ชื่อผู้วิจัย : นายบรรชร กล้าหาญ นางรุ่งทิพย์ กล้าหาญ
ปีที่ทำการวิจัยเสร็จ : 2547
แหล่งทุนอุดหนุนการวิจัย : งานวิจัยและพัฒนา วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเชียงใหม่
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานะความรู้ ความสำนึก และพฤติกรรมการอนุรักษ์น้ำ ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างความรู้ ความสำนึกและพฤติกรรมการอนุรักษ์น้ำของนักศึกษาอาชีวเกษตร กรณีศึกษาวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเชียงใหม่ สำหรับกลุ่มประชากรที่ศึกษาได้แก่ นักศึกษาที่กำลังศึกษาในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.) ชั้นปีที่ 3 จำนวน 153 คน โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลจาก การใช้แบบสอบถาม ซึ่งได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพื้นฐานได้แก่ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าความสัมพันธ์ด้วยสถิติ Chi-square และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (Pearson Product Moment Correlation) ผลการศึกษาพบว่า
นักศึกษาที่ตอบแบบสอบถามจำนวน 153 คนประกอบด้วยนักศึกษาชาย 94 คน นักศึกษาหญิง 59 คน โดยส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 16 –17 ปี และเคยลงทะเบียนเรียนวิชาสิ่งแวดล้อม ทำให้นักศึกษามีความรู้ในเรื่องน้ำในระดับที่ดีมาก และมีสำนึกต่อการใช้น้ำและการอนุรักษ์ในระดับมาก โดยมีระดับค่าเฉลี่ยที่ 3.23 ทั้งนี้นักศึกษามีความคิดเห็นว่าบทบาทในการอนุรักษ์น้ำควรเป็นหน้าที่ของทุกคนมิใช่เพียงบทบาทของรัฐบาล ดังนั้นการฝึกนิสัยการใช้น้ำอย่างประหยัดจึงเป็นสิ่งจำเป็น จึงควรจัดให้มีกิจกรรมการเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องการอนุรักษ์น้ำในสถานศึกษา พร้อมทั้งรณรงค์สร้างจิตสำนึกต่อสถานการณ์ปัญหาน้ำ ซึ่งกำลังถูกคุกคามด้วยการรุกล้ำ ทับถม ทำลายจากมนุษย์ และหากสายน้ำถูกทำลายก็หมายถึงการสูญเสียของเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงชีวิตและการเสื่อมสูญของประเพณีที่เกี่ยวข้องกับสายน้ำและชีวิต
สำหรับพฤติกรรมการใช้และการอนุรักษ์น้ำพบว่า อยู่ในระดับปานกลางโดยมีค่าเฉลี่ยที่ 1.16 ซึ่งนักศึกษาได้มีการแสดงพฤติกรรมด้านการรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับน้ำเช่น การแสวงหาข้อมูลข่าวสารเรื่องสถานการณ์ทรัพยากรน้ำจากสื่อวิทยุ โทรทัศน์ และสื่อสิ่งพิมพ์ รวมทั้งการพูดคุยกับบุคคลในครอบครัว กลุ่มเพื่อนและครู-อาจารย์ในสถานศึกษา มีแนวคิดและพฤติกรรมในการประหยัดน้ำการปฏิบัติตามกฎระเบียบของสถานศึกษาเพื่อการประหยัดพลังงาน พร้อมทั้งการแนะนำคนใกล้ชิดให้ประหยัดน้ำ
ในส่วนของความสัมพันธ์พบว่า คุณลักษณะส่วนตัวของนักศึกษามีความสัมพันธ์กับความสำนึก และพฤติกรรมในการใช้และการอนุรักษ์น้ำ อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.01 ขณะเดียวกันยังพบว่าคุณลักษณะส่วนตัวด้านระดับผลการเรียนโดยเฉลี่ยไม่มีความสัมพันธ์กับความตระนักและพฤติกรรมการใช้น้ำ
ในขณะที่ความรู้ มีความสัมพันธ์กับความสำนึกต่อการใช้และการอนุรักษ์น้ำ มีความสัมพันธ์ระหว่างกันในทางบวกค่อนข้างสูง โดยมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ 0.712 และมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ 0.01 เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ระหว่างความรู้กับพฤติกรรมการใช้และการอนุรักษ์น้ำ ซึ่งมีความสัมพันธ์ในทางบวกในระดับปานกลาง โดยมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ 0.561 และมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.01
สำหรับความสัมพันธ์ในภาพรวมระหว่างความรู้ ความสำนึก และพฤติกรรมในการอนุรักษ์น้ำ พบว่า มีความสัมพันธ์ระหว่างกันในทางบวกค่อนข้างสูง โดยมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ 0.696 และมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 เป็นความสัมพันธ์เชิงเส้นตรง
ไม่มีความเห็น