ก่อนจะมาเป็น Color of June
ขออนุญาต เล่าเรื่อง Color of June เพื่อท่านที่สนใจ.. ตั้งแต่เข้ามาในชมรมคนรักมวลเมฆ ก็รู้สึกสนุกกับงานอดิเรกคือการถ่ายรูปเมฆ นอกเหนือจากการถ่ายรูปกิจกรรมในงานหน้าที่ และภาพวิถีชนบทที่ผมสนใจส่วนตัว การถ่ายรูปเมฆผมใช้เวลาเลิกงานตอนเย็นไปขึ้นภูมโนรมย์ สมัยที่ยังทำงานอยู่ที่มุกดาหาร มันเป็นการผ่อนคลายออกจากภารกิจความรับผิดชอบ ดึงจิตใจเราออกมาสู่ธรรมชาติและโลกกว้าง ทำให้เกิดความผ่อนคลายขึ้นเยอะ ตกเย็นหากไม่มีภารกิจอื่นๆผมก็ขึ้นภูมโนรมย์เพื่อเฝ้าดูท้องฟ้า มวลเมฆ
ที่ภูมโนรมย์แม้จะไม่ใช่สถานที่ดีที่สุดของการเฝ้าดูมวลเมฆ แต่ก็ดีกว่าที่อื่นๆอีกมากมาย ในส่วนตัวคิดว่า เพราะเป็นที่สูง มองได้ไกลมากๆข้ามไปฝั่งลาว และความสูงทำให้เราเข้าใกล้เมฆ และระดับ หรือองศาการมองเมฆด้วย แม้ว่า สถานที่ภูมโนรมย์จะยังมีต้นไม้บังสายตาในระดับต่ำอยู่มาก ก็ยังเคยคิดว่าหากทำงานที่มุกดาหารต่อไปอีกสัก 5 ปีคงขอเจรจากับท่านเจ้าอาวาส ขอใช้ด้านตะวันตกของภูเขานี้ไปเป็นที่ดูมวลเมฆ
ในช่วงฤดูฝน คือตั้งแต่เดือน 6 เป็นต้นไป ก้อนเมฆบนท้องฟ้าจะมีมาก โอกาสเกิดปรากฏการณ์ต่างๆเกี่ยวกับเมฆมีมาก จึงเป็นช่วงเวลาทองของนักดูเมฆ แต่แน่นอนเราเนรมิตไม่ได้ มีแต่การที่เราอยู่ถูกที่ถูกเวลาเท่านั้นจึงจะมีโอกาสพบปรากฏการณ์มวลเมฆ มีทางเดียวที่เราจะมีโอกาสมากขึ้นคือให้เวลากับตัวเราเองไปอยู่ในสถานที่ที่เหมาะแก่การดูเมฆนั่นเอง แน่นอนครับแต่ละท่านมีโอกาสไม่เท่ากัน ท่านที่ทำงานในตึกในกรุงเทพฯ โอกาสก็น้อยลงไปอีกมาก สำหรับคนต่างจังหวัดมีมากกว่า
วันนั้นเป็นวันที่ 9 เดือนมิถุนายน 53 เลิกงานแล้วก็ขึ้นภูมโนรมย์เช่นเคย บนนั้นจะมีชาวมุกดาหารไปออกกำลังกายที่เรียกขาประจำหลายกลุ่ม เช่น จ๊อกกิ้ง จักรยานภูเขา หรือผู้สูงอายุก็เดินเร็วๆวนไปมาบนลานกว้างของวัดบนยอดภูนั้น มีอาคารสำหรับดูทิวทัศน์ซึ่งอยู่ที่สูงขึ้นไปอีก หากจะดูวิวไกลๆก็ต้องขึ้นไปที่นั่น แต่หากจะดูท้องฟ้ากว้างก็มาอยู่ที่ลานกว้างนั่น ผมใช้สองที่นี่แหละเป็นสถานที่เฝ้ามองเมฆ การไปทำแบบนี้ประจำจนรู้จักกับนักออกกำลังกายที่นั่นรวมไปถึง หมอดูท้องถิ่นที่มักมากางตำราดักนักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาดูทิวทัศน์เมืองมุกดาหาร สะพานข้ามโขงและเมืองสะหวันนะเขต
เย็นวันนั้นมีเมฆก้อนใหญ่ทางตะวันตกขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะตกซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มักเกิดปรากฏการณ์มวลเมฆบ่อย ช่วงนี้สายตาก็จะจับจ้องอยู่ที่กลุ่มเมฆทางทิศตะวันตกเป็นหลัก เฝ้าดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง
วันนั้นเราโชคดีที่เห็นการเริ่มก่อตัวของหมวกเมฆ Pileus ชุดหนึ่ง และโชคดีมากๆคือ มีเงารุ้งปรากฏด้วย เราตามติดโดยไม่สนใจสิ่งอื่นเลย เริ่มถ่ายรูปไม่อั้น เพราะเรา set กล้องไว้หรือเตรียมพร้อมไว้แล้ว
จากหมวกเมฆที่เกิดเป็นแผงใหญ่เป็นการแปรเปลี่ยนเป็นสองส่วนแยกกันบนสองยอดก้อนเมฆ แถมมีรุ้งที่ชัดเจนมากขึ้น
ผมนั้นถ่ายรูปสลับใกล้ ไกล ซูมอิน ซูมเอาท์ ดูเหมือนกล้องช้าไม่ทันใจเลยละครับ
แล้วปรากฏการณ์สุดยอดก็เคลื่อนตัวมาปรากฏหมวกเมฆที่แปลกตาและเป็นรุ้งสว่างงามจับใจ เป็นสองชั้นด้วย ขอบหมวกเมฆสองด้านสะบัดงอนขับเข้มสีแดงส้มออกมา และยังมีรังสีอยู่ด้านบนอีก
การแปรเปลี่ยนเกิดขึ้นทุกวินาที เพียงไม่นานการแปรรูปที่สวยสุดก็เปลี่ยนไป ผมเข้าใจว่า กลุ่มละอองไอน้ำยังคงมีอยู่แต่มุมของแสงที่มาตกกระทบเข้าสู่สายตาเราที่ยืนอยู่ตรงนั้นเปลี่ยนแปลงไป จึงสิ้นสุดการเกิดขึ้นของหมวกเมฆสีรุ้งที่มีรูปทรงแปลกตาแต่งามถูกใจ
ผมไม่แน่ใจว่ามีสักกี่คนที่เห็นภาพนี้ และมีสักกี่คนที่เห็นภาพนี้แล้วเก็บภาพนี้ไว้ได้ เพียงเราเตรียมพร้อมสำหรับการเก็บปรากฏการณ์มวลเมฆ เราจึงได้ภาพเหล่านี้มา
อยู่ในโลกมาก็นานไม่เคยแบ่งเวลามาชื่นชมธรรมชาติเช่นนี้ ขอบคุณอาจารย์ ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ ที่เปิดโลกธรรมชาติที่สวยงามนี้ให้ผมและมวลสมาชิกชมรมคนรักมวลเมฆได้หยิ่งกันต่อไป นอกจากนี้ท่านยังได้พยายามสอดแทรกความรู้เรื่องนี้ให้กว้างไกลสู่คนที่สนใจอีกมากมาย นับเป็นคุณูประการที่ก่อให้เกิดชมรมคนรักมวลเมฆและความรู้ต่างๆที่ควรเข้าใจปรากฏการณ์ของธรรมชาติ นอกจากเป็นทางออกสำหรับคนที่หนักกับงานประจำ ความรู้และกิจกรรมเหล่านี้ยังต่อยอดไปอีกมากมายทีเดียว เช่น เอารูปเหล่านี้ไปทำ Background presentation ต่างๆ เอาไปทำ ส.ค.ส. เอาไปจัดนิทรรศการ เอาไปเป็น collection เอาไปจัดมุม เอาไปใช้ในการเรียนรู้ ฯลฯ อีกมากมาย..
ขอขอบคุณ NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และขอขอบคุณคณะกรรมการการประกวดภาพถ่ายดาราศาสตร์ประจำปี 2554 “มหัศจรรย์ภาพถ่ายดาราศาสตร์ในเมืองไทย” ที่คัดเลือกภาพ Color of June ให้ได้รับรางวัลชนะเลิศในประเภทที่ 5 ปรากฏการณ์ในบรรยากาศโลก...
wow! miracle for color of June kha :)
ยินดีกับภาพหมวกเมฆสีรุ้งสองชั้น อันน่ามหัศจรรย์นี้ค่ะ พี่ท่านฯ ถึงกับต้องไปเจรจาทำเอ็มโอยูกับท่านเจ้าอาวาส รึคะ :) ขอบคุณภาพเยียวยาหัวใจค่ะ
ครับน้องปู คิดไว้ว่าหากอยู่มุกดาหารนานกว่านี้จะขอที่วัดทำสถานที่ชมรมคนรักมวลเมฆ มุกดาหารขึ้นมาเลย เพราะคนถ่ายรูปนั้นที่ไหนๆก็มี พี่ print รูปเมฆสวยๆให้เพื่อนที่เป็นร้านอาหารให้ไปติดฝาผนังห้องอาหาร หรือจัดนิทรรศการเล็กๆ เพื่อดึงความสนใจให้คนเห็นคุณค่าการถ่ายรูปธรรมชาติ และชวนขึ้นไปใช้ประโยชน์ภูมโนรมย์ ซึ่งสถานที่เหมาะสมมาก หลายจังหวัดไม่มีสถานที่แบบนี้ เมื่อมีแล้วก็ใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่า การขอสถานที่วัดก็ไม่ได้ทำลายสิ่งใด แค่เป็นมารยาทขอท่านและปักป้ายชมรมคนรักมวลเมฆ ก็ จบ เย็นๆก็ขึ้นไปพบกันบนนั้น มีอะไรก็คุยกัน...
อิอิ น้องปูพี่ฝันไปน่ะ เพราะไม่ได้ทำงานที่นั่นแล้ว แค่เที่ยวและผ่านไปมาเท่านั้น
สุดยอดครับ พี่ บางทราย ;)...
ขอบคุณครับ Wasawat ด้วยความคิดถึง
สวัสดีครับน้องสิงห์ที่คิดถึง
สวัสดีค่ะ
แวะมาชมธรรมชาติในบันทึกนี้ค่ะ
พร้อมกับมาเรียนรู้ด้วยค่ะ
เป็นบันทึกที่น่าสนใจมากค่ะ
ขอบคุณสำหรับบันทึกนี้นะคะ
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณต้นเฟิร์นครับ