การพัฒนาการศึกษาของประเทศไทย เหมือนปัญหาโลกแตก


แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมจากส่วนของอาจารย์วิจารณ์

ครับ ผมเห็นด้วยกับท่านอาจารย์วิจารณ์ และเห็นด้วยกับคุณน.เมืองสรวงครับ

แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมจาก บันทึกการเมืองไทยของอาจารย์วิจารณ์ที่ http://gotoknow.org/blog/thaikm/44456

        การเมืองได้เข้ามามีบทบาทและเริ่มเข้ามามีอำนาจเหนือข้าราชการซึ่งทำให้มีผลกระทบต่อการทำงาน ของข้าราชการในหลายๆ ส่วนอย่างมากมาย จนเกินความพอดี  อำนาจการสั่งการต่างๆ  ผมเป็นคนนอกมองดูแล้ว ข้าราชการเหมือนบ่าวหลายนาย นักการเมืองไม่รู้จักขอบเขตของอำนาจของตนเอง มักจะลุแก่อำนาจเรื่อยๆมาและยิ่งมากขึ้นต้องมาพิจารณา อำนาจหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์แล้วครับว่ามีหน้าที่ทำอะไร และเมื่อได้มาเป็นรัฐมนตรี หรือมามีอำนาจเป็นรัฐบาลแล้วมีอำนาจหน้าที่แค่ไหน มีขอบเขตแค่ไหน ในเรื่องการศึกษาของคนในชาติ ก็เป็นเรื่องสำคัญ ฉะนั้นเมื่อเป็นเรื่องสำคัญในการพัฒนาการศึกษา ซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องกับหลายสิ่งต่างๆ

           ทั้งด้านตัวบุคคล มี 1. ตัวผู้เรียน 2. ตัวผู้สอน

          ทั้งด้านสภาพแวดล้อม มี 1.สังคม  2. ศาสนา  3.เศรษฐกิจ และ4. การเมืองการปกครอง  5. นโยบาย

ยอมจะต้องหนีไม่พ้นครับ  เพราะปัจจุบันการเมือง มีผลต่อประเทศชาติในหลายๆด้านซึ่งในปัจจุบันหลายท่านก็คงเห็นแล้ว

ในอดีตสมัยก่อนการเมือง ก็จะมีแต่นักการเมือง และมีพ่อค้า เจ้าพ่อเป็นฐานกำลัง ต่อมาถึงปัจจุบัน การเมืองเริ่มมี พ่อค้า เจ้าพ่อมาเป็นนักการเมือง ซึ่งทำให้ระบบการเมืองการบริหารประเทศเสียหายอย่างมาก

พ่อค้าก็เล่นการเมือง บริหารประเทศแบบพ่อค้า

เจ้าพ่อก็เล่นการเมืองแบบเจ้าพ่อ บริหารประเทศแบบเจ้าพ่อ

            ปัจจุบันมีนักวิชาการเข้าไปในสายการเมืองบ้าง แต่ก็อย่างที่เห็นครับ น้ำน้อยแพ้ไฟ คนดีแพ้คนเลว ด้วยไม่ทันกับเล่ห์เหลี่ยมทางการเมือง

            ทำดีร้อยครั้งทำเลวครั้งเดียวหมดกัน เป็นคนเลว

            ทำเลวร้อยครั้งทำดีครั้งเดียวหมดกัน เป็นคนดีเฉย

            ผมไม่รู้นะใครจะคิดจะเห็นยังไงกับรัฐบาลชุดนี้บ้าง แต่โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่า รัฐบาลชุดนี้เหมือนพ่อค้า ที่มาเล่นการเมือง เพื่อป้องปกผลประโยชน์ของตน บริหารประเทศอยู่บนฐานของผลประโยชน์ของตนเองเป็นหลัก ส่วนผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นเรื่องรองลง ซึ่งมันทำให้มีผลกับประเทศชาติและประชาชนในประเทศอย่างมากมาย ทุกยอมหญ้า เรื่องของผลประโยชน์ทำเหมือน โบราณว่า อัดยายซื้อขนมยาย เอาเงินภาษีประชาชนไปใช้แต่นำผลประโยชน์เข้ากระเป้าตัวเอง เข้าพรรคตนเอง นำเศษเงินภาษีของประชาชนมาให้ประชาชนเพื่อเป็นเครื่องหลอกล่อเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง และของตนเอง

              จึงทำให้การพัฒนาการศึกษาของประเทศไทย  เหมือนปัญหาโลกแตกครับ ทั้งๆที่มันมีคำตอบที่ถูกต้องอยู่แล้ว แต่คนชอบทำให้ยุ่งยา

               จะพัฒนาอะไรก็ให้พัฒนาที่ตนเองก่อนครับ ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว ยิ่งพูดแล้วยิ่งยืดยาวครับ ขอแสดงความเห็นไว้แค่นี้ก่อนนะครับ ต้องทำงานต่อ

(แสดงความคิดเห็นโดยส่วนตัวนะครับ ซึ่งอาจจะไม่ถูกทั้งหมด ใครคิดเห็นยังไงช่วยออกความคิดเห็นด้วยครับ)

หมายเลขบันทึก: 44474เขียนเมื่อ 12 สิงหาคม 2006 15:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 เมษายน 2019 06:00 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ถ้าจะพัฒนาต้องเริ่มต้นที่ตัวบุคคลากรก่อนอันดับแรกครับ......

1.องค์กรเปลี่ยนแปลงหรือยัง

2.ตัวบุคลากรเปลี่ยนแปลงหรือยัง

3.แนวนโยบายเปลี่ยนแปลงหรือยัง

4.แนวร่วมเปลี่ยนแปลงหรือยัง

5.ภาคีเครือข่ายเอาด้วยหรือไม่

6.เกิดการศรัทธากับระบบมากน้อยเพียงใด

7.ช่องทางการพัฒนาน่าจะเกิดผลมากน้อยแค่ไหน

8.อะไรคือตัวชี้วัดที่สำคัญ

9.ปัญหาที่แท้จริงคืออะไร

10.จริงใจที่จะแก้ไขปัญหามากน้อยเพียงใด ฯลฯ

........แล้วตัวแปรที่สำคัญล่ะคืออะไร........ครับผม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท