ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ภายใต้โครงการของศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานพิจิตร


English Word by Word โดยครูธานินทร บุญยะกาพิมพ์

สวัสดีครับครูธานินทรและภาษาอังกฤษสบายๆกลับมาพบกันเช่นเดิมครับ

วันนี้มาพร้อมกับบทสรุปของการอบรมภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร

ตามคำเชิญของศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดพิจิตร.....

 

วันนี้เป็นครั้งแรกของการอบรมสาระต่างๆหรือการฝึกฝนอาจไม่เข้มข้นเท่าใดนัก

เรียกว่าเป็นการreviewสารพัดเพื่อตรวจสอบว่าท่านที่เข้าร่วมการฝึกอบรมนั้น

มีพื้นความรู้เป็นอย่างไรกันบ้าง  ที่เห็นโดดเด่นกว่าเพื่อนคงจะหนีไม่พ้น

สาวแว่นเสื้อน้ำตาล สอบถามได้ความว่าจบปริญญาตรี

เอกภาษาอังกฤษจาก มรภ.อุบลฯ แต่ต้องยอมรับว่าทุกๆท่าน

ตั้งอกตั้งใจกันสุดฤทธิ์สุดเดช เสาร์หน้าคงฝึกมากกว่านี้ครับ

 

สาระที่ผมขอสรุปจากการอบรม เพื่อที่ทุกท่านอาจนำความรู้นี้

ไปฝึกฝนต่อเพื่อเร่งความคุ้นเคย กับการพูดภาษาอังกฤษนะครับ

ตามมาดูกันเลยครับ...

 

1. 

เรื่องแรกที่ผ่านหูผ่านตาทุกท่าน ก็ที่Susan Boyleเขาตอบกรรมการ

ที่ถามว่า How old are you? Boyle ตอบว่า forty-seven

ซึ่งเขียนเป็นตัวเลข = 47 การบอกตัวเลขนั้นหากเรา

ฟังไม่ทัน ไม่ชัดเจน ก็ให้จำ ตัวเลขที่ได้ยินทีละตัวเลยครับ

เช่น

ฝรั่งเขาพูดว่า two thousands three hundred and fifty-six

เสียงที่เราได้ยินคือ

two      = ตัวเลข 2

three    = ตัวเลข 3

fifty      = ตัวเลข 5

six        = ตัวเลข 6

ในขณะที่เราฟังเราก็จะเห็นตัวเลขดังกล่าวเรียงกันดังนี้ 2356 ซึ่งตรงกับ

ที่ฝรั่งเขาพูด คือ สองพันสามร้อยห้าสิบหก ในทางตรงกันข้ามหากเรา

นึกไม่ออกว่าจะตอบตัวเลขอย่างไร…..

ก็ให้ตอบเรียงตัวเลยนะครับ จากหน้าไปหลังนะครับ

เช่น

ตัวอย่างที่ 1 หากฝรั่งถามว่า How old are you? ท่านอายุสี่สิบเจ็ด แต่ไม่ทราบว่า

จะพูดอย่างไร ก็ขอให้นึกถึง ตัวเลขว่า 47 และตอบทีละตัว

กล่าวคือ four seven เท่านี้ก็ สื่อความกันได้นะครับ หากจำได้ก็ตอบว่า...

ฟอร์ทที่-เซฟเวิ่น Forty-sevenนะครับ

 

ตัวอย่างที่ 2 หากฝรั่งถามว่า What’s your salary? (เงินเดือนเรา 56000บาท)

หากพูดตัวเลขได้ก็ตอบไปเลยว่า Fifty-six thousands baht.

หากไม่ทราบจะตอบยังไงดี นึกไม่ออก นึกไม่ทัน ก็ตอบตามตัวเลขเลยครับว่า

five six zero zero zero ซึ่งก็คือ 56000นั่นเองครับ

 

 2.  ในชีวิตประจำวันเรามักถาม เพื่อนฝูงว่าเอาโน่นเอานี่ไหม วิธีที่ง่ายที่สุดในการ

ถามนี้คือ ออกเสียงสิ่งนั้นแล้วตามด้วย เสียงสูงพร้อมทั้งสีหน้าท่าทาง

เชิญชวน(ยิ้มๆ) ได้เลยครับ เช่น หากท่านถามเพื่อนว่า “เอากาแฟหน่อยมั๊ยครับ”

เราก็พูดง่ายๆว่า.. Coffee (คัฟฟี๊)? เสียงสูงที่คำว่า “ฟี๊”

พร้อมรอยยิ้มนิดหน่อยนะครับ หรือหากอยากจะพูดยาวๆ ก็พูดว่า

Do you want + สิ่งที่เราถาม?

Do you want a cup of coffee? อย่าลืมเสียงท้ายสูงและรอยยิ้มนิดๆ

หรือจะให้สุภาพมากๆก็พูดว่า Would you like some coffee?

อย่าลืมเสียงท้ายสูงและรอยยิ้มนิดๆ คำตอบที่ใช้กันจนติดปากคือ

Yes, please. พยักหน้าพร้อมยิ้ม No, thanks. ส่ายหน้าพร้อมยิ้ม

 

ลองดูอีกตัวอย่างนะครับ “ทานข้าวมั๊ยครับ” Breakfast?

Do you want breakfast? Would you like breakfast?

อย่าลืมเสียงท้ายสูงและรอยยิ้มนิดๆ

 

3.  ภาษาที่เราใช้เพื่อชวนไปทำอะไร เราใช้ว่า “Let’s + ทำอะไร.”

เสียงท้ายไม่ต้องสูงและพยักหน้านิดๆ เช่น

 ไปกินส้มตำกันเหอะ Let’s have papaya salad.

 ไปดูหนังกันเหอะ Let’s see the movie.

 ไปตลาดกันเหอะ Let’s go to the market.

 ไปกินข้าว(กลางวัน)กันเหอะ Let’s have lunch.

 

ก่อนจบเราฝากการบ้าน ให้ทานช่วยคิดที่ท่านถามว่า “ตื่นยัง ไปเรียนมั๊ย”

สังเกตไหมครับว่านี่เป็นการถาม แบบไทยๆ (ถ้าเขาไม่ตื่นคงคุย

กับเราไม่ได้แน่) ในที่นี้ คำถามที่ต้องการทราบ คือ “ไปเรียนมั๊ย” และคำถามนี้

ก็คือการชวนนั่นเอง ดังนั้นเราก็ชวนไปเรียนเสียเลยดีกว่านะครับ พูดว่า

“Let’s study English.” หากอยากจะถามก็ได้ว่า

Will you study English? หรือ Are you going to study English?

 

 ต้องบอกไว้ตรงนี้ว่า ที่เราเรียนกันนั้นเป็นภาษาเพื่อการสื่อสารแบบง่ายๆนะครับ

ไม่ต้องการให้เป็นทางการนะครับ ท่านนักภาษาที่ผ่านมาพบเห็นเข้าคงไม่ต่อว่ากัน

นะครับ

หมายเลขบันทึก: 445977เขียนเมื่อ 26 มิถุนายน 2011 12:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

กลับจากว่ายน้ำไม่ทราบว่าจะทำอะไรดีนึกขึ้นได้ว่า เรามีพื้นที่ในนี้เลยมาเล่า

ภาษาอังกฤษสบายๆ สไตล์ครูธานินทร ให้ทุกท่านได้ศึกษากันดีกว่า

นึกๆไปไม่ทราบว่าจะเล่าอะไร ไปแล้วบ้าง คนแก่ก็หลงๆลืมๆไปบ้าง

เช่นนั้นมาว่าด้วยเรื่อง “หลง” ท่าจะดีครับ ตามมาดูกันเลยครับ

 

 คิดว่าทุกๆท่านคงเคยเข้าไปในที่ใหม่ๆกันบ่อย ไปไหนมาไหนไม่ถูกเลย

ยิ่งปวดหนักเบาด้วยแล้วมันสุดแสนจะทรมาน หากเป็นเช่นนั้นก็ อย่าฝืนเดานะครับ

อ้าปากถามทางเลยครับ ด้วยคำถามง่ายๆสุภาพๆ ดังตัวอย่างต่อไปนี้ครับ..

 

(อยากไปห้องน้ำ) ถามว่า“ขอโทษครับห้องน้ำไปทางไหนครับ”

Excuse me. Where is the toilet? หรือ

Excuse me.  Could you tell me where the toilet is? หรือ

Excuse me. How to get to the toilet?

 

เจ้า “Excuse me” “ขอโทษครับ”  เรามักใช้ในกรณี อยากให้คนใดคนหนึ่ง

หันมาทางเรา หรือให้ความสนใจเรา หรือมองมาทางเรา เพื่อเราจะได้พูดกับเขานะครับ

ไม่ใช่เพราะเราทำผิดนะครับ ซึ่งหมายถึงว่าเป็นคำพูด เพื่อเรียกความสนใจนะครับ

ขอให้พูดจนติดปากนะครับ

 

เมื่อพูด Excuse me อย่างนุ่มนวลพร้อมรอยยิ้ม ผู้ที่เราต้องการพูดด้วย เขาก็จะหันหน้า

มาทางเรา เราก็ยิงคำถามอย่างนุ่มนวล พร้อมด้วยสีหน้ายิ้มๆ แบบไทยได้เลยนะครับ

ซึ่งผมให้คำถามไว้ตอนแรก หลายแบบนะครับ ท่านชอบแบบไหน  ก็เลือกตามสบายครับ

 

จากตัวอย่างเราถามทางไป ห้องน้ำ คือ the toilet ลองฝึกถามที่อื่นๆบ้างครับ

เช่น  the Pichit hospital โรงพยาบาลพิจิตร the Kroong Thai bank ธนาคารกรุงไทย

the Shell gas station ปั๊มเชลล์ the 7-11 shop ร้าน7-11

The Pichit provincial stadium สนามกีฬาพิจิตร

 

ตอนท้ายของคำถาม ทุกแบบท่านอาจปิดท้าย ด้วยคำว่า “please”ได้ เช่น

Excuse me. Where is the toilet, please? ก็ไม่เสียหายอะไรนะครับ

หากแต่จะเป็นการบอกว่า คนไทยเรานั้นมีนิสัยอ่อนน้อมถ่อมตนนะครับ

คนตอบเขาก็คงสุขใจ และกุลีกุจอบอกทางเรา ไม่แน่นะครับเขาอาจ

พาเราไปส่งเลยก็ได้ ลองฝึกถามกันนะครับถามบ่อยๆจนติดปากครับ

มาเยือนครูภาษาอังกฤษเหมือนกันครับ

It's kind of you teaching English to laborers or workers in a simple way. I like your style. I'm an English teacher as well. If I lived in Pichit, I would certainly take part in your class to brush up my English. Here are my ways of practising English: talking to my native speaker friends every day or as much as I can , and watching English movies on Youtube without Thai subtitles. I really enjoy practising it. I think maybe we can share or exchange ideas next time.

I am instructed to open an extended essay course for m.6. I feel miserable. If you have any good suggestions about it, please let me know. Thank you very much.

A Bangkok teacher

ขอบคุณมากมายครับคุณครูภาษาอังกฤษที่กรุณามาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันบนพื้นที่นี้ สิ่งที่คุณครูบอกผมนั้น เป็นดัชนีให้เห็นว่าครูไทยเริ่มเข้าสู่การสนทนามากกว่าแกรมม่าแล้วนะครับ ขอบคุณพระธรรมที่อยู่ในใจท่าน ที่จะช่วยให้คนไทยพูดอังกฤษได้เสียทีนะครับ ขอบคุณจากใจจริงครับ หากท่านมีอะไรที่จะแนะนำโปรดใช้พื้นที่นี้ได้เลยครับ ฝันไว้ว่าพื้นที่นี้น่าจะอำนวยประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ที่อยู่ในค่าย สื่อสารภาษาอังกฤษแบบสบายๆ นะครับ

 

  • มาเรียนรูู้การสื่อสารภาษาอังกฤษสไตล์ครูธานินทรค่ะ ขอบคุณนะคะที่แบ่งปันความรู้
  • “Excuse me” ใช้พูดเพื่อให้คนที่เราต้องการจะคุยด้วยหรือต้องการสอบถามหันมาทางเรา ก็เหมือนกับที่ในการสื่อสารภาษาไทย เวลาเราจะถามอะไรใครเราก็จะเริ่มด้วยคำว่า "ขอโทษค่ะ (ครับ)" เช่นกัน ใช่ไหมคะ
  • มีบางคนที่ไม่รู้วิธีที่ถูกต้องในการสื่อสาร อยากจะให้ชาวต่างชาติหันมาสนใจตน เลยเรียกว่า "You. You." ซึ่งการพูดเช่นนี้ "Andrew Biggs" บอกว่า ก็เท่ากับเรียกชาวต่างชาติคนนั้นว่า "เฮ้ย! เอ็ง" นั่นเอง   

ขอขอบพระคูรท่านอาจารย์วิไล อย่างมากครับ ที่ท่านกรุณามาร่วมแบ่งปันความรู้ภาษาอังกฤษบนพื้นที่นี้ครับ ขอน้อมรับคำชี้แนะด้วยความเคารพครับ ต้องขอเรียนว่าภาษาที่ผมเสนอนี้ มีวัตถุประสงค์ให้ผู้ใช้พุดแบบสบายๆ ไม่เคร่งครัดอะไรนะครับ บางคำพูดอาจ ชาวบ้านๆ ไปบ้างก็อภัยและชี้แนะกันครับ สำหรับ excuse me! นั้น คนไทยมักข้าใจว่าขอโทษเพราะทำผิดแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่มันเป็นคำพูดที่ เปรียบกับภาษาไทยว่า "ขอโทษครับ" ซึ่งใช้เป็นการเริ่มการซักถามหรือขัดจังหวะคนอื่น อยากให้คนอื่นหนมาสนใจเรานะครับ เช่น เราอยากถามเจ้าหน้าที่การเงินว่าจะตกเบิกเงินเดือนเมื่อไร เราก็เริ่มถามว่า "ขอโทษครับ ไม่ทราบว่าเงินตกเบิกมารึยังครับ" เป็นต้น อีกอย่างที่ผมเห็นด้วยกับท่านคือ You! You! นั้น ไม่สุภาพแน่ครับ แต่หากเราพูดโดยบูรณาการความเป็นไทยเข้าไปด้วยจะพอไหวไหมครับ คือ "You, please!" หรือ Hey, you please!"ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล พร้อมโค้งนิดๆแถมรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร จะพอไหวไหมครับ ท่านใดเห็นเป็นอย่างไรโปรดช่วยๆกันบอกกล่าวบ้างนะครับ เพื่อเป็นวิทยาทาน และเป็นการช่วยให้คนไทยกล้าเปิดประตูสู่อาเซี่ยนกันนะครับ

ขอบคุณที่สอนภาษาอังกฤษด้วยวิธีการที่หลากหลาย เพื่อใ้ห้ชาวไทยสามารถใช้ภาษาต่างประเทศ เป็นภาษาที่ 2 อย่างมั่นใจที่จะสื่อสารและตามด้วยถูกต้อง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท