หรือกังวลว่าจะไม่ได้ผลลัพธ์ดังความคาดหวัง หรือเมื่อได้มาแล้วก็มักไม่พอใจ จึงอาจทำให้เกิดทุกข์ได้
ข้อที่ 5 ปรับปรุงตัวเองเสมอ
โดยปรับปรุง 4 ส่วนที่มีความสำคัญต่อชีวิต คือ
ค่ะนี่คือห้าข้อหลักๆที่ผุ้เขียนมักจะใช้ในการแนะนำให้คำปรึกษากับเด็กๆ หากท่านใดมีข้อแนะนำอื่นๆ หรืออยากที่จะร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับบันทึกนี้ ก็ขอเชิญเลยนะคะ องค์ความรู้ที่ได้จะได้นำไปพัฒนาตน และเป็นการเปิดมุมมองอย่างกว้างขวางแบบร่วมด้วยช่วยกันค่ะ..
ขอบคุณค่ะ.
สวัสดีค่ะน้องครูแป๋ม
แวะมาทักทายและรับความรู้ดีๆค่ะ
คิดดี ทำดี สื่อสารที่ดี มีความหวัง สร้างกำลังใจ พัฒนาตนเองอยู่เสมอ
ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันค่ะ สบายดีนะค่ะ
สวัสดีค่ะน้องแป๋มมาพร้อมฝนตกค่ะ ..มาฟังเพลงเพราะๆ..และสาระที่มีประโยชน์นำไปใช้ในการสู้ชีวิตต่อไป อิอิ ขอบคุณค่ะ
อ่านแล้วชอบมากค่ะแล้วพี่ดาจะปฏิบัติตาม จะได้สบายใจๆสวยงามเหมือนสีสวยของดอกไม้ 7 สี 7 วัน ขอบคุณมากนะคะ คิดถึงเสมอค่ะ
แวะมาทักทายยามฝนพรำอากาศน่านอน แต่นอนไม่ได้เพราะทำภาระหน้าที่ยังไม่
เสร็จ เอารถมาเข้าศูนย์ตั้งแต่เกือบสิบโมง ป่านนี้ยังไม่เสร็จ ข้าวก็ยังไม่ได้กินหิว
จังเลย น่าสงสารไหมน้องครูป๋อมแป๋ม....
สวัสดีครับ
ผมชอบกระบวนการสอนคนของท่านอาจารย์จังเลยครับ
เหมาะสมกับครูแนะแนวที่นักเรียนเข้าหาแล้วเค้ารู้สึกได้ถึงความอบอุ่น เชื่อใจ และปลอดภัยจริง ๆ
ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะ พี่ครูกีร์ ที่คิดถึง
มีความหวังและเชื่อว่าอนาคตจะดีเสมอ
..
เพียงเพราะเชื่อว่าพรุ่งนี้ยังมีอยู่
ชีวิต จึงต้องสู้ไม่รู้ถอย
ชีวิต จึงเรียนรู้การ "รอคอย"
ไม่เลื่อนลอยแต่ให้ค่อยๆ ย่างเดิน