ในวันที่ 23 กค 49 ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมสังเกตการณ์ กิจกรรมอย่างหนึ่งในชุมชน เป็นการรวมพลังกันระหว่าง สาธารณสุข องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น และ ทหารกองทัพภาคที่ 3 เพื่อปลุกให้คนในชุมชนรับรู้ถึงภัยอันร้ายกาจของยุง (ก้นลายสลับขาวดำตัวเล็กๆ) แต่พิษสงเหลือหลาย ทำให้คนไทยต้องตายมานักต่อนักในช่วงเวลาหลายสิบปี จาก ไข้เลือดออก ที่ยุงลายเป็นพาหะนำมา ในวันนั้นพวกเรานัดรวมพลกันแต่เช้าครับที่ วัดหล่ม ตำบลวัดพริก อำเภอ เมือง จังหวัดพิษณุโลก ที่เลือกตำบลวัดพริกก็เพราะว่าเพิ่งพบผู้ป่วยด้วยไข้เลือดออกไปนอนรักษาตัวอยู่หมาดๆเลยครับ โชคดีที่เด็กไม่เป็นอะไรรุนแรงเพราะตรวจพบและรักษาได้เร็ว แต่ว่าถ้าช้าหรือไม่รู้มาก่อนล่ะครับ ความสูญเสียก็จะเกิดขึ้นแน่ แล้วเราก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะเกิดกับคนที่เรารัก ได้แต่ภาวนาว่าขอให้เราจัดการโรคนี้ได้อย่างเด็ดขาดซะที
ประตูทางเข้าวัดหล่มคร้บ เป็นวัดที่อาณาเขตกว้างขวางร่มรื่น เพลิดเพลินเดินชมไปก็จะพบสิ่งดีๆมากมาย
ที่ประทับใจมากคือ ฝีมือช่างปูนปั้นของที่นี่ครับ ปั้นได้สวยจนน่าเสียดายถ้าไม่มีการอนุรักษ์รักษาไว้
นี่คือศาลาการเปรียญที่จะใช้เป็นที่ประชุม ร่วมมือกันสู้ไข้เลือดออก
เดินชมวัดไปเรื่อย ก็ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยท่องธรรมะ มองหาจนพบต้นเสียงอยู่ในศาลาหลังน้อยนี่เองครับ พระหนุ่มรูปนี้กำลังตั้งอกตั้งใจถ่ายทอดธรรมะให้กับเยาวชนตัวเล็กๆ นี่คือสิ่งงดงามที่ผมพบในเช้าอันสดใสนี่ คิดไปไกลถึงว่า ถ้าเด็กกลุ่มนี้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ โดยมีธรรมะติดตัวติดหัวใจไปตลอด พวกเค้าคงสร้างสิ่งดีๆให้เกิดกับโลกใบนี้ได้อย่างมากมาย
อีกด้านหนึ่งของศาลาการเปรียญ เป็นที่ประดิษฐานรูปบูชาของหลวงปู่สุ่ม อดีตเจ้าอาวาส วัดหล่ม เห็นคนเข้ากราบไหว้บูชาตั้งแต่เช้าไม่ขาดสายเลยครับ แสดงว่าคนวัดพริก ศรัทธาหลวงปู่สุ่มอยู่ไม่น้อย
ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องทั้ง สมาชิกสภาจังหวัด สาธารณสุขอำเภอ นายก อบต. อสม. ทหารจากกองทัพภาคที่ 3 ผู้ช่วยสาธารณสุขจังหวัด หมอจากโรงพยาบาลพุทธชินราช (นั่นคือผมเองมาร่วมชมกิจกรรมกับเค้าด้วย) รวมทั้งพี่ๆน้องๆ ชาววัดพริก และ เจ้าหน้าที่สถานีอนามัยโซนนี้หลายๆแห่ง(วังน้ำคู้ เสาหิน วัดพริก) มาร่วมมือกันสู้ไข้เลือดออกกันอย่างพร้อมเพรียงครับ
สาธารณสุขอำเภอเมือง สมาชิกสภาจังหวัด และนายทหารจากกองทัพภาค 3 สามหน่วยร่วมแรงร่วมใจ
ทีมงาน ที่เป็นแกนนำปฏิบัติการครั้งนี้ ทั้งส่วนของท้องถิ่น สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ สาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาลพุทธชินราช ร่วมมือกันเต็มที่ครับ
ท่านสาธารณสุขอำเภอเมือง คุณทองพูล บริยัง กล่าวถึงการจัดกิจกรรมครั้งนี้ และความรุนแรงของไข้เลือดออกในเขต อำเภอเมืองของเรา พร้อมทั้งขอความร่วมมือในการกำจัดแหล่งลูกน้ำยุงลาย
คุณทองพูล แต้สมบัติ ผู้ช่วยสาธารณสุขจังหวัด ไปไหนไปกัน กิจกรรมในชุมชนเจอกันทุกงานครับ
ทั้งสองท่านที่นั่งโซฟาเป็นตัวแทนส่วนท้องถิ่น พี่ผู้หญิงเป็นสมาชิกสภาจังหวัด พี่ผู้ชายเป็น นายกองค์การบริหารส่วนตำบลวัดพริก ท่านสองท่านยืนยันสนับสนุนร่วมสู้ไข้เลือดออกเต็มที่
บุคคลสำคัญของงาน คืออาสาสมัครสาธารณสุข ประชาชน และ ทหารจากกองทัพภาคที่ 3 ร่วมงานกันอย่างพร้อมเพรียง
ท่านกำนันคำรณ ใจรักษ์ กำนันตำบลวันพริก เป็นกำนันมา 12 ปีแล้วครับ กำนันคำรณ เป็นผู้ที่มีแนวคิดเรื่องเกษตรพอเพียงอย่างมาก พยายามผลักดันให้ลูกบ้านหันมามองแนวทาง ความเป็นอยู่อย่างพอเพียง ท่านกำนันบอกว่าไม่เคยท้อใจจะผลักดันต่อไปเรื่อยๆจนกว่าชีวิตจะหาไม่
หลังจากเสร็จกิจกรรมในศาลาที่ใช้เป็นห้องประชุม พวกเราก็แบ่งสายออกเดินตามหมู่บ้าน โดยการนำของ อสม เพื่อตีฆ้องร้องป่าว ให้ชาววัดพริก ช่วยกันจัดการสิ่งแวดล้อม คว่ำกระโหลก กะลา ที่จะเป็นแหล่งเพาะพันธ์ยุงลาย
เดินกันจนเที่ยงกว่าๆ หมดแรงข้าวต้มเมื่อตอนเช้า เหงื่อหยดเหมือนน้ำตกผ้าเช็ดหน้าห้าผืนก็ซับไม่หมด แต่ก็มีความสุขที่ได้เห็นความร่วมมือร่วมใจในการป้องกันไข้เลือดออกมหันตภัยที่คร่าชีวิตคนไทยไปนักต่อนัก ถึงแม้กิจกรรมครั้งนี้จะไม่ได้ส่งผลลัพธ์ออกมามากมาย ผมก็เชื่อว่าอย่างน้อยได้จุดประกายการมีส่วนร่วมของคนในสังคมเดียวกันไม่ว่าจะทำหน้าที่ใด ร่วมรับผิดชอบในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่งเหมือนกัน ร่วมป้องกันโรคให้ลูกหลานพวกเรากันเอง ไม่ให้ยุงตัวน้อยคร่าชีวิตไปได้โดยง่าย
การป้องกันโรคไข้เลือดออก ความจริงมันก็ไม่มากไปกว่าการ กำจัดตัวแก่ของยุงลายที่แพร่เชื้อได้ และก็ทำลายตัวอ่อนคือลูกน้ำที่ชอบอยู่ตามน้ำใสนิ่งในภาชนะที่เราทิ้งๆไว้ตามกองขยะหรือลานบ้าน กระถางใส่บัว โอ่งใส่น้ำนี่แหละครับ ผมมีคำถามกับตัวเองเสมอว่า "ทำไมมันถึงควบคุมการระบาดยากเย็นอย่างนี้หนอ?" การมาทำกิจกรรมในวันนี้ ผมได้คำตอบให้กับตัวเองอย่างหนึ่ง นั่นคือ ไม่ว่าจะตีฆ้องร้องป่าวให้เสียงดังขนาดไหน แจกทรายอะเบทซักกี่กระสอบก็ตาม ถ้าชาวชุมชนไม่ร่วมกันคนละไม้คนละมือ จัดการบริเวณบ้านตัวเองให้ปลอดแหล่งเพาะพันธ์ลูกน้ำยุงลาย(ไม่ให้มีแหล่งน้ำขัง) รวมถึงที่สาธารณะในชุมชน เช่น วัด โรงเรียน ด้วยแล้ว คงไม่มีโอกาสควบคุมโรคร้ายนี้ได้ ผมเชื่อว่าในประเทศนี้มีชุมชนที่เข้มแข็งอยู่มาก และคนในชุมชนนั้นเสียสละออกมาร่วมมือร่วมใจ ทำสิ่งดีๆด้วยใจสาธารณะยกระดับความเป็นอยู่ของคนในชุมชนให้ดีขึ้น รวมถึงป้องกันโรคร้ายเช่นไข้เลือดออกนี้ได้ ผมฝันจะเห็นชุมชนแบบนี้ที่บ้านผมบ้าง คงจะมีความสุขอย่างยิ่งยวด ... เรามาร่วมสานฝันกันนะครับ