ขอเชิญท่านอ่าน...นิทานเข้าพรรษา เพื่อร่วมอนุโมทนาบุญแด่บรรพบุรุษที่เล่าเรื่องนี้สืบต่อกันมา
ครั้งหนึ่งสมัยพุทธกาล พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับ ณ นครสาวัตถี มีมหาเศรษฐีทรัพย์มหาศาลคนหนึ่ง ถ้าเป็นปัจจุบันก็นับเป็นเศรษฐีระดับโลก แต่อายุล่วงไป ๘๐ ปีแล้ว ถึงกระนั้นก็ยังหลงอยู่ว่า ชีวิตจะยืนยาวไปอีกนาน เพราะได้ยาบำรุงต่าง ๆ มาโดยอำนาจทรัพย์ จึงได้สร้างบ้านใหญ่โตมโหฬาร มีห้องหับแปลกพิสดาร อันจะนำมาซึ่งความสำราญในการนอน มีสาวรุ่นน้องบำเรอด้วยความเต็มใจ เพราะอำนาจทรัพย์อีกนั่นแหละ
พระพุทธองค์ทรงทราบด้วยโดยพระญาณว่า ชายพราหมณ์ผู้นี้อีกไม่กี่วันก็จะถึงแก่ความตายก็มีพุทธบัญชาให้พระอานนท์ไปลองถามพราหมณ์นั้นว่า เพื่อประโยชน์อันใดจึงได้สร้างที่อยู่อันใหญ่โตมโหฬารดังนั้น ลำพังตัวก็ใช้ที่เพื่อหลับนอนไม่มากอะไร พราหมณ์ก็พรรณนาสรรพคุณของการมีทรัพย์มาก มีที่อยู่ใหญ่โต มีบริวารหญิงแวดล้อม ว่านำมาซึ่งบรมสุข ซึ่งผู้ไร้ทรัพย์ย่อมหาไม่ได้ ตัวเขาก็เองก็จะได้เสพสำราญในบ้านอันเปรียบดังวิมานนี้ต่อไปอีกนาน
พระพุทธองค์ก็ทรงกล่าวภาษิตกถาแก่พระอานนท์ว่า “ผู้ถือว่ามีลูก มีทรัพย์ ผู้นั้นเป็นคนเขลา ไม่เห็นความจริงว่า ตัวเขาไม่ใช่ตัวเขาเลย แล้วลูกเต้าเงินทองจะเป็นของเขาได้อย่างไร คนโง่แต่มีความห่วงใย เขาหารู้ความเปลี่ยนแปลงในภายหน้าไม่”หลังจากพระพุทธองค์ได้ตรัสแล้วไม่กี่วัน พราหมณ์ชรานั้นถูกคนทำร้ายตายขณะเดินกลับบ้าน พราหมณ์หลายคนที่เคยเป็นเพื่อนกินได้มาเยี่ยมศพ ต่างกล่าวแก่กันว่า น่าเสียดายหนอ พราหมณ์สหายเรามีทรัพย์เหลือเฟือ มีสาว ๆ คอยบำเรอเอาใจเมื่อยามปรารถนาทุกเวลา มีบ้านดังพระราชวัง ใครเลยจะนึกว่า ต้องละโลกไปโดยเร็วและโดยอาการที่ไม่มีใคร เคยคิด ต่างรำพึงรำพันต่อกันตามวิสัยผู้ที่ยังหลงอยู่กับทางโลก บ้างก็นึกหวาดหวั่นว่า ความตายเช่นนั้นจะมาถึงตนบ้าง
พระพุทธองค์ทรงเล็งเห็นว่า พราหมณ์พวกนี้พอจะมีตาเห็นธรรมหลุดพ้นจากโลกุปาทาน จึงเสด็จไปที่หมู่พราหมณ์เหล่านั้นแล้วตรัสด้วยพุทธภาษิตให้พราหมณ์เหล่านั้นมีสติระลึกได้ว่า
"การอันใดทำให้ใจว้าวุ่นในภายหลังเป็นกรรมชั่ว คนเขลาขณะมีร่างกาย กระดูกอยู่ ไม่พักรู้ทุกขเวทนาที่ตนหาใส่ตัว ต่อให้จมลงในที่ฉิบหายเมื่อไรนั่นแหละ เขาจึงรู้สึกตัว...คนพาลได้ยศแล้ว ก็เอาไปทำความฉิบหายแก่ตน ดำเนินวิธีทางเบียดเบียนตนและคนอื่น ความชั่วซึ่งประพฤติในโลกมิได้เกิดผลทันที แต่ย่อมเผาผลาญผู้ประพฤติทีละน้อยลุกลามไปสิ้นตัว คนเขลาก็พึงประสงค์คนสรรเสริญ อันตนไม่มี อย่าพูดหยาบกับใคร ๆ ผู้ที่ถูกพูดด้วยจะตอบเราในทางเดียวกัน การพูดด้วยโทสะย่อมให้ทุกข์ การต่อสู้จะมาถึงเราผู้กล่าวคำหยาบ
กายนี้สลายง่าย เป็นรังของโรค ที่ประชุมแห่งของเน่าบูด ย่อมแตกดับ ชีวิตมีความตามเป็นที่สุด รถอันงามรุ่งเรืองของพระราชาย่อมพุพังได้ ร่างกายก็เหมือนกันย่อมเข้าหาความชำรุด แต่ธรรมแห่งสัตตบุรุษไม่เข้าหาความชราเลย"
บรรดาพวกพราหมณ์ได้สดับพุทธภาษิตเพียงสั้น ๆ ความรู้สึกสำนึกได้ก็เกิดขึ้น เพราะคนในยุคนั้นมีจิตใจโปร่งใส ธรรมะเข้าถึงง่ายไม่หนาทึบดังจิตใจของคนยุคนี้ เทศน์กี่ร้อยกี่พันกัณฑ์ก็ไม่เข้าใจสาระธรรม....
(เก็บความจาก หนังสือ "ธรรมสมัย" ผู้สนใจใคร่รู้เรื่องนี้มากขึ้นอ่านเพิ่มเติมได้ครับ)
ไม่มีความเห็น