ผมจอดรถดูควายที่ข้างทางเข้าวิทยาลัยการอาชีพเวียงเชียงรุ้ง สอบถามป้าคนเลี้ยงบอกว่าเป็นควายของลุงสิงห์ สุขเกษม ที่เป็นอาสาปศุสัตว์ประจำบ้านดงชัยนั่นเอง ป้าบอกว่าเลี้ยงมานานแล้วและไม่เคยเลิกเลี้ยงรักควายชอบเลี้ยงมันเลี้ยงง่าย ป้าชี้ให้ดู แม่ควายตัวหนึ่งเขายาวตัดออกนั้นอายุ 25 ปีแล้ว โอ้โฮ..ฟังแล้วก็ทึ่งมันอยู่มานานได้อย่างไร ป้าบอกว่าที่เลี้ยงทั้งหมด10ตัวเป็นลูกและหลานมัน ส่วนตัวที่ 11 เป็นตัวผู้ชื้อมาใหม่ ป้าบอกว่าปีหนึ่งๆก็จะแบ่งขายปีละ 2 ตัว ช่วงนี้ควายแพงก็ไม่น้อยกว่า สามหมื่นบาท ดูรปร่างกันนะครับ
แม่ควายตัวที่เห็นผูกล่ามด้วยเชือกนี่แหละ เสียดายป้าไม่ได้ฝึกขี่ไว้จะลองนั่งหลังควายมั่งหลังจากเคยขี่แล้วถูกควายกระดกก้นตกหลังควายมาแล้ว
ชอบเลี้ยงควายครับ มันน่ารักและเชื่องมาก แต่เขาชอบนอนแช่โคลนมากกว่าวัว เลยไม่มีโอกาสได้เลี้ยง หาที่ให้แช่ปลักยากมากๆๆ
ผมว่าควายเป็นสัญลักษณ์ของจิตวิญญาณการเกษตรนะครับ(ลึกๆแล้วผมว่าเราทุกคนโหยหาการกลับไปสู่วิถีชีวิตในยุคเกษตรกรรมทั้งนั้น) พอดีว่าเมื่อเทอมก่อนไปเที่ยวป่าหิน (ฉือหลิน) กับกลุ่มเด็กทุน สพฐ. ต่างคนต่างเลือกมุมเลือกโพสท่าไปตามแต่ใจ.... แต่เพียงแค่ลุงคนหนึ่งจูงควาย(เดาว่าสัญชาติจีนเพราะอยู่ยูนนาน...ฮ่าๆ) ผ่านมาเท่านั้นแหละ ป่าหินที่ว่างามก็งามสู้ควายตัวนี้ไม่ได้ เพราะเด็กๆต่างพากันมาถ่ายรูปกับควายอย่างสนุกสนาน เด็กบางคนถึงกับบอกว่าอยู่ไทยไม่เคยเห็นควายตัวเป็นๆ มาจีนกลับได้ดูในระยะประชิด เป็นบุญตาจริงๆ... ฟังแล้วไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีนะครับ