ชีวิตจากจุดเริ่มต้นจนถึงจุดสุดท้ายของคนแต่ละคน ล้วนต้องผ่านพบกับดักหลุมพรางระหว่างทางก้าว นั่นคือเล่ห์กลอุบายที่หลอกเราให้ลุ่มหลง บางคนอาจเพลี่ยงพล้ำไม่สามารถลุกขึ้นจากกับดักชั่วชีวิต บางคนอาจมีสติคิดหาวิธีการที่จะก้าวข้ามด้วยความสงบนิ่ง ขณะที่ใครบางคนอาจ "สติแตก" ฟูมฟายทุรนทุุรายแทบทนไม่ได้ เฉกเช่นเรื่องราวที่ฉันพบเห็นต่อไปนี้
"...อาจารย์ให้มันมากราบตีนหนู หนูถึงจะหายแค้น.... อาจารย์ไม่เข้าใจหนูหรอก หนูให้มันทุกอย่าง ทำไมมันทำกับหนูได้ เพื่อนหนูว่ามันไม่ดีหนูก็คอยปกป้องมัน..." เด็กสาววัยรุ่นร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยนประหนึ่งเด็กถูกแย่งของรักไปจากอก
ฉันไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น เพียงแค่เดินผ่านศาลาไทยที่ให้เด็กนั่งพักผ่อน เห็นลูกศิษย์หญิง ชาย ชั้น ม.ปลายที่ฉันสอนนั่งคุยกันอยู่ ในเวลาต่อมาเด็กสาววัยรุ่นเดินมาพร้อมกลุ่มเพื่อน หญิงสาวรูปร่างผอมสูุงปรี่เข้าหาชายหนุ่ม ชี้หน้าต่อว่า ปากคอสั่นเทาแสดงอารมณ์ภายในที่คุกรุ่นเกินควบคุม
"กูไม่ได้หึง ไม่ได้หวงมึง แต่กูแค้นใจทำไมมึงถึงทำกับกูอย่างนี้..." ว่าแล้วก็ก้าวเข้าไปในศาลาทุบตีด้วยความคลั่งแค้น แม้ว่าเพื่อน ๆ จะพยายามห้ามปราม และกระซิบบอกว่า "อาจารย์ยืนอยู่ข้างหลัง" ก็ไม่เป็นผล
ฉันเห็นท่าไม่ดีจึงเข้าไปแยกเด็กออก และเตือนสติให้ควบคุมอารมณ์แต่ดูเหมือนไม่เกิดประโยชน์ เธอคงร้องไห้เสียงดัง เพื่อน ๆ พยายามห้ามยิ่งไร้ผล เมื่อเพื่อนห้ามไม่สำเร็จ เพื่อนทั้งห้าคนก็พลอยร้องไห้เพราะสงสารเพื่อนจับใจไปด้วย...
หนึ่งชั่วโมงที่ผ่านไป หญิงสาวยังไม่หยุดร้องไห้ไม่ว่าฉันจะปลอบโยนเพียงใดก็ตามที เธอคงทำใจไม่ได้ ส่วนชายหนุ่มยังคงนั่งดูอยู่ห่าง ๆ เหมือนสำนึกผิด ฉันได้แต่ถามฝ่ายชายทราบแต่ว่าเคยคบกันมาก่อนหลายปี ช่วงหลังได้บอกเลิกกันแล้วเพราะผู้ชายมีพฤติกรรมนอกใจ....แต่เธอยังทนเห็นภาพบาดใจไม่ได้
ฉันไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เด็กวัยรุ่นเรียกกันว่าความรัก แท้จริงมันคือ"ความรัก" หรือ "ความหลง" กันแน่ ความรักในมุมมองของฉันคือความเข้าใจ เสียสละ ห่วงหาอาทร มีเมตตาและปรารถนาดีต่อกัน พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้คนที่เรารักมีความสุข หาใช่การยึดมั่นถือมั่นเป็น "ตัวกูของกู" เหมือนที่คนยุคใหม่แสดงออกกัน
บนถนนชีวิตที่ฉันก้าวเดินฉันได้สัมผัสความรักหลายรูปแบบ ไม่ว่าจากครอบครัว ญาติมิตร ครู อาจารย์ เพื่อนสนิท ล้วนเกิดจากการเติมเต็ม และหลั่งรินหัวใจให้กันและกันทั้งสิ้น ดอกรักจักเบ่งบาน แท้จริงต้องเรียนรู้ธรรมชาติของกันและกันบนทางเดินแห่งความเมตตา และเมื่อไรก็ตามที่เข้าสู่ภาวะ"รักเหนือรัก" เราจะพบกับสันติสุขอย่างยั่งยืน
เด็กเอ๋ยเด็กน้อยเมื่อฉันวัยเท่าเธอ ฉันต้องทำงานส่งตัวเองเรียนหนังสือ ฉันศึกษาความรักที่ยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้าจนรักพระพุทธเจ้าจับใจและพัฒนาความรักในมิติที่สูงขึ้นเพื่อมิให้ใจเป็นทุกข์
ฉันได้แต่หวังว่ากาลเวลาจะช่วยเยียวยาบาดแผลทางใจ แม้จะทิ้งแผลเป็นที่ร้าวลึกบนความทรงจำอันขมขื่น ขอเพียงเธอก้าวข้ามกับดักหลุมพรางชีวิตหลุมนี้ให้พ้น อนาคตมันจะเพิ่มบทเรียนและภูมิคุ้มกันอันเแข็งแกร่งที่ทำให้เธอไม่ต้องร้องไห้อีกต่อไป.... ค่ำคืนนี้เธอหยุดร้องไห้หรือยังหนอ ?
....................................
ธรรมทิพย์
๓ มิถุนายน ๒๕๕๔
สวัสดีครับคุณธรรมทิพย์
...กว่าต้นไม้หนึ่งจะเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ได้ ต้องผ่านพบเจอสิ่งต่าง ๆ มามากมาย ทั้งพายุฝน ความแห้งแล้ง ไฟป่าหรือแม้กระทั่งฝีมือมนุษย์ ... ชีวิตถ้ามีความผิดพลาดมักจะเจ็บปวดถ้ามันเกิดขึ้น แต่ความผิดพลาดที่สั่งสมมาเป็นเวลานานเรียกว่า "ประสบการณ์" ซึ่งเป็นหนทางไปสู่ความสำเร็จ...
สวัสดีค่ะอาจารย์
อ่านแล้วเข้าใจความรู้สึกและเห็นใจเธอ เป็นกำลังใจให้เธอก้าวข้ามหลุมพรางนี้ไปให้ได้ค่ะ เวลาที่ผ่านไป ประสบการณ์ชีวิตที่มากขึ้น ความรักเอาใจใส่ ความเข้าใจและกำลังใจจากคนรอบข้างคงช่วยเยี่ยวยารักษาแผลใจได้บ้าง
ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องราวค่ะ
สบายดีนะค่ะอาจารย์
เรื่องของนักเรียน บางอย่างเข้าใจยาก แต่ครูเป็นผู้ช่วยเหลือเด็กๆๆได้ดีมาก มาให้กำลังใจพี่ครูครับ...
สวัสดีค่ะ
บางทีประสบการณ์ที่เจออาจจะทำให้เราเข้มแข็งขึ้นนะค่ะ(ขอให้เป็นเช่นนั้น)
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีดีค่ะ
แวะมาชื่นชม และ เป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ
รักนะคะคนดี รักในความปารถนาดีของผู้ที่เข้ามาสนทนาในบัทึกนี้ครับ น่ารักจริงๆ
สวัสดีค่ะ
เด็กวัยรุ่นสมัยนี้ถ้ามองในแง่ดีเขาก็เปิดเผยดีนะ ทำให้เรามองเข้าไปถึงจุดอ่อน
ของเขาได้ง่ายถ้าเราสัมผัสกับเขามากพอ
รวมทั้งพ่อแม่ครูอาจารย์ต้องร่วมมือกันใส่ใจดูแลและสร้างความไว้วางใจให้กับ
พวกเขาได้ ปัญหาทุกอย่างจะคลี่คลายได้ง่ายและเร็วพอก่อนที่จะเกิดอะไรมาก
มายไปกว่านั้น
ความรักความอบอุ่นและความเข้าใจคงช่วยได้ระดับหนึ่งนะคะ...
ไม่ได้อ่านงานของน้องวราภรณ์มานาน พออ่านเรื่องนี้ก็เข้าใจประสบการณ์ชีวิตกับช่วงวัยนั้นต้องเรียนรู้เอง แค่บอกก็ไม่ลึกซึ้งเท่าเจอกับตัวเอง แต่คนรอบข้างในวัยต้นที่เป็นต้นทุนของประสบการณ์น่าจะช่วยให้เขาแกร่งได้ และอาจไม่เจอปัญหาเช่นนี้ ถ้าสิ่งแวดล้อมของชีวิตดี
อย่างวันก่อนไปเยี่ยมบ้านเด็กหญิง ม. ๑ เห็นแล้วใจหาย เด็กอยู่กับครอบครัวที่มีญาติ ๆ อยู่กันเป็นคู่ ๆ หลายคู่ นอนมุ้งใกล้ ๆ กัน และทำพฤติกรรมกับคู่รักต่อหน้าเด็ก คุณคิดดูอะไรจะเกิดขึ้นกับเด็กในอนาคต แต่คนเหล่านั้นพยายามพูดให้เด็กตั้งใจเรียน เรียนสูง ๆ
สวัสดีค่ะพี่ธรรมทิพย์
ดีใจกับครู
สำหรับวันพิเศษของครูนะครับ
สวัสดีค่ะ อ. วราภรณ์
คงจำกันได้นะคะ อ่านเรื่องแล้ว...สงสารว่าอนาคตน้องคนนี้จะเป็นอย่างไร...อกหักรักคุด
แทนที่จะเตรียมตัวสอบ ...ชีวิตกลับต้องมาวุ่นวาย สงสารคนที่เป็นพ่อแม่นะคะ
นับวันปัญหา วัยรุ่นจะมีให้ครูแก้ไข...ต่อเนื่องไม่สิ้นสุด...
เป็นกำลังใจให้นะคะ...