หากว่ามนุษย์โลกมีอายุขัยเฉลี่ยทั้งชาย หญิงเท่ากับประมาณ 70 ปี คนรุ่นเราๆ ก็คงใช้ชีวิตมาได้ครึ่งชีวิตแล้ว ดิฉันเองบางครั้งก็รู้สึกสะท้อนใจทุกครั้งที่นึกถึงความหลัง 20 กว่าปีที่แล้วเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ครูบาอาจารย์สอนให้เราเรียนรู้ที่จะกินอยู่ตามธรรมชาติ สอนเราว่าฤดูกาลไหนที่ธรรมชาติจะผลิดอกออกผลแก่เรา สอนให้เราเฝ้ารอคอยและเห็นคุณค่า ผลพลอยได้ก็คือเราประหยัดเงินในการซื้อหาผลไม้อาหารตามฤดูกาล 5-10 ปีหลังจากนั้น เราเริ่มรู้จักคำว่า การผลิตผลไม้นอกฤดูกาล อดทึ่งในความชาญฉลาดของมนุษย์ไม่ได้ ใจหนึ่งก็ดีใจว่าเราจะไม่ต้องคอยนานอีกต่อไป และก็ยินดีกับเกษตรกรที่ต่อไปนี้คงลืมตาอ้าปากได้สักที 5 ปี ผ่านไปผลพลอยได้ที่ยิ่งใหญ่ จากการคิดค้น คือ เกษตรกรยังจนเหมือนเดิม แต่คนกลับไม่รู้จักคำว่า...รอคอย
ดิฉันเริ่มเข้าใจคำว่า สูญพันธุ์ จากการเปรียบเทียบ และสงสัยขึ้นมาเองอย่างคนโง่ บางทีไดโนเสาร์อาจไม่ได้สูญพันธุ์เพราะเหตุผลอุตกาบาตตกใส่โลกเพียงอย่างเดียว เพราะจากร่องรอยประวัติศาสตร์มีไดโนเสาร์กระจายอยู่ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย แต่ทั้งที่ประเทศไทยก็ไม่ได้โดนเจ้าอุกกาบาตถล่มในครั้งนั้น ใยไดโนเสาร์บ้านเรายังเอาชีวิตมาไม่รอด ถ้าเชื่อตามกฎชาร์ลส์ ดาร์วิน ที่ว่าสิ่งมีชีวิตจะปรับตัวไปตามธรรมชาติ โดยการปรับตัวหรือกลายพันธุ์ ทฤษฎีนี้ทำให้เกิดแนวคิดที่ว่าคนมาจากบรรพบุรุษที่เป็นเอป ไม่ใช่อาดัมและอีฟ ที่พระเจ้าสร้างมาและเป็นที่น่าสังเกตุว่าลิงก็ยังอยู่คู่โลกไม่ได้หายไปไหน ถ้าเช่นนั้น เหตุใด ไดโนเสาร์บางสายพันธุ์จึงไม่ปรับตัวบ้าง
เหตุผลหนึ่งที่ดิฉันแอบคิดเล่นๆว่า บางทีไดโนเสาร์อาจสูญพันธู์เพราะการทำลายล้างของมนุษย์ เนื่องจากมันไม่เชื่องพอที่จะเลี้ยงมันไว้ใช้งานได้ บางทีเป็นอันตรายมากกว่านั้น เวลาที่มันหิวและรู้ว่ามนุษย์กินได้ มนุษย์เราจึงต้องทำลายมันก่อนที่มันจะทำลายเรา หากเมื่อคำนวณเวลาแล้ว เราใช้เวลาฆ่ามันใน 1 วัน แต่มันใช้เวลาก่อกำเนิดและเติบโตเป็น 100 ปี แบบนี้มันจะโตทันเราได้อย่างไร เหมือนอย่างที่ช้างในบ้านเราก็ลดลงเหลือน้อยเต็มที่เพราะปัจจุบันเครื่องจักรมีกำลังแรงกว่า กินอาหารน้อยกว่า ไม่ต้องเลี้ยงดู ควายก็ถูกลิสอยู่ในรายการ สัตว์หายาก รายต่อไป เป็นที่น่าสังเกตุว่าสิ่งใดๆที่โลกใช้เวลาในการสร้างหรือให้กำเนิดนาน ไม่ทันกับการทำลายล้างเพียงไม่กี่นาที แต่สัตว์เล็กที่มีช่วงชีวิตสั้นๆกลับรักษาชาติพันธุ์ของมันได้ดีกว่า สาเหตุง่ายๆ เพราะมนุษย์ทำลายมันไม่ทันน่ะเอง(มันชิงตายก่อนแต่แอบออกลูกออกหลานไว้ทีละเยอะๆ)
ปัญหาจากความต้องการใช้น้ำมันเกิดขึ้น เพราะโลกใช้เวลาสร้างนับ 100 ปี แต่คนเผาผลาญเพียงไม่กี่ชั่วโมง การหาพลังงานทดแทนจึงถูกนำมาคิดค้นอย่างเร่งด่วน ด้วยวิธีนานาชนิด ให้เพียงพอกับความต้องการ ที่ไม่มีวันสิ้นสุดและไม่เคยนึกถึงผลกระทบ เราเห็นประโยชน์ของการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ก่อนที่จะเห็นโทษมหันต์เวลาที่มันเกิดการแพร่กระจายของกัมมันตรังสี เราเห็นประโยชน์จากการสร้างเขื่อนและโรงไฟฟ้าก่อนที่จะเห็นปลาบึกเกยตื้นและเรือสินค้าเราบรรทุกของได้น้อยลง ในลุ่มน้ำโขง
ดิฉันเองเริ่ม รับรู้ว่ามนุษย์มีช่วงชีวิตสั้นลง จากที่บรรพบุรุษปู่ย่าตาทวด เราเคยมีอายุกันถึง 100 ปี แต่บัดนี้เหลือประมาณ 70-80 ในสตรี และ 68-72 ในบุรุษ ดิฉันเริ่มมองเห็นข้อสนับสนุนของทฤษฎีการปรับตัว ว่ามนุษย์หากยังมีอายุยืนยาวถึง 100 ปีเช่นเดิม อีกไม่นานก็จะสูญพันธุ์ หรือ จะยังอยู่คู่โลกต่อไป แต่มีอายุขัยเหลือเพียง 7-15 วัน เหมือนแมลงทั่วไป ถึงเวลานั้นเราทุกคนคงใช้พลังงานกันน้อยลง และธรรมชาติมีเวลาที่จะผลิตน้ำมันลอตต่อไป
อ่านด้วยความสนใจ แต่อายุคงไม่เป็นไปตามที่คิดเพราะถูกกำกับด้วยยีน
ขอบคุณที่คิดนอกกรอบน่าคิดน่าติดตาม