๑๖๘.กว๊านพะเยา เรื่องเล่าจากตำนาน


นี้คือเรื่องราว ที่คนรุ่นก่อนพยายามถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับคนรุ่นหลังได้รับรู้รับทราบ โดยผ่านตำนานเรื่องเล่าปากต่อปากและการบันทึกไว้ในใบลานเท่าที่ยุคสมัยได้สร้างสรรเอาไว้ ...แล้วคนในยุคปัจจุบัน มีเรื่องราวมากมาย มีเครื่องมือที่ทันสมัย สะดวก ง่าย ใยต้องปล่อยเหตุการณ์หลุดล่องลอยไปอย่างไร้ค่า กรุณาช่วยกันบันทึกไว้ให้ลูกหลานได้อ่านกันเถิด!

     วันนี้ หลังจากทำวัตรสวดมนต์เย็นเสร็จแล้ว ได้ชวนพระนิสิตจีนไปเดินหลังวัดบนสันเขื่อนพนังกั้นน้ำกว๊าน ทางจังหวัดกำลังให้เรือดูดดิน(ขุดลอกกว๊าน) พระจีนถามว่าทำไมจึงขุดลอกกว๊านพะเยา จึงตอบไปว่า "รู้หรือไหม เมื่อ ๗๐ ปีที่แล้วบริเวณนี้เกือบทั้งหมดเป็นทุ่งนา โดยมีลำน้ำสายเล็ก ๆ ชื่อลำน้ำอิงไหลผ่านลงมารวมกันเป็นหนองน้ำที่ไม่ใหญ่นัก"

 

     แต่เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๒-๒๔๘๔ กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สร้างทำนบและประตูน้ำกั้นขวางลำน้ำอิงบริเวณหนองน้ำทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ จึงเป็นเหตุให้ปริมาณน้ำท่วมสูงขึ้นกินบริเวณกว้างดังภาพที่เห็นในปัจจุบัน

 

     ดังนั้น ผู้เขียนจึงเล่าตำนานกว๊านให้พระต่างประเทศฟังว่า คราวเมื่อพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพญานกเอี้ยงสีทอง ได้นำบริวารออกหากินอยู่ในแถบถิ่นบริเวณนี้ ด้วยความที่เป็นนกพระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญเพียรบารมี เมื่อมีโอกาสก็จะหลีกออกจากฝูงบินเดี่ยวเที่ยวไปมาผู้เดียว เพื่อแสวงหาความสงัด

 

     วันหนึ่ง เมื่อพระโพธิสัตว์ดื่มและอาบน้ำจากหนองน้ำดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็บินขึ้นไปจับอยู่กิ่งไม้ใหญ่ต้นหนึ่งใกล้ที่อยู่ของตน เพื่อพักผ่อนอิริยาบท

 

     ขณะนั้น ได้มีเหยี่ยวใหญ่ตัวหนึ่ง บินโฉบมาข้างหลัง จิกตีนกเอี้ยงโพธิสัตว์นั้น พระโพธิสัตว์เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ดังกล่าวได้กำหนดจิตเจริญเมตตา ไม่ให้มีความอาฆาตแค้นในเหยี่ยวตัวนั้น พญานกเอี้ยงโพธิสัตว์จึงได้ตกมาตายบริเวณหนองน้ำนั้น ด้วยเหตุนี้เองกว๊านพะเยา จึงมีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า "หนองเอี้ยง" แม้แต่วัดศรีโคมคำก็มีชื่ออีกประการหนึ่งว่า "วัดหนองเอี้ยง" มาจนถึงทุกวันนี้

 

     เวลาล่วงเลยผ่านไปตราบนานเท่านาน ครั้นนกเอี้ยงโพธิสัตว์ ได้บำเพ็ญเพียรภาวนา แล้วได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงดำริที่จะให้พระศาสนาตั้งมั่นไว้ทั่วโลก จึงเสด็จไปในที่ต่าง ๆ ทั้งแคว้นใหญ่น้อยทั่วชมพูทวีปโดยมีพระมหาเถระชื่อว่าอานนท์และพระมหาเถรานุเถระรูปอื่น ๆ ติดตาม (ดูธรรมพระเจ้าเลียบโลกทุกสำนวน)

 

     เมื่อเสด็จมาบริเวณเมืองพะเยานี้ ได้ผ่านมาทางดอยจอมทอง ซึ่งนายช่างทองได้เห็นพุทธลักษณะของพระพุทธเจ้าก็เกิดความเลื่อมใสเป็นอย่างมาก จึงได้น้อมถวายภัตตาหารเช้า (จังหัน) แต่ไม่ได้ถวานน้ำแด่พระพุทธเจ้า

 

     เมื่อฉันภัตตาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระพุทธเจ้าจึงสั่งให้พระเถระชื่ออานนท์ให้ไปตักน้ำ ณ หนองน้ำใกล้ดอยจอมทอง เมื่อพระอานันทเถระเดินลงไปเพื่อตักน้ำ ปรากฏว่าพญานาคที่อาศัยอยู่ในหนองน้ำไม่ยอมให้น้ำแก่พระมหาเถระ พร้อมกับได้แสดงอิทธิฤทธิ์ต่าง ๆ จนน้ำนั้นขุ่นไม่สามารถนำไปถวายได้

 

     พระมหาเถระจึงได้ขึ้นไปกราบทูลพระพุทธเจ้าให้ทรงทราบ เมื่อเป็นเช่นนั้นพระพุทธเจ้าจึงทรงเสด็จลงมาจากดอยจอมทองมาที่หนองน้ำ พญานาคเห็นดังนั้นก็เนรมิตให้ร่างกายใหญ่โตขึ้น พระพุทธเจ้าก็ทรงเนรมิตพระวรกายให้ใหญ่โตขึ้นเช่นกัน โดยมีพระวรกายขนาด ๓๒ ศอก (บางคนเล่าเลยไปถึงขนาดว่าทรงเยียบหัวพญานาคไว้ จนพญานาคดิ้นส่ายหางไปมา จนที่บริเวณนั้นกลายสภาพเป็นกว๊าน)

 

     เมื่อพญานาคราช ถูกพระพุทธเจ้าทรงข่มด้วยกำลังแห่งฤทธิ์ดังกล่าว ก็หมดพยศ ลดทิฐิ เกิดความละอายนิ่งสงบอยู่ แล้วจึงเกิดความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า และได้ตั้งจิตอธิษฐานว่าในอนาคตจะสร้างรูปเหมือนพระพุทธเจ้าขนาด ๓๒ ศอกไว้บูชาเหนือหนองน้ำแห่งนี้

 

     พระพุทธเจ้าเมื่อทำภาระกิจแล้ว ทรงใคร่คราญว่า นายช่างทองถวายข้าวให้เรา แต่ไม่ถวายน้ำ พญานาคราชไม่ให้น้ำแก่เรา เป็นเพราะเหตุอะไรหนอ? เมื่อพระองค์นึกย้อนไปในอดีต มองปัจจุบัน และเล็งเห็นอนาคตแล้ว ทรงตรัสเรียกพระมหาเถระมาตรัสว่า อานนท์ สถานที่แห่งนี้เป็นสุสานแห่งตถาคตครั้งเมื่อเป็นพญานกเอี้ยงโพธิสัตว์ได้ถูกเหยี่ยวจิกตีตาย ณ บริเวณหนองน้ำแห่งนี้ ต่อมามีการสร้างพระเจ้าตนหลวงขนาด ๓๒ ศอก โดยมีชื่อเป็นทางการว่า "พระเจ้าตนหลวงทุ่งเอี้ยงเมืองพะเยา" มาจนถึงทุกวันนี้

 

     ส่วนเหตุการณ์ที่พญานาคชื่อว่า "ธุมะสิขี" จะนำทองคำไปมอบให้สองตายายเพื่อสร้างองค์พระเจ้าตนหลวงนั้น ท่านผู้อ่านต้องไปดู "แปดเป็ง ประเพณีนมัสการพระเจ้าตนหลวง เมืองพะเยา" ในบล็อกที่ผู้เขียนนำลงไว้แล้ว

 

     นี้คือเรื่องราว ที่คนรุ่นก่อนพยายามถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับคนรุ่นหลังได้รับรู้รับทราบ โดยผ่านตำนานเรื่องเล่าปากต่อปากและการบันทึกไว้ในใบลานเท่าที่ยุคสมัยได้สร้างสรรเอาไว้ ...แล้วคนในยุคปัจจุบัน มีเรื่องราวมากมาย มีเครื่องมือที่ทันสมัย สะดวก ง่าย ใยต้องปล่อยเหตุการณ์หลุดล่องลอยไปอย่างไร้ค่า กรุณาช่วยกันบันทึกไว้ให้ลูกหลานได้อ่านกันเถิด!

 

หมายเลขบันทึก: 449777เขียนเมื่อ 18 กรกฎาคม 2011 21:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ดีค่ะ เพื่อคนรุ่นหลังจะได้ทราบความเป็นมา

เจริญพร คุณโยมเจริญศรี ที่เข้ามาทักทาย

วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ เรื่องเล่า ตำนาน ฯลฯ

สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ เป็นสิ่งที่งดงาม มีเค้าโครงแห่งความจริงอยู่มิใช่น้อย

ดังนั้น เป็นหน้าที่ของคนรุ่นเรา ต้องสืบต่อขยายความ เพื่อพัฒนา สร้างสรรค์ในโอกาสต่อไป

สาธุ กราบนมัสการพระคุณเจ้า

จาการเขียนบริบทของกว๊านพะเยาในงานวิจัยของตัวเองก็ได้ใช้หนังสือของพระคุณเจ้ามาประกอบการเขียนบางส่วนเจ้า

ตอนนี้กำลังเขียนประวัติความเป็นมาของหมู่บ้านต๋อมดง ตำบลบ้านต๋อม หมู่บ้านผาช้าง ตำบลสันป่าม่วง รวมทั้งหมด ๙ หมู่บ้าน

การค้นหาประวัติของหมู่บ้านต่างๆในถิ่นเกิดทำให้เฮาได้รับรู้ถึงความเป็นมาและเกิดความภาคภูมิใจในดินแดนถิ่นเกิด และความงดงามของวัฒนธรรมที่ยากหาที่ใดๆเหมือน ..ต่อไปคงได้กราบขอคำแนะนำจากพระคุณเจ้า เน้อเจ้า

สาธุ ..

เจริญพรคุณโยมคำแสนดอย ด้วยความยินดี ที่ผลงานของอาตมาได้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน

ขอให้งานวิจัยที่ทำสำเร็จตามมโนรสปรารถนา สมดังตั้งใจทุกประการเทอญ

ศศินภา นิติธรรมปพน

กราบนมัสการพระคุณเจ้า

                 กราบอนุโมทนาบุญ และขอขอบพระคุณที่พระคุณเจ้ามีความเมตตาถ่ายทอดความรู้ประวัติของสถานที่สำคัญของท้องถิ่นและของประเทศชาติ ที่สำคัญคือเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาของเรา ความรู้เช่นนี้หากท่านผู้รู้ไม่ถ่ายทอดบันทึกไว้ให้ชนรุ่นหลัง ต่อไปภายหน้าเราจะสูญเสียจิตวิญญาณความเป็นชนชาติและความภาคภูมิในในรากเหง้าของตนเอง กราบอนุโมทนาที่มีดำริชอบที่มุ่งหวังให้มีการถ่ายทอดความรู้ให้ดำรงอยู่และแผ่ขยายต่อไปเจ้าค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท