ถ้าจะพูดถึงคำว่า “โรงเรียน” คงจะนึกถึงแต่ภาพ สถานที่ที่มีอาคาร มีสนามฟุตบอล สนามเด็กเล่น มีครู มีนักเรียนที่หอบตำรามานั่งเรียน อยู่ใน ห้องสี่เหลี่ยม ที่มีกระดานดำ มีโต๊ะสำหรับเขียนหนังสือ ภาพของครูที่ถือชอล์กเขียนกระดานดำถ่ายทอดวิชาความรู้ให้กับเด็กนักเรียน ที่ตั้งใจเรียนบ้างไม่ตั้งใจเรียนบ้าง
แต่ “โรงเรียนชาวนา” ไม่ได้เป็นอย่างที่เรานึกภาพกัน โรงเรียนชาวนาไม่มีครูสอน ไม่มีห้องเรียน แล้วใครเขาเรียนกันอย่างไรล่ะ ลองตามผมมาแล้วไปดูกระบวนการเรียนรู้ของนักเรียนชาวนา ที่ จังหวัดสุพรรณบุรี ครับ
โรงเรียนชาวนาสุพรรณบุรี ที่มูลนิธิข้าวขวัญ เป็นผู้ริเริ่มสร้างสรรค์ขึ้นมามีทุ่งนาเป็นห้องเรียน ไม่มีโต๊ะ ไม่มีเก้าอี้ มีแต่ท้องทุ่งนาในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอบางปลาม้า อำเภออู่ทอง และอำเภอดอนเจดีย์ ที่มีระบบการเรียนรู้ที่เป็นขั้นเป็นตอนที่พอสรุปได้ดังนี้ครับ
1. เริ่มจากการศึกษาปัญหาของชาวนาเพื่อเป็นโจทย์สำหรับการเรียนรู้
2. ทบทวนความรู้เดิม หรือภูมิปัญญาชาวบ้าน
3. หาความรู้ใหม่เพิ่มเติม
4. ตั้งเป้าหมายและกำหนดรูปแบบการเรียนรู้ร่วมกัน
สำหรับเครื่องมือการเรียนรู้นั้น มูลนิธิข้าวขวัญได้ออกแบบการเรียนรู้ให้กับนักเรียนชาวนาโดยแบ่งเป็น 3 หลักสูตรคือ
1. การควบคุมแมลงในนาข้าวโดยชีววิธี
2. การปรับปรุงบำรุงดินโดยชีววิธี
3. การปรับปรุงพันธุ์ข้าว
นักเรียนชาวนาเรียนรู้ด้วย การลงมือทำจริง ผ่านกระบวนการ สังเกต บันทึก วิเคราะห์ แก้ไข ทำใหม่ ทำซ้ำๆ ที่สำคัญมีการรวมตัวเพื่อการเรียนรู้ร่วมกัน และลงมือทำจริง ด้วยกระบวนการเรียนรู้ที่ทาง มูลนิธิข้าวขวัญ ที่ได้ดำเนินการต่อโรงเรียนชาวนานั้น ณ วันนี้ ทำให้ชาวนา จ.สุพรรณบุรี เริ่มเห็นหนทางการแก้ปัญหาของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหาหนี้สิน ปัญหาสุขภาพที่แย่ลงเนื่องจากการใช้สารเคมี
ถึงวันนี้ ชาวนาที่สุพรรณบุรีวันนี้ ไม่เพียงแต่ทำนาเท่านั้น แต่ยังเป็นนักจัดการความรู้ชั้นบรมครู ทำให้ภาพของชาวนาเปลี่ยนไป จากเดิมใส่เสื้อหม้อฮ่อม มือจับคันไถ หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน มาเป็นนักจัดการความรู้ มือคลิกเมาท์คอมพิวเตอร์นำเสนอวิชาการจัดการความรู้ให้กับผู้ที่มาเยือนได้อย่างยอดเยี่ยม พลิกบทบาทจากท้องทุ่งนาสู่ภาพนักวิชาการ และที่สำคัญกว่าสิ่งใด ความรู้ที่นักเรียนชาวนานำมาถ่ายทอดนั้น เป็นความรู้ที่ได้มาจากการลงมือทำจริง รู้ลึกรู้จริง จึงไม่แปลกที่แต่ละวันจะมีทั้งรถตู้ รถบัส นำนักเรียนรู้จากองค์กรต่างมุ่งหน้าสู่ พื้นที่ต่างๆของโรงเรียนชาวนาจังหวัดสุพรรณบุรี อย่างไม่ขาดสาย แม้องค์กรที่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเช่น บริษัทปูนซิเมนต์ไทย(แก่งคอย) จำกัด ได้ส่งพนักงานมาเรียนรู้การจัดการความรู้จากนักเรียนโรงเรียนชาวนาสุพรรณบุรี ถึงตอนนี้ก็ผ่านไปแล้วถึง 4 รุ่น มีพนักงานที่ผ่านการถ่ายทอดความรู้จากนักเรียนชาวนาไปแล้วไม่น้อยกว่า 120 คน ทำให้พนักงานเหล่านั้นได้แนวคิดสำหรับการปรับปรุงงานแล้วไม่น้อยกว่า 15 โครงการ จนทำให้เราพูดได้เต็มปากว่า “เราเป็นลูกศิษย์ของนักเรียนชาวนา” โรงเรียนชาวนาก็กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สุดยอดอีกแห่งหนึ่ง และในครั้งต่อไปผมจะเล่าถึงรายละเอียดของกิจกรรมที่เราชาวปูนได้ร่วมเรียนรู้จากนักเรียนชาวนา ......
ขอบคุณพี่จันทนามากครับ จากผมได้ไปร่วมมาแล้ว 3 ครั้งก็เห็นพัฒนาการของทีมงานข้าวขวัญและนักเรียนชาวนาทุกครั้ง ครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผมได้เรียนรู้ถึงการทำงานอย่างทุ่มเทของทีมงาน เอาใจใส่ต่องานทุกขั้นตอน นี่ก็บทเรียนบทหนึ่งที่สำคัญสำหรับพวกเราแล้วครับและก็เชื่ออย่างยิ่งครับว่าหากประเทศไทยมีองค์การอย่างมูลนิธิข้าวขวัญจังหวัดละแห่งประเทศไทยคงพัฒนาไปได้อีกเยอะเลยครับ สุดยอด สามยก(พี่น้องฝากมาครับ)
เป็นคนกรุงเทพ ไม่มีความรู้เรื่องทำนาเลย แต่สนใจอยากเข้าร่วมอบรมด้วยค่ะ แต่ไม่ทราบว่าต้องติดต่อยังไง ที่ไหน ช่วยแนะนำได้ไม๊ค่ะ
สนใจเปิดโรงเรียนชาวนาที่ จ.ชัยนาท ทำอย่างไรดีคะ