"..ยังงี๊มันต้อง KM นะคุณ.."


ห้องเรียนกระบวนกรตอนที่ 357

ผมมักถูกถามคำถามที่ตอบไม่ได้ ณ. ขณะนั้นบ่อยๆ...ด้วยว่าก็ไม่ได้มีประสบการณ์ไปทุกด้้าน..มีวันหนึ่งลูกศิษย์บ่นกันว่า.."อาจารย์ครับ..คนนี่มันเป็นอะไรที่ซับซ้้อนนะครับ..หาก็ยากแรงงานสมัยนี้..หามาได้แล้วก็ยากที่จะรักษาคนอีก..บางครั้งก็ต้องอาศัยแรงงานต่างชาติ..อาจารย์จะทำยังไงดีคะ.."

....

ในกรณีนี้ผมแนะนำว่า..ต้อง KM กันสถานเดียวครับ..เพราะอะไรครับ..ในบางสถานการณ์ อย่างในวงนี้..เจ้าของบริษัทเกือบ 5-6 คน..ก็ยังต้องปวดเศียรเวียนเกล้ากับเรื่องเดียวกัน...ทุกท่านมาทำโครงการ Appreciative Inquiry กับผมครับ..ทำเรื่องอื่นๆ..แต่บางวันเราก็มานั่งคุยกัน..ครับ..เรื่องนี้ พอคุยกันไปต่างมีประสบการณ์ที่ยังแก้กันไม่ตก..ผมเองก็มีประสบการณ์จำกัด เพราะผมทำเครือข่าย มีลูกจ้างในชีวิตเพียงคนเดียวคือ..พี่เลี้ยงของลูกสาว..ที่อยู่มานานและเก่ง เพราะเราดูแล ส่งเสริมการศึกษาให้ลูกสาวสองคนของเขา..ผมเลยแนะนำว่า..

...

"หากในวงยังมึนตึ๊บ..อยู่..แสดงว่าเราทั้งหมดความรู้ไม่พอครับ"

...

..สิ่งที่ต้องมองหาคือวิชา KM ครับ เราต้องหาความรู้ให้มากกว่านี้..ทำไงครับ...ประยุกต์เป็น AI+KM ครับ...เราใช้คำถามแบบ AI คือการตั้งคำถามเชิงบวก..ถามคำถามดีๆ คุณจะได้ Tacit Knowledge ดีๆ...ถามนอกอุตสาหกรรมของเราก็ได้ เพื่อเปิดมุมมอง..ถามมากๆ...ครับ ราวๆ คนละ 10-30 ที่ ก็จะได้เทคนิกประสบการณ์ มาเพิ่มทางเลือกในการแก้ปัญหาได้เอง..ครับ..

.....

อย่างร้านหนึ่งในขอนแก่น เป็นร้านหมอฟัน ลูกจ้างที่นี่อยู่กันมานานครับ..ผมไปถามเคล็ดลับ..คุณหมอท่านบอกว่า..ท่านดักทางครับ..คืออะไร ท่านรู้ครับว่า ทุกคนที่ทำงาน ต้องการอะไรในชีวิต..ขั้นพื้นฐานก็ตั้งแต่มอเตอร์ไซค์ ทีวี ตู้เย็น

...พอได้ลูกจ้างที่พึ่งเรียนจบมา ท่านจะถามเลยว่า "วางแผนชีวิตยังไง จะเอาอะไรก่อนหลัง.." แล้วท่านก็ช่วยพนักงาน ไม่ใช่ซื้อให้..แต่ให้ยืมแบบไม่คิดดอกเบี้ยแล้วหักเอา..สิ้นปีก็พาไปเที่ยวทะเล..มีลูกก็ดูแลการศึกษาให้...

...

ปิ๊งเลยครับ..นี่เลย..ปัญหาที่ผมเจอมาทุกองค์กร..คือ "การวางแผนชีวิตขั้นพื้นฐานนี่แหละครับ" ที่พาคนได้เงินเดือนที่ดูเหมือนจะพอ..ไปติดหนี้โดยไม่จำเป็นมาเยอะแล้วครับ..เคยเจอลูกจ้าง..ซื้อสินค้าเงินผ่อน..VCD ราคาถูกธรรมดาๆ...ผ่อนไปผ่อนมา..ยังกับซื้อ VCD Sumsung รุ่นที่คนต้องมีกะตัง ถึงซื้อกัน....คุณหมอท่านนี้มองขาด..พยายามเข้าไปจัดการปัญหาพื้นฐานของพนักงาน..เลยรักษาคนได้.."

...

นี่ไงครับ..แค่เรื่องเดียว..แต่ไม่พอครับ..หามากๆ..จะเจออะไรดีๆ..เอามาบริหารจัดการได้เลยครับ..

...

"เพราะฉะนั้น..หากมึนส์..หาทางออกไม่ได้แสดงว่าความรู้ไม่พอครับ..มองหา KM นะครับ..แล้วเพิ่้มพลังการดึง Tacit Knowledge  ด้วยแนวคำถามแบบ AI จะช่วยได้เยอะครับ.."

..

หมายเลขบันทึก: 449374เขียนเมื่อ 16 กรกฎาคม 2011 17:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:48 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ได้แนวคิดที่ดีมากคะ

อ.ภิญโญคะ

ขอบคุณมากค่ะ

บันทึกนี้ ได้มอบมุมมองใหม่เกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลได้ดีเลยทีเดียว ได้ความรู้สึกถึงการบริหารจัดการแบบเกื้อกูลกันค่ะ เพราะคุณหมอฟันท่านก็ดูแลเอาใจใส่ลูกน้อง ช่วยเหลือกันอย่างนี้ก็ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น และยังรักษาคนที่ทำงานดีๆ ไว้ได้ด้วยนะค่ะ

ใช่ครับ วิชา HRM แบบตะวันตก ทำให้ผู้บริหารหลายๆท่าน มองข้ามHRM แบบไทยๆ

การดูแลสาระทุกข์สุขดิบของลูกน้องนี่แหละครับ ที่ผูกใจให้คนทำงานรักเจ้านายและองค์กร

และต้องไม่ลืมด้วยว่าคนรุ่นเรา และรุ่นต่อจากนี้ไป..ขี้เบื่อขนาดไหน เปลี่ยนงานง่ายยิ่งกว่าเปลี่ยนเสื้อผ้า

ถ้าไม่มีอะไรผูกมัด"ใจ"กันไว้ไม่มีทางอยู่ด้วยกันนาน

ส่วน KM อาจจะเป็นทางแก้อีกทางในองค์กร แต่ก็คงไม่สนุก ถ้าความรู้มีอยู่ในองค์กร แต่คนทำงานแปลกหน้าบ่อยๆนะครับ :)

สวัสดีครับคุณมะปรางเปรี้ยว

ครับ ผมว่าในทางบริหารแล้ว KM ช่วยได้มากๆครับ..

สวัสดีครับคุณหมอ Siravij

คุณหมอมองขาดดีครับ..ใช่เลยครับ..ผมสอน MBA ทฤษฎีทางตะวันตก...สังเคราะห์มาจากบริษัทใหญ่ๆ บางบริษัท GDP มากกว่าประเทศไทยทั้งประเทศ เอามาใช้เลยไม่ได้ครับ..ไม่กลมกล่อมพอ..ต้องอาศัยเรื่องเล่า..วิธีคิดแบบบ้านเราผสมกันไปด้วย จึงจะเหมาะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท