|
World Environment Day 2011 วันข้าวและชาวนาแห่งชาติ
“Forest : Nature at Your Service” จัดให้มีขึ้นครั้งแรกในปี 2553
ถึงแม้ผู้เขียนจะไม่ใช่ลูกแต่ก็เป็น “หลานของชาวนา” เทิดค่า "ข้าว" ทุกเม็ดที่ชุบเลี้ยงให้เติบโต และได้ให้เวลากับการ "ปลูกต้นไม้ในบ้าน เพื่อสืบสานการพิทักษ์สิ่งแวดล้อม" มานับ 20 ปี เนื่องในโอกาสที่วันที่ 5 มิถุนายน เป็น “วันสิ่งแวดล้อมโลก (World Environment Day: WED DAY)” และ “วันข้าวและชาวนาแห่งชาติ” “ฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้” ฟาร์มเกษตรอินทรีย์ที่มีคำขวัญว่า "เพิ่มรายได้ให้ชุมชน อุทิศตนเพื่อประชา เสริมปัญญาแหล่งเรียนรู้ เชิดชูความเป็นไทย ธำรงไว้สิ่งแวดล้อม " จึงขอเสนอ "กิจกรรมเบาๆ ของเจ้าของฟาร์ม (หญิง) ภาพภูมิทัศน์บางส่วนของฟาร์ม (ซึ่งมีความกว้างด้านหน้า 80 เมตรขนานกับเส้นทางหลัก และความลึก 200 เมตร ทั้ง 4 ด้านอยู่ติดกับทุ่งนา) และภาพส่วนหนึ่งของพรรณไม้หน้าฟาร์มและรอบตัวบ้าน" เพื่อร่วมงานเฉลิมฉลองสองวันสำคัญดังกล่าว
รุ่งอรุณที่ฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้ "ได้เวลาเริ่มงาน" (หญิงเริ่มประมาณ 04.30 น. ชายเริ่มประมาณ 06.30 น.)
ด้านหน้าฟาร์มติดกับทุ่งนา ตื่นเช้ามาเห็นฝูงนกกระยางกำลังจะลับขอบฟ้าไป "คว้ากล้องเก็บภาพ" (Close Up) ไว้ได้
ฟาร์มด้านทิศตะวันตกติดกับทุ่งนา เป็นสวนแก้วมังกรและสวนมะนาวสลับด้วยทับทิม "เอิบอิ่มเดินทักทายไม้สีเขียว"
"เดินทักทายคนผ่านไปมาและเก็บขยะหน้าฟาร์มยามเช้า-เย็น" แล้วกลับเข้าบ้านที่เห็นรำไรไกลออกไป 60 เมตร
ถึงข้างบ้านด้านซ้าย ก้าวขึ้นบันได "ถอนวัชพืชบริเวณศาลาไทย" สักหน่อย
"ตัดใบแห้งไม้หน้าบ้านด้านล่าง"สูงต่ำต่างเรียกขาน"เฮลิโคเนีย" ขวาสุดเคลียร์ๆ "ธรรมรักษา" ดอกไม้ประจำจ.ลำปาง
"ตัดแต่งเฟื่องฟ้านกยูงคู่" รู้ไหมว่า "เฟื่องฟ้าเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดภูเก็ต" (ภาพเก่า ปี 2549)
คราใดฟ้าครึ้มด้วยเมฆฝน ให้กังวลฤา "พุดตาน" จะทาน (ฝน) ไหว กลัวกลีบอ่อนของเจ้าจะช้ำไป
เมื่อได้ฝนโปรยปรายชุ่มฉ่ำ "สราญรมย์" งามล้ำบานชูช่อ
"เฟื่องฟ้ากระถาง" ต่างสีสัน ดั่งประชัญขันแข่งฉันสวยกว่า
"ออกไปเก็บสุพรรณิการ์ที่หน้าฟาร์ม" : ดอกไม้งามประจำจังหวัดสุพรรณบุรี สระบุรี อุทัยธานี บุรีรัมย์ และนครนายก
"นำมะม่วงหิมพานต์มาจัดแต่ง ผลงานแห่งความภูมิใจ มะม่วงสีแดงมีไม่มากนักจึงอยากอนุรักษ์เจ้าไว้" (เริ่มด้วยเก็บเมล็ดจากต้นของเพื่อนบ้านมาเพาะ เดี๋ยวนี้ต้นของเพื่อนบ้านถูกตัดทิ้งไปหมดแล้ว เหลือเพียงต้นที่ปลูกไว้ในฟาร์ม)
มุมระเบียงบ้านด้านขวามือมี "กอบัว" และ "ดอกว่าน" ที่สวยหวานคือ "มาลัยทองคำ" เห็นรำไรคือ "นีออน"
มุมระเบียงบ้านด้านซ้ายมือมี "ไม้ใบ" และ บัวหลวงสีชมพู : "สัตตบงกช" รักหมดใจ : ดอกไม้ประจำจังหวัดอุบลฯ
"บัวอเมริกันสีชมพู" ดูสวยหวาน งามตระการอยู่ในท่อข้างบ้าน ด้านบูรพาทิศ
ปุยเมฆเรียงรายบนท้องฟ้า ต่ำลงมา...สีส้ม/แสดจัดจ้าคือ "หมวกจีน" หน้าบ้าน ที่บานทั้งต้น
"มะม่วงหาว" ต้นนี้หญิงซื้อต้นเล็กจากจตุจักร 80 บาทไปปลูก ต้นใหญ่ 500 บาทที่ชายซื้อแกรนตายไปแต่ปีมะโว้
ข้างบ้านด้านทิศตะวันตกมีต้น "พุดตานฮาวาย" ออกดอกสีเหลืองทองสดใส ใกล้เวลาร่วงโรยสีเจ้าพลันเปลี่ยนไป
ตะวันลาคราอัสดง "วางมือลงได้เวลาเลิกงาน" (ของเจ้าของฟาร์มชายหญิง เวลางานคนสวนคือ 06.30-10.30 น.)
ขอโบกมืออำลาด้วย “บุษบาลอยวารี" มี "บานเย็น"สลับสีดูสดใส แต่งแต้มด้วย "อัญชัน" พราวพิไล
ขอเชิญแวะชมพรรณไม้นานา ณ "ฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้" ใหม่ ... มีอีกมากมาย ที่ยังไม่มีโอกาสมาโชว์โฉม
แวะมาชมฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้ แล้ว ชุ่มชื่นใจครับ
ขอบคุณมากครับ
สวัสดีค่ะ
มาสมัครเป็นแฟนบล็อกของอาจารย์ค่ะ ภาพสวยได้ใจมากค่ะ วันนี้น้องได้ไปทำดี ช่วยโรงเรียนเก่าทำงานค่ะ
จะมาติดตามเรียนรู้ด้วยอีกนะคะ
ขอบคุณ "คุณต้นกล้า" มากนะคะ ที่เข้ามาให้กำลังใจในบันทึกนี้เป็นท่านแรก ได้แวะไปอ่านบันทึกเส้นทางสายนาดำ ตอนที่ 4.1 และ 4.2 ของคุณต้นกล้า ด้วยความสนใจและประทับใจมาก และได้ฝากคำถามไว้ในบันทึก 4.1 ด้วย ถ้าพอมีเวลากรุณาตอบด้วยนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ
เพิ่งจะกลับจากพังงาไม่ใช่เหรอคะ "น้องคิม" ไม่พักเลยเหรอ ทรหดจังเลย เมื่อคืนพี่ดูรายการ "ที่นี่หมอชิต" ทาางช่อง 7 (การดูทีวีของพี่จะเป็นการฟังมากกว่า เพราะจะทำงานเอกสารใน Notebook ไปด้วย พี่แยกประสาทการรับรู้ได้ โดยได้ทำเช่นนี้มาตั้งแต่ปี 2538 แล้ว คือในขณะที่ทำงานอื่นก็จะเปิด TV เพื่อติดตามข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งเลือกและบันทึกรายการ TV ที่สัมพันธ์กับบทเรียนไปเป็นสื่อในการจัดการเรียนรู้ด้วยในเวลาเดียวกัน) ในรายการดังกล่าว "คุณสัญญา คุณากร" พิธีกรรายการและทีมงาน ได้ไปเยี่ยมบ้านและสัมภาษณ์ "ดร.เสรี วงศ์มณฑา" ซึ่งท่านบอกว่า จะนอนวันละประมาณ 4 ชั่วโมง (มีเวลานอนพอๆ กับพี่ ท่านอายุมากกว่าพี่ประมาณ 2 ปี) แล้วพิธีกรถามว่า เวลาไปทำงานไม่เหนื่อยไม่เพลียหรือ ท่านก็บอกว่า "ไม่เหนื่อยเพราะชอบทำงาน" ถ้าไม่ได้ทำสิจะเพลีย ทำให้นึกถึงทีมจัดค่ายของน้องคิม เข้าใจว่า ความสุขและความปลื้มปิติที่ได้ทำให้คนอื่นมีความสุขมั้ง ที่ทำให้สมาชิกของทีม มีพลังเหลือเฟือราวกับจะเหน็ดเหนื่อยไม่เป็น ยังจำได้ว่า "ท่านวอญ่าฯ" บอกว่า "การทำงานคือการพักผ่อน" ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่น่ารักมากนะคะ
พี่เข้าใจว่าน้องกลับจากจัดค่ายวันที่ 6 แล้วเอาเวลาที่ไหนไปช่วยงานโรงเรียน ขยายความหน่อยได้ไหมคะว่า ที่ว่าช่วยงานโรงเรียนนั้นทำอะไรบ้าง เผื่อพี่จะได้แนวทางในการนำไปใช้เมื่อพี่เกษียณฯ (ปี 55)
รู้สึกเป็นเกียรติและยินดีต้อนรับ "แฟนบล็อก" คนใหม่เป็นอย่างยิ่ง ขอบคุณที่น้องบอกว่า "ภาพสวยได้ใจ" สำหรับ Blog ของน้องได้ไปอยู่ใน Plannet "Well-being" ของพี่เรียบร้อยแล้วค่ะ (เป็น Plannet ที่ใช้รวบรวม Blog ที่เขียนบันทึกเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตอย่างมีคุณภาพและมีคุณค่า)
วันนี้พ่อใหญ่สอจะเข้าไปส่งมะม่วงในเมือง พี่บอกให้แกถ่ายภาพต้นกล้าที่เพาะไว้ไปให้ดูด้วย กำชับให้ถ่ายวันนี้ เพราะเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่ามมาพี่ไม่ได้ออกไปฟาร์ม อยากเห็นว่าต้นกล้าโตขึ้นมากแค่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้น "ถั่วญี่ปุน" เพราะต้นอื่นๆ พี่ดูออก ที่ไม่แน่ใจคือต้นถั่วอย่างที่ถามน้องคิมไปแล้ว
ขอให้มีความสุขทุกๆ วันนะคะ
สวัสดีค่ะอาจารย์
น้องแวะมาคุยด้วยค่ะ ตอนนี้พักเที่ยง ทานข้าวแล้ว มาพักผ่อนบนบล็อกดีกว่า ตามธรรมดาน้องเป็นคนไม่เรื่องมาก ชอบทำงานที่เป็นประโยชน์ค่ะ หากไม่มีอะไรก็ดูหนัง อ่านหนังสือ อ่านได้ทุกประเภทสัปดาห์ละ ๒ เล่ม ปัจจุบันเพิ่มรายการธรรมะและจิตวิทยาไปด้วยค่ะ
หลังจากลาออกแล้ว เห็นว่าโรงเรียนประสบปัญหาทำงานกันหนักมาก จึงเสนอตัวไปช่วยค่ะ เป็นเรี่ยวแรงในด้านบริหารจัดการ เพราะน้องถนัดชุมชนค่ะ
ให้ทุกคนเอางานประจำมาคุยกัน แบบสุนทรียสนทนาทุกวันค่ะ และช่วยเรื่องเอกสารทางวิชาการ ช่วยออกแบบการเรียนรู้ด้วย แต่ความสนใจของน้องเน้นที่ชุมชน อยากจะทำวิจัยสักเรื่องค่ะ
ก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ไร้ค่าค่ะ ขอขอบพระคุณที่สนใจเรื่องเล่าของน้อง ทุกถ้อยคำในตัวหนังสือคือตัวตนของน้องค่ะ คนที่มาพบหน้าเขาบอกอย่างนั้นค่ะ
ขอเป็นกำลังใจให้พ่อใหญ่สอให้มีพลังในการปลูกรัก ปลูกรส เติมธรรมชาติ เพื่อความดี ความงาม และความสุขนะคะ หากมีเวลาอาจได้มากราบคารวะค่ะ
ขอบคุณมากนะคะ "น้องคิม" ที่แวะมาคุย ดีจังค่ะที่อ่านหนังสือทุกประเภทสัปดาห์ละ ๒ เล่ม พี่จะนำไปยกตัวอย่างในบันทึกต่อไปของ Blog "Learntoknow" ที่จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับ "การรักการอ่าน" รวมอยู่ด้วย และจะยกตัวอย่างให้นักศึกษาหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต (5 ปี) ฟัง ว่าคนที่รักการอ่านนั้นคือคนที่อ่านเพราะอยากอ่าน และมีความสุขที่ได้อ่านโดยไม่ต้องให้สิ่งภายนอก (เช่น การสอบ) มาเป็นตัวกระตุ้น เพราะนักศึกษาทุกสาขาส่วนใหญ่จะไม่รักการอ่าน
ภาคเรียนนี้พี่ได้รับมอบหมายให้สอนวิชา "จิตวิทยาสำหรับครู" 3 หมู่เรียนๆ ละ 4 คาบ เดี๋ยวนี้เขาใช้ระบบการลงทะเบียนเรียนแบบ "Online" อธิการบดีบอกในวันประชุมคณาจารย์ฯ (1 มิ.ย.) ว่า มหาวิทยาลัยกำหนดให้นักศึกษายืนยันการลงทะเบียนให้เสร็จสิ้นในวันที่ 3 มี.ค. เพราะเริ่มการเรียนการสอนในวันที่ 6 มิ.ย. พี่เช็คทางเน็ทเมื่อเช้านี้พบว่าพี่มีตารางสอนวันพุธ พฤหัสฯ และศุกร์ นิเทศวันจันทร์ วันอังคารทำงานอื่น เช่น วิจัย เป็นต้น แต่เช็คการลงทะเบียนของนักศึกษาแล้วพบว่าห้องทีเรียนวันพุธกับพฤหัสฯ ซึ่งเรียนภาคเช้า มีนักศึกษาลงทะเบียนเต็มห้อง (ระบบล็อคไว้ 50 คน) แต่วันศุกร์ที่เรียนจนถึงเย็นมีนักศึกษาลงแค่ 17 คน (นักศึกษาจะไม่ชอบเรียนบ่ายวันศุกร์เพราะเขามักจะกลับบ้านกัน) พี่โทรฯ ถามรองผอ.ฝ่ายหลักสูตร ท่านบอกว่าการลงทะเบียนจะสิ้นสุดจริงๆ ในวันที 20 มิ.ย.โน่น ก็เลยไม่รู้ว่าห้องวันศุกร์จะเปิดไหมเพราะถ้านักศึกษาน้อยกว่า 25 คนพี่ก็จะขอยุบ แล้วเขาก็จะไปเพิ่มจำนวนักศึกษาที่ออกนิเทศให้เป็นการชดเชย
โรงเรียนในหมู่บ้านที่ตั้งฟาร์มเป็นโรงเรียนขนาดเล็กมีนักเรียนประมาณ 50 คนเท่านั้น เปิดสอนชั้นอนุบาลถึงป. 6 แต่มีครูรวมผอ.แค่ 4 คน ครูไม่ครบชั้น บ้านที่เขามีฐานะหน่อยเขาจะส่งลูกไปเรียนที่อื่น อดีตผอ.และครูคนหนึ่งก็เป็นลูกศิษย์ของพี่ พ่อใหญ่สอเป็นประธานกรรมการสถานศึกษา แกมอบเงินสนับสนุนโรงเรียนปีละ 5,00 บาท แจกรองเท้านักเรียนทุกคนและมอบขนมนมเนยให้เด็กในวันเด็กและวันปัจฉิมนิเทศนักเรียนที่สำเร็จการศึกษา มอบไก่บ้าน ปลา ให้โรงเรียนนำไปเลี้ยง และมอบกิ่งพันธุ์แก้วมังกรให้นำไปปลูก แต่กี่ปีกี่ปีพี่ก็ไม่เห็นมันโต พี่เองก็สนับสนุนตำรา เอกสารวิชาการ และสื่อการสอนที่พี่ผลิตขึ้น พ่อใหญ่สอเคยแจ้งความจำนงว่าจะไปช่วยสอนงานเกษตร แต่ผอ.ที่ย้ายมาใหม่ภาคเรียนที่แล้วไม่รู้จะยังไง เพราะเห็นว่ายังไม่เคยประชุมกรรมการสถานศึกษาเลย พ่อใหญ่สอจะมีปัญหาด้านการสื่อสารกับชาวบ้าน เพราะแกเป็นคนอยุธยา แม้จะเป็นอาจารย์วิทยาลัยครูอุบลฯ มาตั้งแต่ปี 2514 แต่แกก็ไม่ค่อยเข้าใจภาษาอีสานเพราะไม่ยอมเรียนรู้ เวลาประชุมชาวบ้าน หรือประชุมคณะกรรมการต่างๆ ซึ่งแกเป็นที่ปรึกษา เขาก็ใช้ภาษาอีสานกันเลยคุยกันไม่ค่อยจะรู้เรื่อง พี่จะบอกให้แกทราบถึงกำลังใจที่น้องมอบให้แก วันนี้ส่งมะม่วงแล้วแกกับพี่ก็ไปขอต้นไม้ที่สวนรุกขชาติเพื่อนำไปปลูกที่วัด (เดิมบ้านนี้ไม่มีวัด แกได้ซื้อที่ 7 ไร่รวมกับเจ้าของที่ให้อีก 7 ไร่ สร้างวัด แต่จนเดี๋ยวนี้เรื่องการถวายที่ให้วัดก็ยังไม่เกิดขึ้น เพราะมีปัญหาโฉนด ตอนที่แกซื้อพี่ไม่ได้ไปด้วยแต่พอมีปัญหาแกจะให้พี่ไปแก้ ชาวบ้านเล่าว่าเวลามีงานที่วัด น้องชายของเจ้าของที่จะมาเป็นพิธีกรและจะพูดทุกครั้งว่าพี่สาวถวายที่สร้างวัด 14 ไร่ไม่ได้พูดถึง 7 ไร่ที่พ่อใหญ่สอซื้อด้วยเงินสองแสนกว่าเลย) พี่ขัดใจที่แกไม่ได้ถ่ายรูปต้นกล้าที่เพาะไว้ไปให้พี่ดู ทั้งที่ย้ำแล้วย้ำอีก
พี่เป็นคนหนึ่งที่ชอบงานวิจัยชุมชน พี่เคยได้รับทุนจากสำนักงานคณะวิจัยแห่งชาติให้ดำเนินการวิจัยปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (PAR) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัยตามแนวทางการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ (ในท้องที่ชนบท) ซึ่งพี่ได้ดำเนินการในรูปแบบของ "โครงการบ้านโรงเรียนร่วมใจ" ภายหลัง ดร.อมรวิชช์ นาคร ทรรพ จากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และทีมชอบใจโครงการนี้ ได้ให้พี่เขียนโครงการวิจัยเพื่อขยายผล แต่ตอนนั้นพี่เรียน Ph.D ที่ออสเตรเลียอยู่ด้วยก็เลยไม่มีเวลาดำเนินการ ถ้าน้องทำวิจัยชุมชนคงได้แลกเปลี่ยนกันนะคะ
ขอบคุณครู Noktalay มากนะคะที่แวะเยี่นม "ฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้ และให้กำลังใจ
สวัสดีค่ะ
ดีใจกับน้องครู ๕ ปีนะคะ ที่ได้เรียนกับอาจารย์ ที่โรงเรียนของน้องมีลูกศืษย์จบครู ๕ ปีถึง ๓ คน น้องพยายามให้กำลังใจพวกเขาว่า "ต้องเป็นครู ๒๔ ชั่วโมง ด้วยจิตวิญญาณ และใช้วินัยเชิงบวกกับนักเรียน ให้รักนักเรียนเหมือนเด็ก เป็นแบบอย่างด้านจิตสาธารณะที่สุด" ผู้อำนวยการก็เริ่มชมค่ะ ว่าไม่ผิดเพี้ยนกันเลย
น้องเคยอยู่ขอนแก่น ๑๐ ปี พูดภาษาอิสานกลับบ้านเลยค่ะ เพราะน้องเป็นครูภาษาค่ะ รับง่าย ใคร ๆ งงกันใหญ่ อาหารอิสานทำได้ และติดใจรสชาติอาหาร วัฒนธรรมความเป็นคนเรียบง่าย และตรงไปตรงมาค่ะ พ่อใหญ่สอ มีโลกส่วนตัวสูงนะคะ พูดภาษาเขาไม่ได้และไม่ยอมฝึกเลยเสียเปรียบเลย ไม่เป็นไรค่ะ ให้เขาแล้ว แนะนำให้พ่อใหญ่สออ่าน "เดินทางสู่อิสรภาพ" ของอาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์ค่ะ
อ่าน "ลูกอิสาน" ประมาณ ๖ เที่ยว เที่ยวสุดท้ายเพิ่งอ่านจบไปเมื่องานประกวดหนังสือดี ไม่นานนี้ค่ะ แต่ละครั้งสติปัญญาเพิ่มพูนขึ้น ทำให้ความหมายแตกฉานค่ะ
น้องเคยหัดเด็กอ่านหนังสือ โดยฉีกให้เด็กอ่านคนละหน้า แล้วแต่ละคนนำมาเล่าต่อ ๆ กันค่ะ ได้ผลดีเหมือนกันค่ะ
น้องกำลังพยายามหาวิจัย PAR ดี ๆ มาอ่านสักเรื่อง อาจารย์พอมีไหมคะ งานนี้จะใช้ทุนส่วนตัว พยายามทำไปเรื่อย ๆ ค่ะ
น้องเคยรับทุนวิจัย สกว มาเหมือนกัน ทำกับชุมชนที่โรงเรียน ผลของงานวิจัยได้ทางอ้อม คือทำให้ชุมชนมาร่วมกับโรงเรียนมากขึ้น เดิมนั้นหันหลังให้โรงเรียนมาก่อนค่ะ
เรื่องโรงเรียน สพฐ.ในปัจจุบัน ความสำคัญขึ้นอยู่กับ "จิตวิญญาณของครู" เท่านั้นค่ะ หากครูเข้มแข็งและสู้ ทำได้ทั้งนั้นค่ะ
น้องกำลังจะไปโรงเรียน จะแวะมาคุยต่อนะคะ ขอเป็นกำลังใจให้อาจารย์ค่ะ
ว่าจะมาถามอาจารย์แม่ว่า ต้นข้างหลังภาพมะม่วงหิมพานต์ คือต้นอะไรครับ คล้ายเข็ม แต่ไม่ใช่ ไม่เคยเห็นครับ ชอบที่ฟาร์มไอดิน ต้นไม้หลากหลายมากๆ กล้าต้นตะคึก โตหรือยังครับ
"ลูกขจิต" นี่ เคลื่อนที่เร็วจริงๆ น้า เมื่อเช้านี้อาจารย์แม่เพิ่งเอาลูกไปนินทากับ "ลูกแผ่นดิน" (อาจารย์แม่ได้ลูกชายอีกคนแล้ว ไม่รู้ใครเป็นพี่ใครเป็นน้อง อยากรู้เหมือนกันนะว่าอยู่ในโลกนี้มานานเท่าไหร่แล้ว เรียกให้เป็นพี่ลูกเอ๋เกิดอายุน้อยกว่าจะหน้าแตกเอา) ใน Blog Goaltoknow นินทาจบปุ๊บลูกขจิตก็โผล่ไป อาจารย์แม่คุยด้วยแล้วก็ปิดเครื่องไปทำงานอื่น เพิ่งมาเปิดไม่รู้ว่าลูกแว้บมาตั้งคำถามไว้ที่ Blog นี้แต่เช้า
เรื่องกล้าไม้ที่เพาะไว้อาจารย์แม่โกรธพ่อใหญ่สอไปแล้วเมื่อวานนี้ วานซืนบอกให้แกไปดูแลรดน้ำและฉีดสารสกัดชีวภาพป้องกันแมลง แกก็แจ้งว่าจัดการให้แล้ว เมื่อวานตอนเช้าก็บอกให้แกถ่ายภาพไปให้ดูก่อนออกจากฟาร์มแกก็รับปาก แต่พอเจอหน้ากันทวงถามแกก็บอกไม่มีเวลาถ่าย เฮ้อ! เสาร์หน้าอาจารย์แม่ต้องไปดูเองแล้วล่ะ จะยกกะบะไปดูแลเองที่บ้านในเมืองดีกว่า ตะคึกกะบวบน่ะอาจารย์แม่ดูออก แต่ถั่วญี่ปุ่น ยังไม่ชัด ให้น้องคิมดูภาพแล้วเธอว่า "ใช่ต้นถั่ว" ตอนนี้คงโตมากแล้ว ใช่ไม่ใช่ก็ต้องชัดเจนแล้วล่ะค่ะตอนนี้ ต้นไม้ที่ฟาร์มหลากหลายเพราะอาจารย์แม่เห็นต้นอะไรที่ยังไม่มีและดูดี จะซื้อ-หาไปปลูกทันที ไปไหนก็สอดส่ายสายตาหาแต่ต้นไม้ แต่ที่ตายไปก็มากอย่างที่เคยเล่าให้ฟังไปแล้วนั่นแหละค่ะ
ไปกทม.วันที่ 28 มี.ค. -3 เม.ย. ก็ไปสวนจตุจักรซื้อหน่อกล้วย และไม้อื่นๆ ไปปลูก รวมทั้ง "รักแรกพบสีชมพู" (ต้นละ 70 บาท เห็นไหมคะต้นเล็กๆ ระหว่างโป๊ยเซียนกับ "รักแรกพบสีส้ม") อยากได้ครบทุกสีแต่คิดว่าถือกลับไม่ไหวเลยซื้อไปสีเดียว ลูกขจิตนี่ช่างสังเกต และอยากรู้อยากเห็นเรื่องต้นไม้ถูกใจอาจารย์แม่จริงๆ ต้นที่ถามถึงก็คือ "รักแรกพบนั่นเองค่ะ" เป็นต้นไม้ท้องถิ่นของออสเตรเลีย มีสีเหลืองและแดงด้วย ที่อุบลฯ ขายแพงมาก ตอนที่อาจารย์แม่ซื้อสูงครึ่งหนึ่งของที่เห็นในภาพต้นละ 250 บาท ดอกที่เห็นอยู่นี้เป็นชุดใหม่ อาจารย์แม่อ่านในเว็บมีคนบ่นว่าปลูกตั้งนานไม่ยอมออกดอกแต่ต้นของอาจารย์แม่ไม่เห็นต้องรอนาน แต่ก็แปลกเหมือนกันนะคะอย่างมาลัยทองคำ คนที่ซื้อไปก็จะกลับไปบ่นกับคนขายว่าพอดอกชุดที่เห็นตอนซื้อร่วงหมดแล้วก็ไม่ยอมออกดอกอีกเลย คนขายก็บอกให้ถามเคล็ดลับที่อาจารย์แม่เพราะต้นที่อาจารย์แม่ซื้อไปปลูก ออกดอกตลอดปี ทุกปีตั้งแต่ปลูกมา 5-6 ปีไม่เคยมีเวลาไหนที่จะไม่มีดอกบนต้น สงสัยเป็นเพราะอาจารย์แม่ดูแลพูดคุยทักทายกับเขาเป็นประจำมังคะ ไม่ได้พูดเล่นนะ เคยดู TV มีงานวิจัยของฝรั่งเศส พบว่าต้นไม้ที่ปลูก ควบคุมตัวแปรทุกตัวให้เหมือนกันในกลุ่มควบคุมกับกลุ่มทดลอง ยกเว้นตัวแปรที่ต้องการศึกษา คือ การสนทนาพูดคุยด้วย ผลการศึกษาพบว่า ต้นไม้ในกลุ่มทดลองที่ผู้ทดลองพูดคุยด้วยเจริญเติบโตได้ดีกว่าต้นไม่ในกลุ่มควบคุมที่ไม่ได้รับการสนทนาพูดคุย แปลกดีนะคะ (สังเกตว่าภาพไม่ค่อยชัด เพราะถ่ายตอนกล้องเริ่มมีอาการไม่ดี จากนั้นไม่นานกล้องก็ใช้ถ่ายไม่ได้)
ผมน่าจะเป็นรุ่นพี่น้องเอ๋ เพราะผมชื่อเล่นว่า แอ๊ด ฮ่าๆๆ เกี่ยวกันไหมเนี่ย...
ชื่อเล่นว่า "แอ๊ด" จะเป็นพี่ของ "เอ๋" ได้ยังไงคะ "ลูกขจิต" อาจารย์แม่เปิดพจนานุกรมดูแล้ว "สระเอ" มาก่อน "สระแอ" เพราะฉะนั้น "น้องแอ็ด" ต้องเรียก "พี่เอ๋" ถึงจะถูก...ฮิฮิฮิ...นี่มาชวนอาจารย์แม่เล่นอะไรกันก็ไม่รู้ บุคคลที่ถูกพาดพิงเขาไม่ได้รู้เห็นด้วย ถ้าจะบอกว่า "เออ! แม่มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง ก็จะถูกเธอแซวเอาอีกว่า "เรื่องลูกขจิต" ของแม่ใช่ไหมล่ะ
ช่วยขยายความหน่อยนะคะ ภาพหมู่ (ภาษาสปป.ลาวเขาใช้คำว่า "แหกตาสามัคคี") นั้นเป็นกิจกรรมของโครงการอะไร ดำเนินการที่ไหน เมื่อไหร่ แล้วบุคคลากรในนั้นมาจากหน่วยงานไหนบ้าง ทำไมถึงได้ไปทำกิจกรรมด้วยกัน (เพิ่งเห็นว่าลูกแผ่นดินนั่งติดกับลูกขจิต สาวๆ ตอบหน่อย ลูกชายอาจารย์แม่พี่หรือน้องหล่อกว่ากัน) สงสัยเห็นชุดคำถามแล้วลูกขจิตคงคิดว่ารู้งี้ไม่ส่งรูปให้ดูดีกว่า อาจารย์แม่ก็เป็นคนยังงี้แหละ อยากรู้ในทุกๆ เรื่อง ยกเว้นเรื่องชาวบ้าน ในอดีตอาจารย์ผู้หญิงที่ทยอยเกษียณไปหมดแล้ว (อาจารย์ในสาขาจิตวิทยาฯ ที่อยู่สถาบันนี้มานานเหลืออาจารย์แม่เป็นคนสุดท้าย อีก 2 ท่านเพิ่งย้ายมาจากเขตการศึกษา 10 และโรงเรียนมัธยม) มักจะมานั่งทานอาหารเที่ยงกันอยู่ที่โต๊ะกลางของสาขา และคุยเรื่องคนนั้นคนนี้เป็นที่สนุกสนาน ทั้งยังเปิด TV เสียงดังดูละครและสนทนากันเรื่องละคร อาจารย์แม่ต้องใช้สมาธิมากในการทำงาน
ตอนบ่ายวันนี้พ่อใหญ่สอบอกว่า ถ่ายรูปต้นกล้าให้แล้ว พรุ่งนี้จะเอาไปให้ดูเพราะจะเอามะม่วงไปส่ง (ค่อยยังชั่ว) ว่าจะยกกระบะเพาะไปดูแลเองเพิ่งนึกได้ว่ายกไปไม่ได้เพราะเป็นยางรถยนต์ ด้านล่างเปิด แล้วจะส่งรูปมาให้ดูนะคะ ใช้คำว่า "ดูตะคึกงอก" น่ะไม่ถูกนะคะ เพราะเคยให้ดูภาพที่งอกไปเล้ว ลูกขจิตยังบอก "เย้เย้ ดีใจตะคึกงอกแล้ว" เลย ต้องบอกว่า "ดูตะคึกโต" อย่าคิดว่าอาจารย์แม่แก่แล้วจะเลอะเลือนหลงลืมนะ ใช้สมองอยู่ตลอด ไม่เป็นโรคอัลไซเมอร์ง่ายๆ หรอก
เอ! รักแรกพบน่ะไม่มีกลิ่นนะคะ แล้วไปอยู่ในสวนไม้หอมของมหาวิทยาลัยได้ยังไง หรือว่าเป็นพันธุ์พิเศษ
อาจารย์แม่ว่า ที่ไก่มันหลับตาน่ะมันง่วงต่างหาก แถวบ้านอาจารย์แม่ยังไม่เห็นมีใครเปิดเพลงให้ไก่ฟังนะคะ แต่อาจารย์แม่เคยดูรายการเกษตรเขาบอกว่าไก่ที่ได้ฟังเพลงจะออกไข่มากขึ้นกว่าตอนที่ไม่ได้ฟังเพลง แล้วแถวบ้านลูกขจิตน่ะเขาสอบถามหรือเปล่าว่าพวกไก่ๆ น่ะเขาชอบฟังเพลงประเภทไหนกัน ลูกขจิตเองชอบร้อง/ฟังเพลงบ้างหรือเปล่า ถ้าชอบ ชอบเพลงแนวไหน เอ! นี่ถามมากไปหรือเปล่า ไม่รู้ล่ะ ถามไปแล้ว ตอบให้ครบถ้วนนะคะ ไม่งั้นสอบไม่ผ่านไม่รู้ด้วย
ขอบคุณมากนะคะ Krukorkai ที่มาแวะชมดอกไม้ในฟาร์ม และให้กำลังใจผู้ปลูก-ดูแลดอกไม้ โอกาสหน้าแวะมาอีกนะคะ ยังมีพันธุ์ไม้อีกมากมายที่ยังไม่ได้พา Krukorkai ไปชม
สวัสดีค่ะ พี่สาวคนเก่งน้องร่วมโลกตัวป่วนแวะเวียนมากวนโอ๊ยอีกแล้วล่ะเนอะเหอๆๆๆ
โรงเรียนน้องหรือคะเล็กม๊ากเด็ก 57 คน ผอ.1 ข้าราชการครู6 พนักงานราชการ 1 พนักงานบริการ 1 รปภ.1 เปิดอนุบาล 1 และ2
ประถมฯก็ป.1ถึง 6
งานสอนก็ดูว่าจะสบายเด็กน้อยแต่ที่ไหนได้ค่ะเด็กน้อยๆนี่แหละที่ทำให้ครูทุกคนไม่เว้นแม้แต่ผู้บริหารเหนื่อยได้ทุกวัน
เพราะเด็กที่ตกค้างอยู่โดยเฉพาะไทยพุทธเป็นเด็กที่ไม่สามารถเข้าไปเรียนโรงเรียนขนาดใหญ่ในตัวจังหวัดที่อยู่ห่างแค่ 13 กม.ได้
เพราะปัญหาจากสภาพครอบครัวเด็กหลายคนอยู่กับปู่ย่าตายาย พ่อไปทางแม่ไปทาง
เรื่องเรียนไม่รับแถมยังชอบสร้างปัญหาอีก มาที่นี่ใหม่ๆรับไม่ได้เลยค่ะกับพฤติกรรมก้าวร้าวพูดจาหยาบคายของเด็กที่นี่ คิดไว้เลยว่าจะต้องย้ายต่อล่ะ
แต่ตอนนี้ก็เริ่มชินและพยายามรับให้ได้ ก็คอยสังเกตพฤติกรรมของเด็กตลอดที่เขาอยู่กับเรา บางคนนี่ต้องพูดดีๆบางคนพูดดีทำดีก็แล้วเขาก็ยังไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมก็ต้องเล่นบทโหดกันบ้าง
อยู่โรงเรียนเล็กๆงานอื่นๆเยอะกว่างานสอนเสียอีกค่ะ ยิ่งน้องเป็นครูวิชาการด้วยยิ่งแร๊งส์ งานวิ่งเข้ามาชนจนมึน555 เสาร์อาทิตย์ก็ไม่ได้หยุด สัปดาห์ที่แล้วชุมยาว วันอาทิตย์ที่ 5ที่ผ่านมาก็ไปประชุมเรื่องเกณฑ์การประเมิน การให้คะแนนสำหรับการคัดเลือพนักงาน ครูอัตราจ้าง ครูสอนศาสนาอิสลาม เพื่อบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการครู ตำแหน่งครูผู้ช่วย
เสาร์ที่ 11 นี่ก็ชุมอีกแล้วค่ะ พออังคารที่ 14 ก็ต้องเดินทางไปประชุมเชิงปฏิบัติการที่หาดใหญ่ต่อแล้วอีกล่ะค่ะ555
ผลการประเมินรอบ 1-2 ผ่านฉลุยค่ะแต่น้องยังไม่ได้ย้ายมาที่นี่ทีนะคะ555
ส่วนที่เดิมที่เคยสิงเป็นโรงเรียนขนาดกลางครูบวกพนักงานใกล้สามสิบ แต่ประเมินรอบ1 - 2 ตกทั้งสอบรอบ รอบแรกครูหัวหน้าวก.ขนเอกสารมาถ่ายเอกสารแจกให้ครูทำคนละสองสามลังกร๊ากทำกับจนเกือบอาเจียน
จนพี่เขาครบ60 ปีก็ออกไปน้องใหม่ย้ายมาก็ยกตำแหน่งหัววก.ให้อีก คราวนี้ทำแบบสบายเอาเอกสารเท่าที่มีที่ทำจริงๆก็ยังไม่ผ่านอีก
ส่วนน้องงานอื่นๆตอนโน้นก็ทำแต่งานห้องสมุดกับสอนทัศนศิลป์บ้างการงานบ้าง วิทย์บ้าง คณิตก็เจอเวลาไม่มีครูเอกไหนก็ต้องไปสอนแก้ขัดไปได้เรื่อยๆ อยู่ไปอยู่มาก็เบื่อโรงเรียนที่ครูเยอะเด็กแยะ
เลยย้ายมาลงที่เล็กๆเลยได้เจอเลยสิ่งแปลกๆที่แตกต่างไปจากโรงเรียนเล็กที่เคยสอนที่แม่ฮ่องสอนและที่อำเภอบันนังสตา
โรงเรียนเล็กในอำเภอเมืองภาระงานมีให้ทำเหมือนโรงเรียนใหญ่และขนาดกลาง
งานมากคนน้อย
ถึงจะอ่อนล้าและเครียดกับภาระงานที่สุมเข้ามาๆเรื่อยๆ
ก็ต้องพยายามทำให้เสร็จจะดีไม่ดีผิดถูกอย่างไรก็ช่างหัวมัน
น้องกายที่รัก
มาคุยให้ได้หัวเราะอารมณ์ดีแต่เช้าเลย เธอนี่มีอาชีพประชุมราวกับเป็นผอ.เลยนะ ยังงี้ไม่ควรให้สอนแล้ว ให้รับ Jobs ประชุมและทำงานที่เกี่ยวเนื่องกับการประชุมก็คุ้มกับเงินเดือนแล้ว
ขอบคุณมากที่สละเวลาที่มีงานรัดตัวมาคุยและให้ข้อมูลพี่เกี่ยวกับบริบทของโรงเรียน นับว่าโรงเรียนของน้องโชคดีนะคะ มีนักเรียนแค่ 57 คน แต่มีบุคลากรถึง 10 คน เป็น 2 เท่าของโรงเรียนที่ตั้งฟาร์มของพี่ แถมยังมีครูที่เก่ง IT และอารมณ์ดีอย่าง "คุณครูเกษเกล้า" อีก
แต่เสียใจนะคะ ที่แม้นักเรียนคนนี้จะเก่ง ทำข้อสอบไป 2 ข้อได้คะแนนเต็ม แต่สอบไม่ผ่าน เพราะตอบข้อสอบไม่ครบทุกข้อ ว่างเมื่อไหร่ก็เข้ามาทำข้อสอบที่มีคะแนนมากกว่า 2 ข้อที่ตอบไปแล้ว เพิ่มเติมด้วยนะคะ ข้อที่ยังไม่ได้ทำ คือ
1) ตามมาตรฐานการประเมินคุณภาพภายนอก มาตรฐานด้านคุณภาพผู้เรียนมาตรฐานที่ 3.1 (ตามบันทึกของน้องกาย)โรงเรียนของน้องใช้อะไรเป็นเครื่องมือวัด
2) สองหน่อเรียนชั้นไหน ได้ช่วยงนอะไรแม่บ้าง และแม่ได้มีเวลาพูดคุยกับลูกๆ ตอนไหน
ดูตัวอย่างการตอบข้อสอบของ "ขจิต ฝอยทอง" สิ รายนั้นสอบผ่าน เพราะตอบครบทุกข้อ สงสัยจะเข็ดในการตอบคำถามไปอีกนาน
ขอให้มีความสุขใน Jobs ประชุมวันที่ 11 และ 14 นะคะ
ตอนเย็นจะตามไปชมนะคะ ขอบคุณค่ะ "คุณต้นกล้า" เมื่อกี๊เพิ่งไปดูกลุ่มทำปุ๋ยเกษตรอินทรีย์ที่ร้อยเอ็ดมาค่ะ (เจ้าของฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้ ได้ใช้เงินส่วนตัวสองแสนบาทสนับสนุนการทำปุ๋ยเกษตรอินทรีย์ของหมู่บ้านที่ตั้งฟาร์มค่ะ)
ขอบคุณมากค่ะ
มาขอลงทะเบียนสอบซ่อมค่ะอิอิ
ที่ไปอบฯมาจะเป็นมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อการประเมินคุณภาพภายในน่ะค่ะ
ข้อ ๑.มาตรฐานที่ ๓ ผู้เรียนมีทักษะในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง รักเรียนรู้ และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
ตัวบ่งชี้ที่ ๓.๑ มีนิสัยรักการอ่านและแสวงหาความรู้ด้วยตนเองจากห้องสมุด แหล่งเรียนรู้และสื่อต่างๆรอบตัว
วิธีดำเนินการ
โรงเรียนได้จัดแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลายทั้งภายในภายนอกสถานศึกษา เพื่อให้ผู้เรียนแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง รักการเรียนรู้
แหล่งเรียนรู้ภายในก็ใช้ห้องสมุดโรงเรียน มีครูบรรณารักษ์และครูภาษาไทยช่วยกันดำเนินงานตามโครงการห้องสมุดและงานอื่นๆเพื่อให้บรรลุตามมาตรฐานและตัวบ่งชี้ ส่วนภายนอกฝ่ายงานวิชาการโรงเรียนจัดกิจกรรมทัศนศึกษาพาไปแหล่งเรียนรู้นอกสถานศึกษา ฝึกให้นักเรียนรู้จักการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง น่ะค่ะข้อนี้ง่ายหน่อยเพราะครูในโรงเรียนก็เป็นครูที่ต้องสอนภาษาไทยห้องใครก็สอนไปเหมากันหมดทุกวิชานั่นแหละค่ะ และครึ่งหนึ่งก็อยู่ในทีมวก. น้องเองก็สอนเรียนจบบรรณารักษ์มาด้วย555 ทำงานวิชาการด้วย
ข้อ ๒. เจ้าตัวโตเป็นเด็กม.ปลายสายวิทย์-คณิต ค่ะ เจ้าตัวเล็ก เรียนปวช.1 เทคนิคสถาปัตย์
งานที่แม่กำหนดให้รับผิดชอบ ก็ล้างจานตอนเย็นผลัดกันคนละวัน กวาดบ้านตอนเช้าด้านหน้าบ้านให้น้องกวาด ด้านหลังบ้านให้พี่กวาด ตอนเช้าน้อง ให้อาหารปลา ล้างกรงให้อาหารและน้ำน้องกระต่าย 2 ตัว พี่รดน้ำต้นไม้ที่มีอยู่ไม่ถึงยี่สิบต้นและออกไปซิ้อแกงถุงในเวลาที่ขี้เกียจทำอาหาร555 วันหยุดก็ต้องซักเสื้อผ้าของตัวเอง รีดผ้าเอง
ตัวพี่นี่กิจกรรมเยอะหน่อยใช้ชีวิตอยู่นอกบ้านมากกว่าอยู่บ้าน มีงานอะไรก็มักจะได้รับเป็นส่วนหัว ตอนนี้ก็ไปเป็นประธานสีแดงอีกแล้วค่ะ สาวๆก็มาติดพันเยอะ เพื่อนก็มากเลยล่องลอยอยู่นอกบ้านเสียมากกว่าในบ้านค่ะ ก็ปล่อยเขาไปเพราะเห็นว่าเขาก็โตแล้ว
ส่วนตัวเล็กนี้เพื่อนสาวมากกว่าตัวโตเพราะเจ้าตัวแสบนี่นิสัยเป็นตุ๊ดเป็นแต๋วเผลอไม่ได้ชอบพากันเที่ยว แต่เขาก็รีบกลับมาตามระยะเวลาที่กำหนดให้ เจ้าตัวเล็กนี่กลับมาก็หลับค่ะ
เวลาพูดคุยกับลูกไม่ค่อยมีค่ะมีแต่บ่นกับด่า55555
• "อ่านบันทึกการโต้ตอบของอาจารย์และสมาชิกรู้สึกอิ่มใจ ได้ความรู้ ดูสวนสวย แถมได้เห็นมิตรภาพที่น่าทึ่งค่ะ"...... ดิฉันเองก็แปลกใจนะคะ ที่ตัวเองรู้สึกคุ้นเคยกับสมาชิกหลายๆ ท่านราวกับเป็นคนใกล้ชิดกัน เช่น รู้สึกเหมือน อ.ขจิต เป็นลูกชายที่ทำงานหนักแต่ก็แวะเวียนไปหาสม่ำเสมอทำให้แม่ไม่เหงา ท่านศน.ลำดวนเป็นทีมงานพัฒนาครูประจำการที่มีความศรัทธาในกันและกัน ครูอิน ครูวิญญาณ (กาย, เกษเกล้า) ครูคิม เป็นน้องสาว ครูอัมพรเป็นครูใจดีของหลานๆ คุณแว้บ และคุณแผ่นดิน เป็นลูกชายที่เอาแต่ทำงานไม่ค่อยมาให้แม่เห็นหน้า ครูนกทะเลและครูฐานิศร์เป็นครูที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนางานวิชาชีพครู และครูอ้อยเป็นครูที่นำความรู้ความสามารถของตนมาแบ่งปันให้กับเพื่อนครู ซึ่งทั้ง 3 ท่านเป็นครูที่รู้สึกชื่นชม ฯลฯ ก็ต้องขอบคุณ "Gotoknow.org" ที่เป็นสะพานนำไปสู่มิตรภาพทั้งหลายที่เกิดขึ้น
• ชื่นชมที่ท่านศน.เป็นคนที่ให้เกียรติ ใส่ใจในความเห็นของสมาชิก และเป็นคนประเภท "แก้วที่มีน้ำไม่เต็ม" พร้อมที่จะเปิดรับแนวคิดต่างๆ โดยไม่คิดว่า ตนเองมีความรู้และประสบการณ์มากพอแล้ว
น้องกายจ๊ะ (ขอเรียกร้องรูปจริงที่ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน)
สวัสดีค่ะ
ตอนนี้ได้นำความรู้จากที่มหาวิทยาลัยมอบให้ไปใช้จริง ในสนามจริง ปัญหาจริง กับโรงเรียนที่เคยสอนค่ะ น้องเรียนบริหารการศึกษามาค่ะ ถูกนำมาใช้น้อยมากตอนอยู่ในราชการ
กำลังมองหาลู่ทางในการให้ "ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาโรงเรียน" ส่วนครูเริ่มมองเห็นการมีส่วนร่วมบ้างแล้วค่ะ ใช้วิธีการ Focus Group ในการวางแผน และนำงานปัจจุบันมาถอดบทเรียน
ทุกเช้าและก่อนกลับบ้านจะล้อมวงกันทุกวันค่ะ สิ่งที่สัมผัสได้ พอจะทำให้เปลี่ยนอะไรบางอย่างได้บ้างแล้วค่ะ คือมีส่วนร่วมมากขึ้น
ปัญหาอีกอย่างที่มองเห็นคือ เด็กและเยาวชนค่ะ น้องอยากเปลี่ยนวิธีคิดแต่ต้องการดึงวิถีชีวิตเดิม ๆ กลับมา ไม่ทราบว่าน้องจะมีกำลังแรงพอไหวไหมคะ
ผอ.ให้การบ้านอีกว่า "ครูคิมต้องช่วยประชุม เอาชาวบ้านมาล้อมวง วางแผนการตกแต่งโรงเรียนอีกครั้งได้ไหม" ว่าจะทำศุกร์หน้าค่ะ
ชาวบ้านเขาเคยล้อมวงมาแล้ว เรื่องการทำหลักสูตรค่ะ
• พี่สรุปว่าโจทย์งานวิจัย "PAR" ของน้อง คือ "การหารูปแบบและวิธีการ ที่จะให้ชุมชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาโรงเรียน" และ "การหารูปแบบและวิธีการในการเปลี่ยนวิธีคิดภายใต้การดึงวิถีชีวิตเดิมๆ ของเด็กและเยาวชนให้กลับมา" ซึ่งก็ควรจะบูรณาการไปในงานวิจัยเดียวกัน เป็นงานวิจัยที่น่าสนใจนะคะ เพราะจะเป็นประโยชน์ทั้งต่อการจัดการศึกษาและการพัฒนาชุมชนไปในเวลาเดียวกัน พี่ว่าน่าจะขอทุนวิจัยของสกว. โดยน้องเป็นคนเขียนโครงการแต่ในนามของโรงเรียน อาจจะหาโรงเรียนเครือข่าย หรือจะนำร่องเฉพาะโรงเรียนเดิมของน้องไปก่อน น้องเคยได้ทุนของสกว. ก็น่าจะชัดเจนในช่องทางการขอทุนอยู่แล้ว พี่เองไม่เคยขอทุนวิจัยจากหน่วยงานตนเอง ขอเฉพาะจากหน่วยงานภายนอกและก็ได้รับการสนับสนุนทุกครั้งที่ขอเพราะ "เจ้าของทุนเขาเห็นคุณค่าของงานวิจัย และพิจารณาว่าเป็นงานวิจัยที่มีระเบียบวิธีดำเนินการที่ถูกหลักวิชา" (อยากทราบข้อมูลคร่าวๆ ของโรงเรียน ลักษณะของชุมชนที่ตั้งโรงเรียน และเด็ก-เยาวชนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของน้องค่ะ เผื่อจะได้ไว้เป็นข้อมูลประกอบการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ต่อๆ ไปค่ะ)
•งานวิจัยของพี่ที่ได้รับทุนจากวช.น่าจะพอเป็นเอกสารประกอบการศึกษา-อ้างอิงในงานวิจัยของน้องได้ เพราะความสำเร็จที่เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนมากของกิจกรรมในโครงการวิจัยดังกล่าว ก็คือ "การที่ชุมชนเข้าไปมีส่วนร่วมพัฒนาโรงเรียนมากขึ้นในทุกรูปแบบ จากเดิมที่มีเฉพาะการบริจาคปัจจัย ซึ่งก็มีเพียงส่วนน้อยและเป็นแบบเสียไม่ได้มากกว่า ไปเป็น การร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมสนับสนุนปัจจัย เพราะมีความศรัทธาในตัวครูที่อุทิศเวลาในการพัฒนาบุตรหลานของเขา (เด็กอนุบาลชั้นปีที่ 2) ให้เป็นเด็กที่มีสุขภาพกายสุขภาพจิตดี เป็นคนดี และเป็นคนเก่งอย่างเห็นได้ชัด" พี่ว่าหลักการนี้น่าจะเป็นสากลที่สามารถนำไปใช้ได้กับ "การแสวงหาการมีส่วนร่วมของชุมชนในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน" ในทุกสภาพโรงเรียนและชุมชนนะคะ พี่ขอคำแนะนำว่าพี่จะส่งส่วนหนึ่งของรายงานการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่กล่าวมาให้น้องได้ทางไหน ประเภทเอกสาร "Word" มีไฟล์ข้อมูลค่ะ ส่วนภาพไม่มีไฟล์ภาพ ถ้าต้องการเป็นไฟล์ภาพต้อง Scan ค่ะ
•ตอนนี้พี่อยู่ที่บ้านเรือนขวัญในเมือง ทั้งในบ้านและนอกบ้านต้องการการสะสางเป็นอย่างมาก พี่ว่าจะออกไปสะสางสักหน่อย เดี๋ยวจะหาทางเข้าบ้านและทางเดินในบ้านไม่เจอ (พี่และพ่อใหญ่สอทำงานบ้านเองทุกอย่างค่ะ ไม่ใช่ประหยัดแต่พี่เองต้องการให้บ้านเป็นที่ส่วนตัว ส่วนพ่อใหญ่สอก็คิดว่าคงไม่มีใครทำอะไรถูกใจแกได้แม้แต่อย่างเดียว พี่เองก็ยังทำไม่ได้แม้แต่อย่างเดียวเหมือนกันค่ะ)
มาแล้วจ้ารูปไม่เกินหกเดือน สดใหม่ซิงๆค่ะถ่ายในวันที่ 3 มิ.ย ที่ผ่านมาหมาดๆ ถ้าอยู่นอกบ้านก็จะไม่แต่งหน้าเขียนคิ้วทาปาก
พอเข้ากล้องสภาพก็จะออกมาดูไม่จืดเยี่ยงนี้แหละค่ะ
แต่ถ้าอยู่ในบ้านบางวันก็แต่งหน้าทำปากซะเป็นงิ้วเลยค่ะอิอิ
จิ้งจกตุ๊กแกรีบคลานหนีกันแทบไม่ทัน
แม่เจ้าประคุณ "น้องกาย"
สวัสดียามเช้า (กึ่มๆจะสาย) ครับท่านอาจารย์
ดูไร่ชมดอกไม้ยามเช้าแบบนี้ หากได้กลิ่นหอมสดชื่นของไอดินแรกรับน้ำค้างยามเช้าผสมกลิ่นกรุ่นของมวลดอกไม้ในไร่....
ทะลุจอคอมฯมาด้วยคงจะดีไม่น้อยนะครับท่านอาจารย์
เรียน ผศ.วิไล ครับ
- เป็นความรักในงานที่ทำ และต่อยอดจากการทำงานประจำครับ "จึงเป็นที่มาของคำว่า "ชาวนาวันหยุด"
- ต้องการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงแบบ Think Global- Act Local ทำได้จริงในเเปลงนา
- การติดตามกลุ่มเป้าหมาย เริ่มต้นก็มาจาก การจัดสมนา "หลักสูตรการทำนาสมัยใหม่"
และติดตามเยี่ยม กิน นอน ร่วมแก้ไขปัญหา พัฒนาถึงบ้านเกษตรกรครับ
- เกษตรกรส่วนใหญ่มีไฟในตัวอยู่แล้ว เราเพียงเข้าไปเสริมเติมเต็มซึ่งกันและกันครับ
- หน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่วนมากที่สัมผัสจะ "เกียร์ว่าง" ตลอด ...
- การแก้ปัญหา ร่วมกับกลุ่มเกษตรกร ไม่ต้องไปรอใครทั้งสิ้น พร้อมก็ไปก่อน พัฒนาได้ก่อนครับ
ขอบคุณครับ ..
นั่งตอบความเห็นคุณหนานวัฒน์ 10.00-10.20 น. แต่พอคลิกบันทึก มีข้อความขึ้นมาว่า "โปรดใส่ข้อความ" เลื่อนมาดูข้อความที่พิมพ์ไว้ก็พบว่าหายไปหมด ได้ส่ง e-mail แจ้งผู้ดูแลระบบแล้ว ตอนนี้ได้เวลาเตรียมตัวเข้าฟาร์ม จะตอบความเห็นของคุณหนานวัฒน์ และคุณต้นกล้าเย็นนี้นะคะ
เรียนคุณพี่วิไล
ช่วยกรุณาแวะมาให้ความคิดหรือดอกไม้ในบล็อคของผมหน่อยครับ
จะได้อีแมลที่อยู่ของลูกสาวไปให้ลูกสาวของคุณพี่
เธอตอบตกลงแล้ว
ขอบคุณครับ
สวัสดียามย่ำรุ่งครับอาจารย์
ผมมาเยี่ยมฟาร์มไอดินอีกแล้วครับ รู้สึกยินดีมากครับที่ท่านอาจารย์ได้เขียนตอบข้อความของผมด้วย
แม้บันทึกไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไรครับ แค่ได้รู้ว่าท่านอาจารย์ใส่ใจในเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ผมเขียนไว้ ก็เป็นสุขใจแล้วครับผม
ช่วงนี้ที่คุนหมิงเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวฝนตกไม่รู้ว่าที่บ้านเราเป็นอย่างไรบ้าง ...รักษาสุขภาพด้วยนะครับ
สวัสดีครับท่านอาจารย์
มะม่วงหิมพานต์ บ้านฉานเรียกหััว"ครก" เป็นไม้หลายชื่อตามภาษาแต่ละบ้าน เช่นว่า ยาร่วง ยาโหย เมล็ดล่อ ฯ
คุณต้นกล้า ท่านวอญ่า และท่านศน.ลำดวน เย็นนี้จะมาคุยด้วยนะคะ ขอเตรียมการสอนก่อน วันนี้มีสอน 08.00-11.20 น. ค่ะ (ส่วนคุณคนบ้านไกลติดต่อกันทางบันทึกของท่านไปแล้วค่ะ)
เรียนผศ.วิไล ครับ
เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง "กับธรรมชาติ" แต่สามารถเรียนรู้ "ความเป็นจริงของธรรมชาติได้" การทำนาก็เช่นเดียวกัน ถ้าคาดการณ์ว่า "ภัยธรรมชาติยิ่งรุนแรงขึ้น" ต้องปรับตัวอย่างไร???
-ประชากรเพิ่มขึ้น อาหารผลิตได้น้อยลง = เเย่งชิงทรัพยากรอาหาร
-ทำนาในแต่ละครั้งต้องทำให้ได้ผลผลิตเต็มที่ ดีที่สุด ต้องคิดว่าไม่มีรอบแก้ตัว
-แนวโน้มอาหาร (ข้าวสาร) ไม่เพียงพอต่อการบริโภค -->>เมล็ดพันธุ์ข้าวปลูกก็ต้องขาดเเคลนด้วย ถ้ายังทำนาหว่าน ใช้สิ้นเปลือง
-ราคาอาหารเพิ่มขึ้น--> ข้าวเปลือกหน้าโรงสีราคาเพิ่มขึ้น --> ราคาปัจจัยการผลิตเพิ่มขึ้น = ต้นทุนในการทำนายิ่งเพิ่มขึ้น
- ถ้าไม่รีบ ลดต้นทุนการทำนา ช่วง ศก.ขาลง จะไปรอลด ช่วง ศก.ขาขึ้น ก็จะไม่ได้อานิสงค์ของ ราคาข้าวที่เพิ่มขึ้น % กำไรไม่ได้เพิ่มขึ้น ตามราคาตลาดที่เพิ่มขึ้น
แต่สำหรับเกษตรกรที่ลดต้นทุนรอ ก็มีโอกาส ทำกำไร มากกว่า อย่างนี้แล้ว ชาวนาที่ปรับตัวก่อน ได้เปรียบครับ
- อย่างการทำกองปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง โดยคนในชุมชน ก็เป็นการลดต้นทุน เพื่อรองรับวิกฤติ ถือว่า เยี่ยมยอดมากครับ
- เพิ่มบันทึกใหม่แล้วเรียนเชิญครับ
อรุณสวัสดิ์ครับผม
แวะมาพักใจที่ไอดินกลิ่นไม้ครับอ.แม่... ภาพแรกที่ตะวันค่อยๆฉายแสงแล้วหมอกก็ค่อยๆโรยตัวจางหายไป....เห็นทีไรก็รู้สึกสดชื่นครับ ที่สำคัญได้เห็นสัจธรรมของชีวิตจริงๆครับผม ...ได้อ่านประเด็นต่างๆที่อ.แม่เขียนไว้แล้วมีคำถามใคร่รู้หนึ่งข้อครับผม คือ คำถามในลักษณะใดบ้างครับที่เราใช้สำหรับวัด"ลักษณะ"ความเป็นครู ... (รบกวนอ.แม่ช่วยยกตัวอย่างการวิเคราะห์คำตอบให้สักหนึ่งตัวอย่างได้ไหมครับ..พอดีว่าเทอมนี้ผมมีสอนนศ.ปฐมวัย 1 กลุ่ม ครับ ..จะได้นำความรู้นี้ไปแนะนำให้เขาได้รู้บ้างครับผม)
ปล. เพิ่งกลับเข้าฟาร์มจึงได้รู้ว่าอ.แม่เขียนตอบผมไว้ในนี้หลายประเด็น..ต้องขออภัยและขอขอบพระคุณมากครับผม
อรุณสวัสดิ์ครับอ.แม่
ผมกลับมาถึงลำปางแล้วครับผม...ขอบพระคุณอ.แม่มากครับที่กรุณาแบ่งปันแบบทดสอบนี้ (จำได้ลางๆว่าเคยทำตอนในชั่วโมงแนะแนวสมัยเรียนม.ปลายครับ) ...ได้ผลทดสอบความเป็นครูแล้วอย่างไร ผมจะนำมารายงานการใช้มาบอกอ.แม่ครับ
แบบทดสอบทางจิตวิทยา
1. คุณกำลังเดินไปตามทางเดิน แล้วเห็นอะไรอยู่รอบตัว
ก. ป่าทึบ มองขึ้นข้างบนแทบไม่เห็นท้องฟ้า
ข. ทุ่งข้าวโพดเหลืองอร่ามตัดกับสีขอบฟ้า
ค. ชายหาดและเกลียวคลื่น
2. คุณเห็นกุญแจจมอยู่ในน้ำ และกำลังจะเก็บขึ้นมา กุญแจที่คุณเห็นเป็นชนิดไหน
ก. กุญแจบ้าน
ข. กุญแจโบราณ
ค. กุญแจล็อคเกอร์เล็กๆ
3. คุณเดินมาเจอสิ่งปลูกสร้างตรงหน้า สิ่งปลูกสร้างนั้นป็นอะไร
ก. บ้านหลังโตดูโอ่อ่า
ข. บ้านหลังเล็กกระทัดรัด
ค. ปราสาทสวย
4. คุณทำยังไงต่อ
ก. มองเข้าไปทางหน้าต่าง
ข. เข้าไปสำรวจ
ค. เดินผ่านไป
การแปลความหมายจากการทำแบบทดสอบ
1. คุณกำลังเดินไปตามทางเดิน แล้วเห็นอะไรอยู่รอบตัว : สิ่งที่คุณเลือกแสดงถึงตัวคุณ
ก. ป่าทึบ มองขึ้นข้างบนแทบไม่เห็นท้องฟ้า : คนอื่นมองว่าคุณเป็นคนที่น่าสนใจเพราะคุณ ไม่ค่อยแสดงตัวตนที่แท้จริง เพื่อนๆ พอใจก็ตรงที่คุณเป็นนักฟังที่ดี (2)
ข. ทุ่งข้าวโพดเหลืองอร่ามตัดกับสีขอบฟ้า : คุณเป็นคนฉลาด ซื่อสัตย์ สนุกสนานร่าเริง และเป็นมิตรกับทุกคน จึงมักจะมีคนเข้ามาพูดคุยด้วย (3)
ค. ชายหาดและเกลียวคลื่น : คุณเป็นคนที่เต็มที่กับชีวิตและกล้าแสดงออก แต่เดาอารมณ์ยาก บางครั้งคุณก็เหมือนมหาสมุทร…สงบได้…แต่ไม่นาน (1)
2. คุณเห็นกุญแจจมอยู่ในน้ำ และจะเก็บขึ้นมา กุญแจนั้นเป็นกุญแจชนิดไหน : สิ่งที่คุณเลือก แสดงถึงความสำคัญของการศึกษาในสายตาของคุณ
ก. กุญแจบ้าน : การศึกษาสำคัญน้อยกว่าโลกภายนอกที่รออยู่เบื้องหน้า (1)
ข. กุญแจโบราณ : การศึกษาสำคัญที่สุดคุณอยากเรียนหนักๆ จะได้ซึมซับความรู้ไว้ให้มากที่สุด เท่าที่จะมากได้ (3)
ค. กุญแจล็อคเกอร์เล็กๆ : คุณอาจจะไม่ชอบเรียน แต่มีความคิดดีๆ มากมายคุณเชื่อในสมองของตัวเอง (2)
3. คุณเดินมาเจอบ้านหลังหนึ่ง บ้านหลังนั้นเป็นบ้านแบบไหน : สิ่งที่คุณเลือกแสดงถึงเป้าหมายทางอาชีพของคุณ
ก. บ้านหลังโตดูโอ่อ่า : คุณมีเป้าหมายสูงและมีความทะเยอทะยานที่จะไปสู่เป้าหมายนั้น (2)
ข. บ้านหลังเล็กกระทัดรัด : คุณยึดหลักความเป็นจริงในการเลือกอาชีพ และมุ่งมั่นที่จะเติบโตในสายงานที่คุณเลือก (3)
ค. ปราสาทสวย : อาชีพที่คุณฝันไว้เป็นไปได้ยากในชีวิตจริง น่าจะมองหาอะไรใกล้ตัวทำไปก่อนไม่งั้นอาจเศร้า (1)
4. คุณทำยังไงต่อ : สิ่งที่คุณเลือกแสดงถึงลักษณะการทำงานของคุณ
ก. มองเข้าไปทางหน้าต่าง : คุณกลัวความผิดพลาด เลยไม่กล้าเริ่มต้น (2)
ข. เข้าไปสำรวจ : คุณมั่นใจว่าตัวเองจะประสบความสำเร็จ จึงลงมือทำงานทันที (3)
ค. เดินผ่านไป : ความสำเร็จในงานไม่ใช่เรื่องที่คุณให้ความสำคัญ (1)
คะแนนรวม 0-4 แปลว่า คุณเหมาะที่จะเป็นครูน้อย
5-8 คุณเหมาะที่จะเป็นครูปานกลาง
9-12 คุณเหมาะที่จะเป็นครูมาก
เพิ่งทดลองใช้ไปห้องแรกค่ะ ตัวอย่างการเขียนสะท้อนความรู้สึกนึกคิด...อาจารย์ให้ทำแบบทดสอบวันนี้ตื่นเต้นมาก อยากรู้ความหมายเร็วๆ...เป็นการเรียนที่สนุกดี มีกิจกรรมที่แปลกใหม่และทันสมัย ตื่นเต้น ข้าพเจ้ารู้สึกตื่นตัวตลอดเวลาในการเรียนวิชานี้...ทำให้เรารู้ว่า เราเหมาะที่จะเป็นครูหรือไม่ เพราะถ้าได้คำตอบที่ว่า คุณเหมาะที่จะเป็นครูมาก ก็จะทำให้มีกำลังใจในการเรียนในทางนี้มากขึ้น แต่ถ้าได้เหมาะที่จะเป็นครูปานกลางหรือน้อย ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะเรียนในสายนี้ไม่ได้ แต่หมายความว่า ให้เราพยายามในการเรียนให้มากขึ้น เพื่อจะได้ประสบผลสำเร็จในการประกอบอาชีพครู...เป็นกิจกรรมที่สนุก เรียนมาตั้งแต่คาบแรกรู้สึกว่ากิจกรรมนี้สนุกมากที่สุดและรู้สึกชอบกิจกรรมนี้มาก อยากให้อาารย์จัดกิจกรรมแบบนี้ในทุกๆ คาบ
เป็นบันทึก ที่สวยงามสดชื่นมากค่ะ ได้ชม ลูกมะม่วงหิมพานต์สีแดง ดอกพุดตานฮาวาย ที่ยังไม่เคยได้ชมมาก่อน ภาพแรก และภาพสุดท้าย สวยงามมากๆ ขอบคุณมากนะคะ
สวัสดีครับ อาจารย์
สวนสวยมากครับ
อ.คงมีงานให้ทำเยอะมาก นอกจากสอนนักศึกษา
ขอบคุณมากครับ
เรียน ผศ.วิไล
ดูภาพฟาร์มไอดินกลิ่นไม้แล้วบรรยายความงามไม่ได้ มันสวยงามไปหมด น่าอยู่มากๆเลยครับ
แวะมาเยี่ยมชมสวนสวยรวยน้ำใจค่ะ..ความสุขดีๆจากน้ำมือของเรานะคะ