การพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาลตามระบบ HA เป็นการพัฒนาที่มุ่งไปสู่การสร้างความสุขให้กับผู้ให้บริการและผู้รับบริการ กระบวนการคิดและพัฒนาที่ต่อเนื่องจากทุกหน่วยงานย่อยๆ ในโรงพยาบาลมารวมกันส่งผลให้ภาพใหญ่ของการพัฒนาโรงพยาบาลมีคุณภาพยิ่งขึ้น
การพัฒนาหน่วยย่อยแต่ละหน่วยก็จะมีความหลากหลายของการคิดและพัฒนา เกิดนวัตกรรมการเรียนรู้ใหม่ๆ มีเรื่องเล่าดีดีมากมายระหว่างการพัฒนา จากการจัดเวทีพูดคุยกันและการออกสำรวจเยี่ยมภายในของทีมพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาลจังหวัดน่าน โดยการนำของ นพ.กิติศักดิ์ เกษตรสินสมบัติ ผู้อำนวยการ รพร.ปัว และทพญ.มยุเรศ เกษตรสินสมบัติ รพร.ปัว ร่วมกับเครือข่ายทีมพัฒนาคุณภาพของแต่ละ รพ.ในจังหวัดน่าน ได้ร่วมกันจัดมหกรรมคุณภาพโรงพยาบาล(HA) ความสุข ความหวัง คุณภาพจังหวัดน่าน ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๔ ณ โรงแรมเทวราช อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน
.........................................................................
หลักคิดของงาน “การนำเอาเรื่องราวดีดีที่แต่ละโรงพยาบาลได้พัฒนาเอามาแบ่งปัน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เป็นการให้กำลังกัน และนำเอาสิ่งดีดีเหล่านี้ไปพัฒนาต่อยอดให้เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่”
กระบวนการ “เน้นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ชื่นชม ให้กำลังใจ ด้วยความสุข รอยยิ้ม มิตรภาพ และความหวัง”
รูปแบบ “นิทรรศการเรียนรู้ที่มีชีวิต, เรื่องเล่า, นวัตกรรม, กรณีศึกษา, เวทีเสวนา, ตลาดนัดแบ่งปันของรักของหวง”
.........................................................................
กระบวนการจัดเตรียมนิทรรศการการเรียนรู้และนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์เป็นไปอย่างคึกคัก รพร.ปัว และรพ.ท่าวังผา เริ่มมาจัดเตรียมตั้งแต่เที่ยงคืน เนื่องจากก่อนหน้านั้นสถานที่จัดงานมีงานอื่น จึงพร้อมสำหรับการจัดเตรียมหลังเที่ยงคืน เท่าที่ทราบข่าวเห็นว่ากว่าจะได้นอนก็ปาไปตีสี่แล้ว ส่วนรพ.อื่นๆ ก็ไม่น้อยหน้ามาแต่เช้าตรู่ขนเอานิทรรศการ นวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ และเรื่องเล่าต่างๆ มาจัดมุมการเรียนรู้บริเวณลานตลาดนัดอย่างคึกคัก ท่ามกลางรอยยิ้มและความสุข
พอสายๆ หน่อยผู้เข้าร่วมงานก็เริ่มทะยอยกันเดินทางมาเยี่ยมชมและช่วยกันจัดแจงนิทรรศการและนวัตกรรม ,วงดนตรีสะล้อซอปินจากรพร.ปัวและรพ.ทุ่งช้าง มาเล่นบรรเลงสร้างสีสันให้งานคึกคัก
หลังจากนั้นพิธีกรคู่ขวัญที่มาเจอกันในงานดี คือ คุณวรธน ยอดสาร จากรพร.ปัว และคุณลุลิดา ไชยสีติ๊บ จากรพ.ท่าวังผา ที่ได้มาสร้างสีสันการเรียนรู้ในงานได้ชักชวนทุกคนไปรวมกันในห้องประชุมใหญ่ เพื่อเริ่มกระบวนการเรียนรู้อย่างเป็นทางการ
กระบวนการเริ่มจากคุณทัศนีย์ สิงห์ธนะ กระบวนกรรพร.ปัว ได้เชิญเสียงระฆังแห่งสติและชักชวนให้ทุกคนกลับมาสู่บ้านภายในที่แท้จริงของตนเองด้วยการตามลมหายใจที่เป็นสุข สงบ กับปัจจุบันขณะ
ตามด้วยการเปิดวีดิทัศน์ “พลังในตัวคุณ” จาก Ignite Thailand และพื้นที่ชีวิต “ร้อยคนร้อยธรรม
กับ ดร.วรภัทร ภู่เจริญ” เป็นการโหมบรรยากาศสร้างการตื่นรู้
หลังจากนั้นคุณเยาวลักษณ์ อนุรักษ์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดน่าน ด้านบริการวิชาการ ได้กล่าวนำเปิดการเรียนรู้อย่างเป็นทางการ ท่านได้พูดไว้ตอนหนึ่งอย่างน่าสนใจว่า “....บางครั้ง
เราผู้ซึ่งให้บริการคิดว่าเราเป็นผู้ใหญ่ ด้วยความคิดว่าเป็นผู้ใหญ่ จึงมักคิดว่าเราอยู่เหนือกว่าผู้รับ ผู้รับนั้นด้อยกว่าเรา เราจึงคิดว่าเราเป็นคนที่มีพระคุณต่อเขา เราจึงปฏิบัติตนเองอยู่เหนือเขาอยู่เสมอ สิ่งนี้เราต้องพึงระวัง .....”
หลังจากเปิดการเรียนรู้อย่างเป็นทางการ ได้มีการแบ่งการเรียนรู้ เป็น ๓ ส่วน คือ
ห้องเรียนรู้ที่ 1 เป็นการนำเสนอเรื่อง นวัตกรรมบริการ และ กรณีศึกษา (Case study) จำนวน 8 เรื่อง
ห้องเรียนรู้ที่ 2 เป็นการนำเสนอเรื่องเล่าเร้าพลัง จำนวน 8 เรื่อง
และลานตลาดนัดการเรียนรู้บริเวณลานนอกห้องประชุม เป็นการแสดงนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ นิทรรศการ บอร์ดเรื่องเล่าของแต่ละโรงพยาบาล และตลาดนัดของรักของหวง
ผู้เขียนไม่ได้เข้าไปฟังเรื่องราวดีดีในห้องเรียนที่ ๑ จึงไม่อาจนำเรื่องราวดีดีมาแบ่งปันได้
.........................................................
ห้องเรียนรู้ที่ 2 เรื่องเล่าเร้าพลัง มีเรื่องเล่าดีดี ๘ เรื่องที่ได้รับการคัดสรรจากเรื่องเล่าทั้งหมด............เรื่อง มาแบ่งปันกัน จริงๆ อยากให้ทุกเรื่องได้มีโอกาสมาแบ่งปันกัน เพราะแต่ละเรื่องล้วนแล้วแต่น่าสนใจทั้งนั้น ผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้อ่านหลายคนบอกว่าตัดสินใจยากจริงๆ หลายเรื่องอ่านแล้วน้ำตาซึมไป
เรื่องเล่าเรื่องแรกเป็นเรื่องเล่า “รองเท้าที่หายไป” ของรพ.เวียงสา เป็นเรื่องเล่าที่น่าประทับใจกับคุณพยาบาลและคุณหมอที่ใส่ใจแม้เรื่องเล็กๆ คือรองเท้าของยายคนหนึ่งที่ตกหล่นหายไปหนึ่งข้างระหว่างซ้อนมอเตอร์ไซด์ของลูกจากพื้นที่สูงห่างไกลที่ฝ่าลมและฝนมารับบริการที่รพ.ตามแพทย์นัด ด้วยอากาศที่หนาวเหน็บท่ามกลางลมหนาวและสายฝน แต่ที่ห้องผู้ป่วยนอกที่นี่กลับอบอุ่นไปด้วยความรักและเอื้ออาทรของแพทย์ พยาบาล และผู้ช่วยเหลือคนไข้ ภาพที่สร้างความประทับใจให้กับคนดูภาพหนึ่งเกิดขึ้นที่นี่ นั่นคือ ภาพที่นายแพทย์คนหนึ่งบรรจงสวมรองเท้าให้คุณยายใส่เพื่อคลายหนาว เป็นภาพที่งดงามยิ่งนัก แม้ไม่มีกล้องที่จับภาพฉากนี้ไว้ได้ แต่ภาพนี้ยังตราตรึงในใจคนที่ได้เห็น และคุณยายเป็นยิ่งนัก
.............................................................
เรื่องที่สอง “Lab Delivery” จากรพ.ท่าวังผา นักเทคนิคการแพทย์คนหนึ่งที่หลังจบก็กลับมารับใช้บ้านเกิด จากที่เคยอยู่เมืองใหญ่เห็นพิซซ่าที่มีการส่งไปให้ผู้สั่งกินแบบ Delivery ถึงบ้าน ก็เลยคิดว่าน่าจะนำมาปรับใช้กับงานบริการบ้าง จากสภาพที่เห็นว่าผู้ป่วยโดยเฉพาะผู้เฒ่าผู้แก่ เวลาแพทย์นัดตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น เจาะเลือด เก็บเสมหะ อุจาระ ปัสสาวะ ก็จะมีปัญหาที่ต้องมารพ.แต่เช้าตรู่ ต้องอาศัยลูกหลานมาส่ง เป็นภาระของลูกหลาน บางคราก็ไม่สามารถมาได้เพราะลูกหลานไม่ว่าง ด้วยเหตุนี้จึงเริ่มจากการเก็บสิ่งส่งตรวจให้กับญาติในครอบครัวมาส่งให้ รพ. นานๆ เข้าก็ขยายไปเพื่อนบ้าน จนกลายเป็นที่ไหว้วานของคนในชุมชน หลังจากมีกระบวนการจัดการความรู้ใน รพ. เขาจึงนำเรื่องเล่าดีดีๆ นี้ไปเล่าให้ทีมจัดการความรู้ฟัง จึงเกิดกระบวนการทีมจิตอาสาของบุคลากรในรพ.ที่จะคอยเป็นคนเก็บสิ่งส่งตรวจให้กับคนชุมชนของตนเอง เมื่อได้ผลดีก็ขยายไปยังบุคลากรรพ.สต.ในพื้นที่อำเภอ นับว่าเป็นกระบวนการจิตอาสาของบุคลากรสาธารณสุขที่มีส่วนช่วยในการพัฒนาระบบบริการที่เชื่อมต่อกับชุมชนได้เป็นอย่างดีเยี่ยม ที่วันนี้มิเพียงเป็นการเก็บสิ่งส่งตรวจ หากแต่เป็นการเก็บเอารักและความดีงามจากคนหนึ่งไปสู่คนหนึ่งที่งดงามยิ่งนัก
................................................................
เรื่องที่ ๓ “ห้องล้างไตของคุณมา” จาก รพ.บ้านหลวง เป็นเรื่องของพยาบาลชุมชนที่ได้เข้าไปเยี่ยมผู้ป่วยโรคไตวายที่จำหน่ายจาก รพ.น่าน ซึ่งผู้ป่วยต้องมาล้างไตทางหน้าท้องด้วยตนเองที่บ้าน จากการเยี่ยมบ้านทำให้เห็นสภาพบ้านของผู้ป่วยที่ซ่อมซ่อจากฐานะที่ยากจน ทำให้ห้องล้างไตที่บ้านอาจจะเป็นเหตุนำไปสู่การติดเชื้อได้ จึงนำเรื่องราวนี้ไปปรึกษากับอาสาสมัครชาวต่างชาติที่มาทำงานในพื้นที่ แกนนำชุมชน และอบต. จนเกิดความคิดในการระดมทุนการช่วยเหลือสร้างห้องล้างไตที่บ้านคุณมาได้ที่สะอาด และปลอดภัย ทำให้เขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและสามารถดำรงชีวิตได้ตามสภาพ โดยการเอื้ออาทรของคนในชุมชน และการคิดริเริ่มจากการให้ที่มากกว่าการดูแลความป่วยไข้ของพยาบาลตัวน้อยๆ ที่มีใจกว้างใหญ่และงดงามสมค่าพยาบาล
...................................................................
เรื่องเล่าที่ ๔ “คิดถึงคุณครูทองคูณ” จากรพ.น่าน เป็นเรื่องเล่าที่มีชีวิตชีวามากเรื่องหนึ่ง
“ ถ้าเรามองผู้ป่วยเป็นคน เราก็ได้ชัยชนะมาครึ่งหนึ่ง ถ้ามองเป็นครู ก็ได้ชัยชนะมาเต็มๆ ” อ.หมอบุญยงค์ วงศ์รักมิตร
เป็นเรื่องของพยาบาลตึกเด็กที่ได้ดูแลเด็กชายชาวลาวที่ป่วยด้วยโรคไข้สมองอักเสบ ที่หมอให้แผนการรักษาว่า NR แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่เด็กน้อยหยุดหายใจ พยาบาลกลับต้องช่วยฟื้นคืนชีพตามเสียงหัวใจของตนเองที่มิอาจดูดายต่อสายตาและคำร้องขอของผู้เป็นพ่อ ท่ามกลางความงุนงงของน้องพยาบาลว่า “NR ทำไมต้อง CPR” แต่คำตอบที่กินใจคือว่า “ตามแผนการรักษานะใช่ แต่สำหรับคนเป็นพ่อมันไม่ใช่” เขาสามารถยื้อชีวิตเด็กน้อยไว้ต่อไป เพื่อรอให้ผู้เป็นแม่ได้มาเห็นก่อนวาระสุดท้าย กว่าที่แม่จะข้ามชายแดนมาได้ก็ใช้เวลาอยู่นานเนา ด้วยความช่วยเหลือของพยาบาลที่อยากเห็นพ่อแม่ได้มาดูลูกก่อนวาระสุดท้ายของชีวิต แม้ว่าท้ายที่สุดก็ไม่อาจยื้อชีวิตเด็กน้อยได้ แต่ได้เยียวยาความรู้สึกของผู้เป็นพ่อและแม่ จนสามารถยอมรับการจากไปอย่างเป็นสุข แม้เขาจะเป็นคนต่างชาติ ที่ไม่อาจเรียกเก็บค่ารักษาใดๆ ได้ นอกจากการบริจาคตามจิตศรัทธาเท่านั้น เพราะนี่คือเมตตาธรรมที่ค้ำจุนโลก เป็นมิตรภาพที่ไร้พรมแดนที่งดงามยิ่งนัก
................................................................
เรื่องที่ ๕ “ลุงตัน” จาก รพร.ปัว เป็นเรื่องของการดูแลผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ในหอผู้ป่วย แถมไม่มีญาติ แต่ก็เป็นหน้าที่ที่เหล่าบุคลากรต้องช่วยกันดูแล แม้กระทั่งการหาซื้อผ้าอ้อมสำเร็จรูปและสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นให้กับลุงตัน และด้วยความที่ต้องนอนอยู่รพ.นาน ลุงตันจึงเป็นเสมือนหนึ่งสมาชิกคนหนึ่งในตึก ที่ทุกคนต้องดูแลห่วงใยเอาใจใส่ แม้กระทั่งนำไปจดทะเบียนผู้พิการจนสามารถได้รับการช่วยเหลือจากพัฒนาสังคมตามสิทธิที่เขาควรได้รับ
แม้วาระสุดท้ายของชีวิตที่ลุงตันจากไป ก็ได้ช่วยกันจัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพตามประเพณีปฏิบัติที่เรียบง่ายสมศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ แม้จะมีคนมาร่วมงานไม่มากเหมือนใครๆ แต่วันงานก็อบอุ่นไปด้วยบุคลากรจากรพร.ปัวและผู้นำชุมชน ผู้นำท้องถิ่น นี่คือมิตรไมตรีที่มีให้กันแม้วันจากไป
..................................................................
เรื่องที่ ๖ “ป้าแก้ว...พยาบาลในหัวใจลุงศรีลา” จากรพ.เชียงกลาง ลุงศรีลาที่ป่วยเนื่องจากมีการติดเชื้อที่ไขสันหลัง ทำให้ร่างกายท่อนล่างไม่สามารถขยับได้ ควบคุมการขับถ่ายและปัสสาวะไม่ได้ มีแผลกดทับขนาดใหญ่ลึกถึงกระดูก อันเนื่องมาจากการนอนนาน และมีปัญหากลับมานอนรพ.ซ้ำบ่อยเพราะการติดเชื้อ ดังนั้นทีมสหวิชาชีพจึงช่วยกันวางแผนการดูแลและเตรียมพร้อมในการจำหน่าย โดยการสอนให้ป้าแก้วภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก ป้าแก้วถูกฝึกสอนให้ทำหน้าที่เป็นพยาบาลดูแลต่อเนื่องที่บ้าน ทั้งการทำกายภาพบำบัด การทำแผล ซึ่งฝึกปฏิบัติควบคู่กับพยาบาลทุกครั้งที่มีการทำแผล และการดูแลสายสวนปัสสาวะค้าง จนช่วยให้ลุงศรีลากลับมาเดินได้และกลับไปมีชีวิตตามควรที่บ้าน โดยมีป้าแก้วเป็นพยาบาลตลอด ๒๔ ชั่วโมง นับเป็นคู่รักบันลือโลกคู่หนึ่งที่มีความรักเป็นเกลียวสัมพันธ์กันแม้ในยามยาก นี่หรือคือรักแท้
..................................................................
เรื่องที่ ๗ “ได้เพียงแค่นี้ก็ชื่นใจแล้ว… แม้จะนานไปนิด” จากรพ.สองแคว เป็นการเรื่องของการขับเคลื่อนงานจัดตั้งชมรมออกกำลังกายในกลุ่มผู้สูงอายุ ที่ได้นำนโยบายของกระทรวงมา
ดำเนินการให้เป็นรูปธรรม ที่ช่วงแรกๆ ต้องงัดเอากลยุทธ์ทุกอย่างลดแลกแจกแถมสร้างแรงจูงใจให้ผู้สูงอายุมารวมตัวกันทำกิจกรรม แรกๆ ก็คึกคักนานวันไปผู้สูงอายุเริ่มหายๆ ทีละคนสองคน จนทำให้ท้อคิด จนคิดที่จะยุติการดำเนินงาน แต่ด้วยเสียงจากผู้สูงอายุบางส่วนบอกว่า “หยุดไม่ได้นะหมอ” แล้วกลุ่มสูงอายุเหล่านี้ก็มาเป็นแกนหลักขับเคลื่อนงานจนเกิดเป็นรูปธรรม มีกิจกรรม กองทุน และแกนนำดำเนินการด้วยตนเอง มีคุณหมอเป็นเพียงพี่เลี้ยงคอยให้การช่วยเหลือ นับว่าเป็นเรื่องเล่าที่ชื่นใจจริงๆ ครับ เห็นรอยยิ้มของความสุขของผู้สูงอายุและพี่เลี้ยงแล้วเป็นสุขครับ
.....................................................................
เรื่องที่ ๘ “เล่าตู เด็กน้อยจากประเทศลาว” จาก รพ.เฉลิมพระเกียรติ รพ.นานาชาติที่มีผู้ป่วยชาวต่างชาติ(ลาว)มารับบริการอยู่ไม่ขาดสาย เด็กน้อยชาวลาวที่ชื่อว่า “เล่าตู” เกิดมาไม่มีรูทวารหนัก จึงพามารักษาตัวที่ รพ.เฉลิมพระเกียรติ และได้รับการส่งต่อไปยัง รพ.น่าน และรพ.มหาราชเชียงใหม่ ตามลำดับเพื่อการผ่าตัดรักษา หลังจากนั้นได้ถูกส่งตัวกลับมารักษาต่อที่ รพ.เฉลิมเกียรติ นอกจากปัญหาไม่มีรูทวารหนักแล้ว เล่าตูยังเป็นดาวน์ซินโดรม หัวใจพิการแต่กำเนิด และภาวะไทรอยด์บกพร่อง พ่อแม่ด้วยความที่มีลูกมาก ยากจน ก็ละทิ้งเล่าตูไว้ที่รพ. ด้วยความน่ารักน่าเอ็นดูของเด็กน้อย กับจิตเมตตาธรรม ชาวรพ.เฉลิมพระเกียรติจึงได้ช่วยกันดูแลเล่าตูเสมือนหนึ่งเป็นสมาชิกหนึ่งของรพ. ดูแลป้อนนม ป้อนข้าว ดูแลทุกอย่าง เปลี่ยนเวรกันดูแล มีกองทุนที่ได้รับการบริจาคจากเจ้าหน้าที่ในรพ.และผู้มีเมตตาจำนวนหนึ่ง ปัจจุบันมีพี่ชายมาช่วยดูแลอีกคนหนึ่ง
เล่าตูเด็กน้อยกลายเป็นสมาชิกคนหนึ่งของชาวเฉลิมพระเกียรติ นี่นะหรือสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารักใคร่เอ็นดู วันนี้ทีมงานอุ้มเล่าตูมาร่วมงานด้วย แต่เสียดายช่วงที่เล่าเรื่องเล่าตูหลับ เลยไม่ได้มาเล่าเรื่องด้วยตนเอง
.........................................................................
กระบวนการในห้องเล่าเรื่องเป็นไปอย่างเป็นสุขยิ่ง ทั้งผู้เล่าและผู้ฟัง ผู้เขียนแอบเห็นรอยยิ้ม เสียงหัวร่อ และดวงตาแดงก่ำปริ่มๆ จะท้นออกมาจากตาของใครหลายคนในห้อง แม้แต่ผู้เขียนเองบางตอนก็แทบจะกลั้นน้ำตาแห่งความปิติสุขไว้ไม่ได้ เป็นสุขจริงๆ แม้จะเลยเวลาอาหารเที่ยงไปจนบ่ายโมงก็ตาม
.........................................................................
ช่วงบ่ายของการเรียนเป็นการเสวนาเสียงสะท้อน “ความคาดหวังกับบริการสาธารณสุขจากผู้ให้บริการและผู้รับบริการ” ดำเนินรายการโดยคุณจินตนา แสงจันทร์ พยาบาลคนเก่งจากรพ.เชียงกลาง มีผู้ร่วมเสวนา คือ คุณสมพร รอดจินดา รพ.น่าน, คุณบุญตุ้ม ปานทอง รพ.สต.น้ำแก่น, คุณจุฬารัตน์ สุริยาทัย รพ.ท่าวังผา, คุณวุฒิไกร กุลกัลป์ไชย อสม.อ.ภูเพียง, และคุณเสวียน อะทะไชย อสม.อ.ท่าวังผา เป็นการับฟังเสียงสะท้อนของภาคประชาชนต่อระบบบริการสุขภาพ รวมทั้งความคาดหวังของผู้ให้บริการเองที่อยากจะพัฒนาระบบบริการเป็นอย่างไร เรียกว่ามีมุมมองหลากหลายที่ผู้ให้บริการทั้งหลายต้องเก็บเกี่ยวเอาไปใช้ในการปรับปรุงพัฒนาระบบบริการของตนเองอีกมากโข
....................................................................
ช่วงท้ายมีการประกาศผลรางวัล เรื่อง เล่าเร้าพลัง, ผลงานนวตกรรม, Case study และผลงานที่จัดแสดงตามคะแนนโหวต เป็นช่วงที่สนุกสนานและเฮฮาแบบกันเองโดยพิธีกรคู่ขวัญ เรียกเสียงฮากันพอสมควร รางวัลเป็นกำลังใจให้คนทำงาน ปิดท้ายด้วยข้อคิดและให้กำลังใจโดยคุณหมอกิติศักดิ์ เกษตรสินสมบัติ หัวเรือใหญ่ในการจัดงานครั้งนี้
...................................................................
แล้วช่วงสุดท้ายจริงๆ ของงาน ณ ลานตลาดนัดการเรียนรู้ มีกิจกรรมตลาดนัดแบ่งปันของรักที่แต่ละคนนำมาแบ่งปันกัน เป็นการปิดท้ายการเรียนรู้ที่เป็นสุข
หลังจากนี้ทีมงานคุณภาพแต่ละรพ.ก็จะเอาเรื่องราวดีดีที่เรียนรู้ไปพัฒนางานในองค์กรของตนเองต่อไป ปีหน้าก็จะนำเอาเรื่องดีดีที่ได้สร้างสรรค์มาแบ่งปันกันต่อ เป็นวงล้อของการพัฒนาคุณภาพที่หมุนไปอย่างไม่หยุดนิ่ง
...................................................................
ขอบคุณเจ้าของเรื่องราวดีดีที่นำมาแสดง มานำเสนอ มาแบ่งปัน และคนคุณภาพที่มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทุกคน
ด้วยใจที่เป็นสุขครับ
....................................................................
สวัสดีค่ะ
อยากเห็นบรรยากาศที่รพ.เป็นอย่างนี้บ้างจัง
ทุกวันนี้งานยุ่งมาก สิ่งดีๆที่เจ้าตัวทำแทบไม่เคยได้เล่าให้ใครฟัง...
อยากให้มีเวทีอย่างนี้ ผู้ให้บริการมีความสุข ผู้รับบริการกำไรเห็นๆ
ชื่นชมกับทุกผลงานของชาวสาธารณสุขน่านค่ะ อยากเห็นภาพแบ่งปันประสบการณ์ ให้โอกาส อบอุ่นแบบนี้ทุกปีค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนผลักดันและให้ความร่วมมือ เพียงหวังเพื่อให้คนน่านมีสุขภาวะที่ดีค่ะ
ขอชื่นชม สิ่งดีๆที่เมืองน่าน น่าเสียดายไม่ได้ไปร่วมงาน