ความเยาวภาพ


เย็นวันหนึ่งผมนัดกินข้าวและนั่งคุยกับน้องๆที่มหาวิทยาลัย
น้องคนหนึ่งอุ้มลูกมาด้วย หลานหนุ่มน้อยคนนี้เป็นที่รักที่เอ็นดูของพวกเราทุกคน
เขาเป็นมิตรกับทุกคน แต่สนิทสนมเป็นบางคน

ผมนั้น นอกจากหลานๆตัวเองแล้ว เด็กๆทั่วไปก็จะกลัว
ผมสังเกตว่าเด็กๆจะมาห้อมล้อม เล่น และนัวเนียอยู่กับผม
ก็จำเพาะตอนผมวาดรูปหรือเล่นกีตาร์ ร้องเพลง เปล่าขลุ่ย
หากทำสองสามอย่างนี้ ไม่นานก็มักจะเห็นเจ้าตัวน่ารักมาป้วนเปี้ยนให้อุ้มเล่น
แต่พอพูดคุยด้วยเขาก็จะหยุดเล่น
สักครู่ก็จะร้องให้ แล้วก็หนีไป ไม่ยอมให้อุ้มอีก
ผมต้องยอมรับความเป็นจริงและคิดว่าเสียงผมใหญ่
เวลาพูดแล้วก็จะดังและคลทำให้เด็กๆกลัว

เคยมีหลาน ลูกของลูกน้องผมคนหนึ่ง น่ารักเหมือนตุ๊กตาญี่ปุ่น
ผมซื้อตุ๊กตาและฝากพ่อแม่เอาไปให้หลาน
พ่อเขาก็เอาไปให้ และบอกว่าเป็นตุ๊กตาของอาม่อย

หลานคนนี้มาที่ทำงานผมทีไรก็จะอุ้มตุ๊กตาที่ผมให้มาด้วย
เจอใครๆ รวมทั้งแม้เมื่อเจอผม ก็จะอวดตุ๊กตาตัวโปรด
แล้วก็บอกว่าเป็นตุ๊กตาอาม่อยให้ 'อาม่อย' คือชื่อเล่นผมที่ชาวมหิดลใช้เรียก
หลานมักเดินอุ้มตุ๊กตาอาม่อยของเธออย่างหวงแหนมาก

วันหนึ่งผมก็เห็นเธออุ้มพี่ตุ๊กตาไปเที่ยวกับคุณพ่อที่ที่ทำงานของพวกเราอีก
ระหว่างที่หลานเล่นกับเพื่อนๆ ผมก็เตร่เข้าไป ห่างสัก ๑๐ ก้าว 
เธอก็อวดตุ๊กตาผมและบอกว่า ตุ๊กตาหนู อาม่อยให้
ผมเลยหยุดจะเล่นด้วย พร้อมกับบอกว่าน่ารักจัง ขอเล่นด้วยหน่อย
พร้อมกับเดินเข้าไปหา แต่เดินเข้าไปได้นิดเดียว หลานก็ร้องกรี๊ดเสียงดังลั่น
แล้วก็วิ่งหนีไปรอบๆ เพื่อนๆก็ร้องเจี๊ยวจ๊าวตาม พร้อมกับช่วยกันร้องว่า
อาหนูผี อาหนูผี อย่าเข้ามา กรี๊ด กรี๊ด อาหนูผี กรี๊ด กรี๊ด
บางคนถึงกับปีนขึ้นไปโดดหยอยๆอยู่บนโต๊ะ กรี๊ดดดด ด อย่าเข้าม๊าาาา า า

ผมตกใจ ชงัก แล้วก็ค่อยๆกลายเป็นขำ
ขำกับตัวเองว่าอ้าว เห็นพูดถึงอาม่อย ไม่ได้หมายถึงเราหรอกหรือ
อาม่อยในจินตนาการของหลานๆ เป็นเพื่อนของพวกเขา
แต่อาม่อยตัวจริงนั้น เป็นอาหนูผี และห้ามเข้าไปใกล้อีกต่างหาก
ผมทำท่าถลาเข้าใส่แล้วก็วิ่งวนรอบๆ
กลุ่มหลานตัวน้อยก็ร้องกรี๊ด กรี๊ด สนุกสนานเหมือนกำลังผจญภัย
เดี๋ยวนี้หลานของผมคนนี้โตแล้ว จบมหาวิทยาลัย 
เป็นมือครีเอตีฟอาร์ตของบริษัทแกรมมี่ และมีลูกแล้ว ๑ คน

แต่หลานตัวน้อยคราวนี้ไม่กลัว อีกทั้งชอบคุยเรื่องราวต่างๆให้ฟัง
ผมเลยอยากคุยเล่นด้วย เขาชอบเล่นวาดรูปกับผม
เวลาไปที่พักผมก็ชอบและสนใจรอบตัวไปหมด
ผมก็เลยคิดเอาตามเหตุผลว่าหลานน่าจะชอบและจำกันได้
เลยบอกว่าไปเที่ยวบ้านลุงเหอะ แล้วก็อยู่กับลุงสักอาทิตย์หนึ่ง
ไม่ !!!!!  หลานตอบอย่างไม่ลังเลทุกครั้งที่ชวน

สักพักผมก็ลองใหม่ เวลาผมวาดการ์ตูนและพากย์พรรณาไปด้วยเขาจะชอบ
ผมก็เลยบอกว่า "มอมแมม....ลุงต้องการความช่วยเหลือ" ผมทำท่ากระซิบกระซาบแบบให้รู้กันแค่สองคน
"ลุงอยากขอให้มอมแมมไปเป็นอัศวินให้ลุงสักหน่อย....สักสองอาทิตย์"
"บ้านลุงมีมังกรไฟมากวน ลุงมีดาบวิเศษสองเล่ม แต่ก็สู้มันไม่ได้"
"มันต้องอัศวินเก่งๆอย่างมอมแมม ถึงจะสู้กับมันได้"

ผมไม่เคยคุยเล่นกับเด็กๆอย่างนี้
ก็ว่าไปเรื่อย แต่งเรื่องแบบหลุดโลกไปเล่นๆ
เอาเค้ามาจากนิยายอัศวิน'ดอนกิโฆเต้' แห่งลามันช่า

แต่ปรากฏว่ากลับได้ผลอย่างไม่ได้คาดคิด หลานตัวน้อยหยุดกึก
ถามผมว่า "ลุงมีดาบวิเศษด้วยหรือ" ผมทำท่ากระซิบ บอกว่า "มี...มีสองเล่มด้วย"
"มอมแมมจะใช้ปืน ใช้ปืนยิงมันเลย .....!!!!!"
เลือดอัศวินมาจริงๆครับ แถมโหดเหี้ยมมากอีกด้วย
"ไม่ได้ ปืนเอาไม่อยู่หรอก ..."  ผมบอก "ต้องดาบ ดาบวิเศษเท่านั้นถึงจะเอาอยู่"


เจ้าหลานทำท่านั่งคิดใคร่ครวญอย่างน่าหมั่นไส้
ทำนองว่าขอเตรียมการสักระยะหนึ่งก่อน
ผมเลยนั่งอุ้มและคุยกับอัศวินของผมต่อไปอีกหลายเรื่อง
เราวางแผนกันใช้ดาบวิเศษไปสู้กับมังกรไฟใจร้าย
คุยไปก็สนุกครับ สนุก ขำมุขตัวเองไปด้วย
เหมือนมีเด็กอีกคนหนึ่งอยู่ในตัวเราที่ผมเองก็ไม่เคยเห็น 

ผมเพิ่งได้บทเรียนอย่างหนึ่งที่ดีมากอย่างยิ่งว่า
การคิดเอาด้วยความรู้เกี่ยวกับเด็กนั้น
ไม่สามารถเข้าถึงและรู้จักกับพลังเยาวภาพของเด็กๆได้
ต้องออกมาจากจิตใจที่เป็นเด็กของเรานั่นเลย

หมายเลขบันทึก: 441294เขียนเมื่อ 29 พฤษภาคม 2011 11:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:44 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

จริงด้วยครับ ผมใช้การหลอก(ล่อ)ให้เด็กเรียนรู้ โดยเอาเรื่องที่เด็กเล็กๆๆ สนใจมาเดินเรื่อง ไม่ว่าอัศวินที่เขาดูจากทีวีหรือ จากหนังสือ ผมพบว่าเด็กบางคน ทำท่าคมแฝก ได้เหมือนดาราในทีวีจริงๆครับ ...

แต่ผมชอบหลอกเด็กๆๆโดยใช้ของในไร่ที่เขาไม่เคยเห้นเช่นใช้ ก้านกล้วย ทำม้า ทำปืน เด็กสมัยใหม่จะทึ่งมาก แค่ใช้ก้านมะกอเอามาเป็ที่ลูกดอกเป่า ใช้ดอกหญ้าเป็นลูกดอก เด็กๆๆในเมืองชอบมากๆๆ

เป็นของเล่นและการเล่นที่พัฒนาเด็กให้มีทักษะปฏิสัมพันธ์ด้วยมากเลยนะครับ
ให้ประสบการณ์ชีวิตและปลูกฝังวิธีคิดได้ดีด้วย

กราบนมัสการท่านพระอาจารย์มหาแลครับ ขอขอบพระคุณดอกไม้และกำลังใจครับผม ตอนนี้โปรแกรมเข้ามาเขียนยากครับ แล้วก็กำลังทำงานวุ่นอยู่น่าดูเหมือนกันครับ

พลังจินตภาพของเด็ก ๆ บอกอะไรบางอย่างกับเราได้มากมายเลยทีเดียวครับอาจารย์

คืนหนึ่ง..ลูกๆ คิดสนุก แอบจะเอ๋ะพ่อระหว่างทางเข้าบ้าน

ปกติลูกสาว ไม่ค่อยเล่นแบบนี้ สักเท่าไหร่

...แต่พลังจินตนาการ ของเด็ก ๆ สร้างสรรค์ขึ้นได้ในเวลาไม่นานนัก

แรงจูงใจอะไรบางอย่างพาไป จริง ๆ ครับ

การสร้างสรรค์ จินตนาการวัยนี้ส่วนหนึ่ง เกิดขึ้นกับตัวตนของเด็กๆ เอง

ผมจึงเชื่อเช่นอาจารย์ ครับ

การสามารถเข้าถึงและรู้จักกับพลังเยาวภาพของเด็กๆได้
ต้องออกมาจากจิตใจที่เป็นเด็กของเรานั่นเลย

การใส่พลังจิตภาพที่ดี จึงมีส่วนสร้างพลังที่สร้างสรรค์ ให้เด็ก ๆ ได้จริง

ตามที่อาจารย์เขียนไว้

ขอบคุณ บันทึก ดี ดี เช้านี้ที่ได้อ่านครับ

มาอ่านบันทึกอาจารย์สองเรื่องติดกันได้ยิ้มน้อยๆกับเรื่องแรกคือการติดต่อแจ้งโทรศัพท์เสีย และเรื่องนี้ได้หัวเราะเลยค่ะ นึกภาพตามไปด้วย และได้เห็นภาพลูกๆคุณแสงแห่งความดีที่ช่างจินตนาการรู้สึกอารมณ์เบิกบานมากเลยค่ะ เด็กๆเขามีจินตนาการมากเขา จึงสบายๆ ใสๆ เบาๆ ผู้ใหญ่พอความรู้มีมากไปกดทับความเป็นเด็กในตัวเองทำให้จินตนาการมีจำกัดนะคะ หากผู้ใหญ่ทำงานศิลปะก็ยังดีที่ยังได้ให้อาหารเด็กน้อยในตน ส่วนใหญ่ผู้ใหญ่จะลืมตรงนี้กันไปหมด แล้วไปเคี่ยวเข็ญเด็กให้ใช้เหตุผลแบบเรา

  • น่ารักค่ะ อ่านไปยิ้มไป
  • คุยกับเด็กต้องใช้จินตนาการเยอะ (คิดถึงสมัยคุยกับลูกตอนเล็กๆ ค่ะ)

เห็นรูปลูกๆของคุณแสงแห่งความดีที่เตรียมมาหลอกจ๊ะเอ๋พ่อแล้วก็น่าเอ็นดูและน่าขำดีนะครับ น่ารักดี นึกถึงน้องๆหลานๆเวลามาทำแลบลิ้นผลิ้นตาหลอกได้เลย แล้วเวลาเขาหลอกอย่างนี้นี่ หากเราไม่กลัวก็จะร้องไห้ใส่อีก ก็ต้องทำท่ากลัวหัวซุกหัวซุนเลยนะเนี่ย

สวัสดีครับ ดร.ยุวนุชครับ
ดูลูกชายของคุณแสงแห่งความดีนี่ พอเห็นแล้วก็ร้องฮ้อเลยนะครับ สำเนาถูกต้องเลยนะนี่

สวัสดีครับคุณ nui ครับ
เมื่อไม่นานมานี้ วันหนึ่งระหว่างทางเดินออกไปหน้าหมู่บ้าน ผมก็เห็นกลุ่มเด็กชายตัวเล็กๆ ๓-๔ คน น่าจะในวัยเหมือนในรูปของลูกคุณแสงแห่งความดีเห็นจะได้ เขาเดินเตร่อยู่รอบๆต้นไม้ข้างทาง แล้วก็คอยบอกคนที่ผ่านไปมาว่า ลุง ป้า น้า อาว์ ครับ อย่าเข้าไปใกล้ต้นไม้ต้นนี้ มันมีรังแตนครับ พอผมผ่านไปก็เช่นกัน พวกเขาก็รีบส่งกองหน้ามาบอกว่าอย่าผ่านไปใกล้ต้นไม้ มันมีแตน

ผมลองเดินเข้าไปดูก็ปรากฏว่ามีจริงๆเสียด้วย แต่มันอยู่ไกลพอสมควร ดูแล้วก็ไม่อันตราย เว้นเสียแต่ใครจะจงใจไปแหย่รังของเขา ทว่า ผมก็ให้ความร่วมมือกับพวกหนูๆของเรา เพราะมันไม่ใช่แค่อยู่ที่รังแตนเสียแล้ว แต่อยู่ที่กลุ่มเด็กๆเขากำลังเรียนรู้ความเป็นพลเมืองดีของพวกเขา พวกเขากำลังดูแลผู้คนรอบข้าง ผมก็เลยบอกทำนองว่าเห็นทีลุงจะต้องเดินหลบไปไกลๆ ประเดี๋ยวมันจะต่อยลุง ลุงคงจะแย่

เจ้าตัวเล็กตัวหนึ่งเลยเดินไปกับผมแล้วคุยถึงความน่ากลัวของแตนให้ผมฟังใหญ่ "มันต่อยหัวหนูด้วย" เจ้าหนูทำหน้าตาขึงขัง ผมเลยทำท่าหวาดเสียว ถามว่าตรงไหน เขาก็พยายามแหวกขนหัวตั้งๆหรอมแหรมๆ ให้ผมดู ผมก็ให้นึกเอ็นดู เพราะรู้อยู่ว่าหากเจ้าหนูโดนต่อยจริงๆนั้น แม้สักตัวเดียวหนูก็คงล้มกลิ้งไปแล้ว ขนาดผู้ใหญ่ หากโดยแค่ ๒-๓ ตัวก็ต้องไข้กินหัวโกร๋นไปหลายวัน แต่ก็ทำท่าเลื่อมใส ให้เจ้าหนูน้อยอารักขาผมจนผ่านต้นไม้นั้นไป ดูแล้วก็น่ารักดี เป็นรอยยิ้มของโลกที่สอดแทรกอยู่ในแต่ละวันของเรา

สวัสดีครับอาจารย์ขจิตครับ
แวะเข้าไปดูนกอาจารย์แล้วครับ บรี๊อออ น่ากัว ฮ่า 

พาครอบครัวมาเยี่ยมอาจารย์วิรัตน์ นะครับ

ด้วยความรักและเคารพ

เป็นครอบครัวที่น่ารักดีจัง
เจ้าหนุ่มน้อยที่ประสบอุบัติเหตุนั้น ตอนนี้หายดีแล้วกระมังครับ
มีความสุขและได้เห็นความงอกงามในชีวิตเกิดขึ้นอยู่เสมอครับ

๔ พะหนอ ๔ วัย กับยามเย็นที่ท้องฟ้าเริ่มครึ้ม ..

พ่อโม่ง : อูย.. ฟ้าแลบ ฟ้าแลบ ลูกมอมแมม
แมมมอธ : พ่อ พ่อ ลิ้นเทวดาใหญ่มั๊ย?
พ่อโม่ง : อือม์ เอ่อ ?!?!?? (เกาหัว แกรก แกรก)
ป้าเหมียว : ว่าที่ ดร. คิดหนักเลยเหรอ คงต้องระดับท่าน ผศ.ช่วยตอบหล่ะมั๊ง
แมมมอธ : ป้าเหมียว (ซวยแล้ว) ลิ้นเทวดาใหญ่มั๊ย??
ป้าเหมียว : แมมมอธครับ คำถามนี้เป็นประเด็นสาธารณะที่สำคัญต้องถามลุงม่อยนะครับ
แมมมอธ : ลุงม่อยครับ ลิ้นเทวดาใหญ่มั๊ย??
ลุงม่อย : ............. (ท่าทางจะยังแต่งเรื่องไม่ทัน) ^^"

(ทุกวันนี้แมมมอธคงเฝ้ารอคอยคำตอบข้อนี้ของเค้าอยู่)

ใช่ ใช่ แต่งไม่ออก ไปไม่ถูกเลยละครับ นี่เพิ่งเข้ามาเห็นนะครับเนี่ย
แต่เรื่องนี้วนเวียนเข้ามาให้คิดในหัวตลอด ยังแต่งไม่ออก คิดๆแล้วก็ขำ
ก็ผมเคยเล่าเรื่องพญามังกรให้เขาฟัง แล้วพ่อของเจ้าหนูเขาก็เคยอธิบายฟ้าร้องฟ้าผ่าให้เจ้าหนูจำไว้ได้ว่าเกิดจากเทวดาแลบลิ้น พอคุยๆเรื่องมังกรอยู่ ข้างนอกก็กำลังครึ้มฟ้าครึ้มฝน จู่ๆพอฟ้าแลบแปลบปลาบ เจ้าหนูน้อยก็ดันหันมาถามคั่นเรื่องพญามังกรว่าลิ้นเทวดาใหญ่ไหม ฮ่าาา ไบ้กินกันทั้งรถเลย ไปไม่ถูก

สวัสดีค่ะ ท่านอาจารย์วิรัตน์

อ่านเรื่องที่อาจารย์เล่าก็ทำให้คิดถึงตอนเราเป็นเด็ก...

เคยมองคุณยายคนหนึ่งเป็นปอบผีฟ้า แล้วไม่ได้คิดคนเดียว บรรดาเพื่อนเราก็คิดว่าคุณยายคนดังกล่าวเป็นปอบผีฟ้า เวลาต้องเดินผ่านคุณยาย หรือไปแถวบ้านคุณยาย ต้องเตรียมขวัญและกำลังใจที่จะไปสู้กับปอบผีฟ้า ประมาณวิ่งกันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะวิ่งได้ในตอนนั้น

ตอนนี้เมื่อเรากลายเป็นผู้ใหญ่การเล่นกับเด็กของครูนกไม่ยากเท่าไร อาจจะเพราะเราเป็นครูหรือเปล่าก็ไม่ทราบ พร้อมจะไหลไปสู่โลกจินตนาการของเขาได้ จะเป็น elastic man หรือ super man เราก็พอจะเกาะติดจินตนาการเขาไปได้ค่ะ

ขอบคุณอาจารย์มากๆค่ะที่นำเรื่องน่ารักๆ มาเล่าสู่กันฟัง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท