น้องบ่าว: ผมขออนุญาตร้องไห้ครับหมอ


น้องบ่าว..คนไข้ใหม่ของผม เป็นพ่อค้าหนุ่มอายุ ๔๔ ปี แข็งแรงมาตลอด เรียกได้ว่า ไม่เคยต้องเข้าโรงพยาบาล แล้วอยู่มาวันหนึ่งก็เกิดอาการชักเกร็งกระตุก และถูกวินิจฉัยโดยไม่ทันตั้งตัวว่าเป็นมะเร็งปอดระยะลุกลาม คือลามไปสมอง ต้องมารับการฉายรังสีเพื่อบรรเทาอาการที่สมอง

วันที่เราเจอกันครั้งแรก น้องบ่าวมากับภรรยาที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด บทสนทนาของเราสามคนก็เป็นไปตามปกติ ทั้งคู่ช่างซักช่างถาม ไม่กลัวหมอ และดูเหมือนจะรับมือกับโรคร้ายได้ ตั้งแต่รับรู้ว่าตนเองเป็นมะเร็งจากอาจารย์แพทย์อีกท่านหนึ่งก่อนหน้าจะมาพบผม

เราตกลงกันว่าจะฉายรังสีที่สมองตามคำแนะนำของผมโดยไม่มีข้อข้องใจอะไร แล้ว แต่เนื่องจากต้องรอให้ยาลดสมองบวมที่ผมเพิ่งให้ไปออกฤทธิ์เสียก่อนสัก ๒ วัน น้องบ่าวจึงขอกลับบ้านที่ยะลา แล้วจะกลับมาเริ่มฉายแสงในวันมะรืน ผมก็เลยถามว่า "แล้วลูกๆละครับ"

คนไข้นั่งนิ่งไปทันที ไม่ตอบ เมื่อเจอคำถามที่แสนจะธรรมดานั้นของผม

ผมรู้สึกสะดุด จึงหันไปมองหน้าเขา แล้วเห็นว่า น้องบ่าวกำลังพยายามควบคุมอารมณ์สุดกลั้น บรรยากาศในห้องตรวจเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน แล้วสักพัก เขาก็ระงับไม่ไหว พูดขึ้นมาอย่างกระท่อนกระแท่นว่า .."ผมขออนุญาตร้องไห้ครับหมอ"

ตั้งแต่เป็นหมอมา ผมไม่เคยได้ยินใครขออนุญาตผมแบบนี้มาก่อนเลย

เอ..หรือน้องบ่าวคิดอยู่ในใจมาตลอดว่า เวลาอยู่กับหมอ ถ้าแสดงอารมณ์ ความรู้สึกอะไรมากจะไม่เหมาะสม ทุกอย่างจะต้องดูดีไม่มีปัญหา พูดกันแต่เรื่องทางกายอย่างเดียวพอ ผมอยากจะถามเขาให้หายข้องใจเหมือนกัน แต่ไม่ได้ถาม สิ่งที่ผมทำ คือ ต้องขยับเก้าอี้เข้าไปใกล้ๆ ใช้มือแตะตรงเหนือหัวเข่าเขา แล้วบอกว่า "เอาเลย ตามสบาย"

หลังจากนั้น คนไข้ก็ปล่อยโฮออกมา ต้องเรียกว่า ปล่อยโฮ ครับ มันเหมือนทำนบแตก ความรู้สึกที่ถูกเก็บงำเอาไว้มันทะลักล้น ภรรยาที่นั่งอยู่ข้างๆพลอยตาแดงๆไปด้วย แต่ยังควบคุมอารมณ์ได้ดี

ผมไม่พูดอะไรหลังจากนั้น แต่นั่งอยู่กับเขาพักใหญ่ จนเขาระงับอารมณ์ได้เอง แล้วเล่าเรื่องลูกสาวคนเดียวที่ยังเล็กอยู่ให้ผมฟังว่า พอเขากับภรรยาต้องมารักษาตัวที่หาดใหญ่ ก็ต้องฝากลูกสาวให้เพื่อนบ้านเลี้ยง ทั้งรัก..ทั้งห่วง

ความรู้สึกของคนเป็นพ่อ มันเจ็บ..ปวด

ถึงตรงนี้ ถ้าผู้อ่านเป็นผม จะทำยังไงต่อดีครับ

หมายเลขบันทึก: 441866เขียนเมื่อ 2 มิถุนายน 2011 07:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

ทุกอย่างไม่เเน่นอนจริงๆ ผมเพิ่งอ่านเรื่องของครูมอรี (Morrie)ที่ป่วยเป็น ALS พอดีเเละครูมอรี่ได้พูดถึง"ความตาย" ทำให้เรามีสติ  ฉุกคิดมากขึ้นกับเวลาที่เเสนมีค่า

------------------------------

สำหรับคนไข้มะเร็งของหมอท่านนี้

ที่เจ็บปวดมากกว่านั้น คือมุมของคนเป็นพ่อ ที่เราไม่รู้ว่าเจ็บปวดเท่าที่เรารู้สึกหรือไม่อย่างไร?

อาจารย์ครับ วิถีชีวิตของคุณหมอผู้เยียวยา เป็นชีวิตที่มีโอกาสได้เรียนรู้ "ชีวิตสอนชีวิต" รับรู้ข้อมูลตรงจากคนไข้ตลอดเวลา

หากผู้เยียวยารับฟัง เเละเข้าใจ เป็นบุญของคนไข้มากๆครับ

หากผมเป็นคุณหมอ ผมก็จะตั้งใจฟังอย่างที่สุด...ครับ เเล้วเรามาคุยกันต่อหลังจากนั้น

ก้อนสะอึกคงจุกอยู่ที่คอครับคุณหมอเต็ม... ความแน่นอนที่สุดในโลก ก็คือ ความไม่แน่นอนจริง ... เป็นกำลังใจให้คนไข้หายป่วยนะครับ

คำว่า ลูก คือเรื่องที่สะเทือนใจที่สุดค่ะ

ถ้าเป็นผม ก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน

อย่างที่ อ.จันว่า คำว่าลูกนี่มันแรงมาก ดูหนังกี่เรื่องๆ คำนี้แหละที่ kick แรงสุด น้ำตาไหลออกมาเอง ออกแบบสะอื้น ไม่ใช่ออกแบบไหลรินธรรมดาๆ อาจจะเป็นเพราะเราดันรับเอามาเป็นของตัวเองไป เลยนึกออกทันทีว่ามันเป็นยังไง ดังนั้นหนึ่งใน version นึงก็คงได้มีการร้องไปกับคนไข้ได้บ้างแน่ๆ แต่หวังว่าน่าจะพอควบคุมได้พอสมควร (เดี๋ยวนี้)

ช่วงหลังๆ ต้องระวังคำที่ kick พวกนี้ครับ เหมือนอย่างพี่ว่าเลย "คำถามธรรมดาๆ" แต่ตอนหลังเราเริ่มจับได้แล้วว่ามันไม่ธรรมดา ที่จริงรายนี้มี clue เล็กๆตามที่พี่เล่ามาคือ "ทั้งคู่ช่างซักช่างถาม ไม่กลัวหมอ และดูเหมือนจะรับมือกับโรคร้ายได้" เพราะมันฟังดูผิดปกติ ไม่ธรรมดาอย่างทั่วๆไป ไม่ได้หมายความว่าผมอยากเห็นคนทุกข์นะครับ แค่ว่าคนทุกข์เพราะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ cope ดีมากๆเลยเนี่ยไม่ธรรมดา

ถ้าเราโชคดี อยู่ในวันที่สติสัมปชัญญะสมบูรณ์ และบริบทเอื้อ (เช่นไม่ได้รีบไปขึ้นเครื่องบิน อย่างรายล่าสุด) ผมอยากจะหาที่หาทางคุยใหม่ ให้ private และนั่งสบายๆ เช่นเป็นโซฟา แทนที่จะเป็นเก้าอี้ตรวจ เป็นในห้อง แทนที่จะเป็น opd ฯลฯ

น่าสงสารจริงๆเลย

Ico48

  • ถึงเราจะบอกว่า ตั้งใจรับฟัง แต่ถ้าเรื่องราวของเขาตรงหน้ามัน กระแทก ใจเราเต็มๆ ผมคิดว่า ความสามารถในการฟังของเราก็ลดลงครับ มันเผลอแว๊บมาคิดถึงตัวเองอยู่เรื่อย
  • พรุ่งนี้ ผมจะเจอเขาอีกครั้ง น่าจะมีอะไรมาคืบหน้าครับ อาจารย์

Ico48

  • ขอบคุณนะครับ
  • แต่คนไข้ที่มาถึงผมทุกรายตอนนี้ ไม่มีโอกาสหายแล้วละครับ
  • หน้าที่ของผม คือ ทำให้เขา สบายดี ที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ครับ

บางตรั้งหนูว่าไม่มีคำพูดอะไรที่ดีไปกว่าความเงียบจริงๆค่ะ

Ico48

  • ผมไม่มีลูก ไม่สามารถบอกได้ว่า ผมเข้าใจความรู้สึกคนเป็นพ่อแม่คนได้เต็มร้อย แต่ก็พยายามนะครับ

Ico48

  • สกลพูดถูก สองคนนี้แปลก
  • วัยขนาดนี้ เจอเรื่องกระทันหันแบบนี้ แต่ดูแล้ว ทำใจได้อย่างเหลือเชื่อ
  • ผมฟันธงได้เรื่องหนึ่ง คือ ทั้งคู่ต้องการเป็น คนไข้ที่ดี ของคุณหมอ คนไข้ที่ไม่มีปัญหา คนไข้ที่พวกเราชอบ หลายครั้งจึงต้อง..เสแสร้ง..เพื่อเอาใจหมออย่างเราครับ
  • ผมใช้คำว่า เสแสร้ง ไม่ได้หมายความในเชิงลบ แต่คิดคำอื่นไม่ออก มันเหมือนถูกบังคับให้ทำ เช่นนั้น

Ico48

  • ครับ ผมเห็นด้วย ความเงียบ สงบและยอมรับ จะช่วยได้มากครับ

ส่วนใหญ่ถ้ากรณีอย่างนี้จะบอกคนไข้ว่าทำปัจจุบันให้ดีที่สุดตามหน้าที่ จริงอยู่ว่าคุณมีหน้าที่พ่อ หน้าที่สามีอยู่ในตัวคุณ แต่ปัจจุบันนี้หน้าที่ของคุณคือ เป็นคนไข้ ถ้าคุณทำหน้าที่ปัจจุบันซึ่งเป็นคนไข้ได้ไม่ดี คุณอาจจะไม่ได้ทำหน้าที่พ่อหรือสามีหรือหน้าที่อื่นๆได้อีก

ขอให้คุณใช้โอกาสนี้มองให้เห็นความไม่แน่นอนให้คุณใช้โอกาสนี้ดำเนินชีวิตอย่างไม่ประมาท แล้วมองต่อไปว่าทุกอย่างล้วนเป็นทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นความไม่สบายกายไม่สบายใจ ไม่ได้ดั่งใจหรือความคับแค้นใจทั้งหลายล้วนเป็นทุกข์ เมื่อเข้าใจทุกข์แล้วมองต่อไปว่าทุกอย่างไม่มีตัวตน ไม่มีของเรา ความทุกข์ความไม่สบายใจก็ล้วนไม่ใช่ของเรา ความสุขก็ไม่ใช่ของเรา

อ่านแล้วก็ sad อ่ะค่ะ คนไข้ที่ทำเป็นเหมือนไม่รู้สึกอะไรบางทีก็ไม่ได้เพื่อเอาใจหมอ แต่อาจทำไปเพื่อความรู้สึกของคนรอบข้างค่ะ ทั้งครอบครัว เพื่อน และบางครั้งก็เพื่อหลอกตัวเองด้วยส่วนหนึ่งว่าไม่รู้สึก ไม่เศร้า

อึ้ง ไปแน่เลยค่ะ หากไม่มีประสบการณ์

คำว่า ลูก แม่ พ่อ ล้วนเป็น คำศักดิ์สิทธิ์นะคะ

เคยชมหนัง ขนาดท่านปธน. เจอคำขู่ เรื่อง ลูก เท่านั้น ก็ต้องยอม คนร้าย ทุกวิถีทาง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท