การขับเคลื่อนสังคมในยุคประชาชนมีส่วนร่วมกำหนดนโยบาย วางแผนการจัดการปัญหาของชุมชน สังคม ประเทศ และโลก เป็นที่กล่าวขานกันว่าเป็นยุคของขบวนการประชาสังคม มีการสร้างกระบวนการจัดการให้เกิดความรู้ใหม่ ๆ ที่อิงฐานความคิดทางวิทยาศาสตร์ในโลกใหม่แล้วนำความรู้เหล่านั้นมาเป็นแรงหนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม โดยคาดหวังว่าสังคมไทยจะสามารถฟันฝ่าปัญหาต่าง ๆ ด้วยการพลิกฟื้นภูมิปัญญาท้องถิ่นผสมผสานกับวิทยาการสมัยใหม่ หันมาเรียนรู้การพึ่งพาตนเอง การสร้างคนที่มี “จิตอาสา” ต่อยอดด้วยกระบวนการวิจัย เพิ่มศักยภาพให้เป็นนักวิจัยรุ่นใหม่ มีคุณลักษณะของการวิจัยชุมชน เป็นเส้น “ทางเบี่ยง” สร้างความรู้จากชุมชน สร้างชีวิตสู่สังคม แสวงปัญญาเป็นพลังสร้างชุมชนเข้มแข็งด้วยการคิดแก้ไขปัญหาอย่างอิสระ
งานวิจัยชุมชนที่มีคุณลักษณะใหม่นี้ เป็นการผสมผสาน “จิตอาสา” ด้วย “ปัญญาสร้างฐานคิดใหม่” เป็นการสร้างสรรค์กระบวนการลองผิดลองถูก ได้ รูปแบบงานวิจัยที่มีชีวิต เพราะชุมชนมีส่วนร่วมในการทำวิจัย ร่วมเรียนรู้ เป็นเครือข่ายทางวิชาการอย่างธรรมชาติ ก่อให้เกิดเครือข่ายชุมชนขับเคลื่อนสังคมอย่างมีทิศทาง ที่ชุมชนสามารถนำไปขยายผล วางแผนอนาคตของตนเอง แสดงความเป็นชุมชนเข้มแข็งในที่สุด
การทำวิจัยในพื้นที่ของนักวิจัยรุ่นใหม่ ก่อให้เกิดความสัมพันธ์อันดีเยี่ยงเครือญาติกับชุมชน ความเอื้ออาทร ถ้อยทีถ้อยอาศัย ระหว่างผู้วิจัย ชุมชน และสถาบันที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่ากำแพงความกลัว ความไม่ไว้ใจ ได้พังทลายไป ทำให้เกิดการเรียนรู้นอกระบบ ช่วงสุดท้ายของงานวิจัย คือ การสรุปรวบรวมข้อมูล เอกสารข้อคิดเห็น แสดงวิธีการที่มาของผลงาน งานวิจัยนั้นน่าจะมีวิธีการนำเสนอให้เป็นที่น่าสนใจ ใครเห็นใครอยากอ่าน อ่านแล้ววางไม่ลง อ่านแล้วชักชวนคนอื่นอ่านด้วย ดังนั้น รูปแบบการนำเสนอจึงต่างไปจากรูปแบบเดิม ๆ บ้างในบางส่วน ด้วยวิธีการทำวิจัยด้วยกระบวนการ
ไม่มีความเห็น