"ฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้" เกิดจากความร่วมมือของคน 2 คน ที่ยกเว้นการมี "ความชอบความสนใจในการปลูกดูแลต้นไม้เหมือนกัน" แล้ว ที่เหลือพูดได้ว่าแตกต่างกันประมาณ 90 % ตัวอย่างเช่น ผลจากการทำแบบสำรวจสมองซีกเด่น (Hemispheric Dominance Inventory) พบว่า คนหนึ่ง (ชาย) เป็นคนสมองซีกซ้าย (Left-brained Dominant) อีกคน (หญิง) เป็นคนสมองสองซีก (Whole-brained Dominant) ซึ่งนั่นก็นำมาซึ่งความแตกต่างของลักษณะการรับรูู้ การคิด และความถนัด ยกตัวอย่างเล็กๆ เช่นคนหลังที่กล่าวถึงสามารถเล่นดนตรีหลายๆ อย่างได้โดยที่อ่านโน้ตไม่เป็น ร้องเพลงได้โดยไม่เพี้ยน (เคยเป็นนักร้องวงสโมสรอาจารย์ทั้งที่วิทยาลัยครูสุรินทร์ และวิทยาลัยครูอุบลฯ) และจำเนื้อเพลงในอดีตได้นับร้อยเพลง (ซึ่งเป็นความถนัดที่เกิดจากการทำงานของสมองซีกขวา) ในขณะที่คนแรกที่กล่าวถึง แม้แต่หายใจยังเพี้ยน จำเนื้อเพลงไม่ได้แม้แต่เพลงเดียว ยกเว้นเพลงชาติไทย (ถ้าจะให้แน่ใจต้องทดสอบ) และแยกไม่ออกว่าเพลงที่เพราะและไม่เพราะมันแตกต่างกันตรงไหน
หญิงที่กล่าวถึง คือ เราเอง ผศ.วิไล แพงศรี จบการศึกษา ป.กศ.สูง (ภาษาอังกฤษ) ปีการศึกษา 2513 จากวิทยาลัยครูอุบลฯ จบ กศ.บ. (ภาษาอังกฤษ) ปีการศึกษา 2515 จากวิทยาลัยวิชาการศึกษามหาสารคาม และจบ กศ.ม. (การแนะแนว) ปีการศึกษา 2519 จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร เรียนปริญญาเอก (Ph.D) ทั้งในออสเตรเลียและในไทย (วท.ด.) อย่างทุ่มเท (รู้สึกว่าเธอจะทุ่มเทในทุกอย่างที่ทำ) แต่มีเหตุที่ทำให้ไม่จบ (มีรายละเอียดในประวัติค่ะ) ยังปฏิบัติราชการอยู่ที่คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลฯ เพื่อนๆ ที่เรียนรุ่นเดียวกันทยอยเกษียณอายุราชการกันมาตั้งแต่ปีงบประมาณ 51 เราเองจะเกษียณปี 55 (ปกติตามธรรมเนียมฝรั่งจะต้องกล่าวถึงคนอื่นก่อนเพื่อเป็นการให้เกียรติเช่น ใช้คำว่า "You and I" แต่นี่อยู่ในเมืองไทยต้อง "Ladies First"...ฮิฮิ...จริงๆ แล้ว เรื่องของชายมันยาวกว่า เลยเอาไว้เล่าทีหลัง) ชายผู้นั้นก็คือ ผศ. สรศักดิ์ แพรดำ ข้าราชการบำนาญ อดีตผู้ช่วยศาสตราจารย์ ภาควิชาหลักสูตรและการสอน คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี จบการศึกษา กศ.บ.วิทยาศาสตร์ภาคพิเศษ จากวิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตร และ กศ.ม.เทคโนโลยีการศึกษาภาคพิเศษ ปี 2536 จาก มหาวิทยาลัยมหาสารคาม แต่สอนพฤติกรรมการสอนวิทยาศาสตร์ เกษียณอายุราชการในปีงบประมาณ 2547 และได้ตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตหลังเกษียณอยู่ในชนบท และทำการเกษตรในที่ดิน 10 ไร่ (ซื้อไว้ร่วมกับ ผศ.วิไล แพงศรี จากการร้องขอให้ช่วยซื้อของคนคุ้นเคยที่มีความเดือดร้อน) ท่ามกลางการทักท้วงของกลุ่มก๊วนทุกคน ทั้งที่เกษียณก่อน เกษียณในปีเดียวกัน และเกษียณทีหลัง โดยให้เหตุผลว่า ไม่มีใครทำการเกษตรหลังเกษียณแล้วประสบความสำเร็จ ทำไมต้องทำให้ตัวเองลำบาก ใช้ชีวิตสบายๆ ในเมืองไม่ดีกว่าหรือ ที่ชนบทน่ะไกลหมอและก็ต้องไปอยู่คนเดียวเจ็บป่วยขึ้นมาจะทำยังไง แต่ผศ.สรศักดิ์ก็ได้ตัดสินใจแล้ว โดยไม่ได้มุ่งหวังที่จะทำการเกษตรเพื่อรายได้เพราะไม่มีภาระ ลูกๆ ก็จบการศึกษามีงานทำ (เป็นวิศวกร 2 คน เป็นหมอ 1 คน) และมีครอบครัวมั่นคงกันไปหมดแล้ว ทรัพย์สินอื่นๆ ที่มีอยู่ก็โอนให้ลูกหมดแล้ว (เหลือรถคันเดียวและเงินในบัญชีส่วนตัวจำนวนหนึ่ง) ไม่มีอะไรให้ห่วงใย ต้องการ "ทำเกษตรแบบพอเพียง" เพื่อให้ได้ใช้ชีวิตในแนวที่ชอบ และได้อยู่ในที่ๆ มีอากาศดี จึงได้ใช้เงินเกือบทั้งหมดที่ได้มาตอนเกษียณ เป็นค่าใช้จ่ายในการบุกเบิกถากถางทำฟาร์มที่เจ้าของเดิมทำแล้วไปไม่รอดเพราะสู้กับสภาพดินทรายที่ไม่อุ้มน้ำไม่ไหว ฟาร์มที่สร้างขึ้นมาใหม่ฝ่ายหญิงให้ชื่อว่า "ฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้" หมายถึง ฟาร์มที่มีบรรยากาศอบอวลไปด้วยไอดินและกลิ่นพฤกษานานาพันธุ์
"ฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้" ตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ 16 หมู่ที่ 12 บ้านหนองฝาง ตำบลโพธิ์ใหญ่ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี อยู่บนเส้นทางหลัก ที่ตัดทลุจากถนนเส้นอุบล-เดชอุดม (เลี้ยวเข้าตรงถนนข้างโรงเรียนบ้านศรีไค) ไปยังถนนเส้นอุบล-พิบูลมังสาหาร (เลี้ยวเข้าตรงกม.ที่ 18 บ้านคำนกเปล้า) ฟาร์มจะอยู่ห่างจากถนนใหญ่ประมาณ 12 กม. ทั้ง 2 ด้าน (และห่างจากมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีประมาณ 13 กม.) เป็นทางลาดยาง (และลาดซีเมนต์ในช่วงที่ผ่านหมู่บ้าน) เหลือที่เป็นลูกรังประมาณไม่เกิน 3 กม. ทั้ง 2 ด้าน บริเวณที่สร้าง "ฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้" เดิมเป็นป่าละเมาะ ได้ทำการไถปรับพื้นที่แล้วยกร่องเพื่อปลูกมะม่วงขนาด 2 ไร่ มะขามเทศ มะนาว แก้วมังกร และมะกอกน้ำ อย่างละ 1 ไร่ สมุนไพร 1 งาน และขุดบ่อเลี้ยงปลาขนาด 2 งาน จำนวน 1 บ่อแล้วนำดินที่ได้จากการขุดไปถมเพื่อยกระดับพื้นที่ขนาด 1 งานเพื่อปลูกบ้าน เนื้อที่ที่เหลือ ใช้สร้างโรงรถ สนามเปตอง (พ่อใหญ่สอเป็นนักกีฬาเปตองของ มรภ.อุบลฯ จนเกษียณ และกลุ่มก๊วนชอบเล่นเปตอง เราเองเคยเป็นแชมป์เปตองคู่ผสมสถาบันราชภัฏภาคตะวันออกเฉียงเหนือและเป็นรองแชมป์แบ็ตมินตันหญิงคู่) เรือนเพาะชำ อาคารอเนกประสงค์ โรงปุ๋ย คอกวัว เล้าไก่–เป็ด–ห่าน พร้อมที่จอดรถผู้มาเยี่ยมฟาร์ม รวมประมาณ 3 ไร่
ตอนที่ไปอยู่บ้านหนองฝาง ผศ.สรศักดิ์ถูกเราเรียกว่า "พ่อใหญ่สอ" เพื่อให้สอดคล้องกับที่ชาวบ้านมักจะเรียกคนอายุ 50 ปีขึ้นไปว่า "พ่อใหญ่/แม่ใหญ่" ชาวบ้านทุกเพศทุกวัยเรียกแกว่า "อาจารย์" ชาวบ้านผู้ชายจะเรียกเราว่า "อาจารย์" แต่ผู้หญิงและเด็กจะเรียกเราว่า "แม่ครู" ซึ่งเราจะชอบคำหลังมากกว่า ในปลายปี 2548 พ่อใหญ่สอได้ (แอบ) ซื้อที่เพิ่มอีก 30 ไร่ เพื่อทำสวนยาง (ดังภาพข้างล่างซึ่งเป็นที่ที่จ้างไถปรับพื้นที่ไปแล้ว 1 ครั้ง...กว่าจะได้ปลูกต้องไถรวม 3 ครั้ง) แกคงจะลืมไปว่าตัวเองอายุ 61 ปีแล้ว ซึ่งน่าจะเป็นวัยที่ไม่เหมาะกับการทำสวนยาง ถ้าเรารู้ก่อนคงไม่ให้ซื้อ อีกอย่างก็ไม่อยากให้แกต้องมีภาระหนักเกินไป ซึ่งแกก็รู้จึงได้แอบซื้อ โดยให้เหตุผลว่า "ไม่ใช่ว่าจะทำสวนยางเพื่อหวังความร่ำรวยอะไร แต่ต้องการสร้างความชุ่มชื้นให้กับบ้านหนองฝางที่แห้งแล้งและมีฝนตกน้อย ถ้าเราตายไปโดยที่ยังไม่ได้ประโยชน์จากสวนยาง ต้นยางที่เราปลูกก็จะเป็นประโยชน์คือให้ความชุ่มชื้นกับหมู่บ้าน"
ผลงานที่ประสบความสำเร็จมองเห็นเป็นรูปธรรมเป็นอย่างแรก และเป็นสัญลักษณ์ของฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้ก็ว่าได้ คือ สวนแก้วมังกร ขนาด 1 ไร่ (155 หลักๆ ละ 4 ต้น รวม 620 ต้น) ซึ่งปลูกบริเวณด้านหน้าฟาร์มทางทิศตะวันตก ส่วนใหญ่จะเป็นพันธุ์สีแดง นำกิ่งพันธุ์มาจากอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งใจจะปลูกไว้รับประทานเองเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ และฝากญาติ ฝากเพื่อนร่วมงาน เจ้าหน้าที่ในที่ทำงานของเราเอง และฝากญาติของพ่อใหญ่สอ/มิตรของพ่อใหญ่สอที่เกษียณแล้วและใช้ชีวิตอยู่ในเมือง ฝากครู-นักเรียนโรงเรียนบ้านหนองฝาง และผู้สูงอายุในบ้านหนองฝาง เหลือกินเหลือฝากจึงจะขายตามที่มีคนสั่งซื้อ ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่จะไม่พอขายเพราะราคาถูกกว่าท้องตลาด แต่รสชาติดีกว่าและไม่มีพิษภัยเพราะปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ ใส่ปุ๋ยชีวภาพ (โบกาฉิ) ที่ฟาร์มผลิตเอง "เป็นการทำการเกษตรที่ไม่คิดต้นทุน ผลที่ได้จึงเป็นกำไรทั้งหมด" ไม่ว่าจะเป็นกำไรจากการได้ออกกำลังกายในการดูแลตัดแต่งกิ่งและเก็บผลแก้วมังกร จากการได้รับประทานผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพ และจากความสุขใจที่ได้รับ คือ ความสุขจากการเป็นผู้ให้ และความสุขจากการที่ได้ตื่นขึ้นมาในเวลาตี 4 เพื่อต้อนรับดอกแก้วมังกรที่บานละลานตาภายใต้แสงจันทร์ขาวนวลในคืนเดือนหงาย และสายลมที่ลูบไล้ผิวกายแผ่วละมุน...ความสุขใดจะเสมอเหมือน.....
โปรดติดตามตอนต่อๆ ไป... ขอบพระคุณค่ะ
ขอขอบพระคุณ คุณครูอิน แห่งเมือง "เหล็กน้ำพี้ลือเลื่อง เมืองลางสาดหวาน บ้านพระยาพิชัยดาบหัก ถิ่นสักใหญ่ของโลก" สมาชิกท่านแรกที่เข้ามาให้กำลังใจและให้ความเห็นในบันทึกนี้ คุณครูดูจะเป็นคนที่หาความสุขได้ไม่ยากจากการเป็นผู้ที่คิดเชิงบวก (Positive Thinker) นะคะ "หลักการทำงานของคุณครูคือ ทุ่มเท เสียสละ ให้โอกาส" เป็นหลักที่น่าชื่นชมจริงๆ ค่ะ ถ้าข้าราชการไทยได้ใช้หลักนี้ในการทำงาน ประเทศของเราคงจะเดินหน้าไปด้วยดีมากกว่านี้
เราจะตื่นเต้นและปลาบปลื้มยินดีทุกครั้งที่มีสมาชิกเข้ามาให้กำลังใจ และ/หรือให้ความเห็น เพราะเป็นสมาชิกใหม่ ( 2 เม.ย. 54) ยังไม่ถึงเดือน (ดูประวัติของสมาชิกเครือข่ายแต่ละท่านแล้ว ล้วนเป็นสมาชิกกันมานานทั้งนั้น ส่วนใหญ่เป็นมาตั้งแต่ปี 48 อย่างคุณครูอินนี่ก็ปี 50) และเป็นครั้งแรกที่เราสมัครเป็นสมาชิก Blog โดยที่มีความรู้เกี่ยวกับ Blog น้อยที่สุด อาศัยการเรียนรู้ด้วยตนเองทาง Internet แบบลองผิดลองถูก (ตามประสาอาจารย์อาวุโสที่ "ทักษะ IT ไม่ให้ แต่ใจรัก") ซึ่งก็มีปัญหามากเพราะพื้นฐานด้าน IT ไม่ค่อยดี ซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องแรกให้ลูกตอนลูกชายเรียนอยู๋ม.4 (ปี 38) หวังจะให้เขาช่วยสอน แต่ยังไม่ได้เริ่มเรียนเขาก็หนีไปเรียนมหาวิทยาลัยก่อนตอนเรียนจบม.5 (สอบเอาวุฒิม.6 จากกศน.) ถ้าสมาชิกที่มีความรู้และประสบการณ์จะกรุณาให้คำแนะนำด้าน IT อย่างเช่น อาจารย์ลูก ดร.ขจิต ฝอยทอง จากม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ก็จะขอบพระคุณมากค่ะ
เป็นความงดงาม สงบ ทางเลือกของชีวิตที่หลายต่อหลายคน รวมท้ังตัวฉันด้วย ใฝ่ฝันค่ะ ขอบคุณที่กรุณานำมาแบ่งปันเพื่อเป็นกำลังใจค่ะ
มืองแห่งดอกบัวงาม แม่น้ำสองสี
มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน
ถิ่นไทยนักปราชญ์ ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม
งามล้ำเทียนพรรษา ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์
คำขวัญของจังหวัดอุบลราชธานี ที่สะท้อนให้เห็นภาพแผ่นดินแห่งอารยธรรมชุมชนเกษตรกรรมเก่าแก่ของโลก แหล่งรวมความหลากหลายทางวัฒนธรรม เชื้อชาติเผ่าพันธุ์ ศูนย์กลางการเมืองการปกครอง รากฐานพุทธศาสนาแห่งภาคอีสาน
ดินแดนตะวันออกสุดของประเทศที่พระอาทิตย์ขึ้นก่อนใคร ผืนป่าระหว่างรอยต่อระหว่างไทย ลาว กัมพูชาก่อเกิดความหลากหลายของพืชพรรณ สัตว์ป่า เป็นเมืองแห่งแม่น้ำ จุดบรรจบระหว่าง โขง ชี มูล สายเลือดหลักหล่อเลี้ยงผืนดินอุบลราชธานี ให้อุดมด้วยข้าวปลาอาหาร งานหัตถกรรม ผ้าทอ ล้ำค่าขนบธรรมเนียมประเพณีอันงดงาม สืบสานจากบรรพบุรุษล้านช้าง.......
..อาจารย์คะ..ดั่งน้ำทิพย์ชโลมใจ..ขอบคุณด้วยความยินดีค่ะ..
เช่นกันนะคะ..อยากเห็นเด็กไทยมีความเป็นแก่นแท้แห่งไทยนะคะ
เรามาร่วมด้วยช่วยกันพัฒนาให้ไปสู่จุดหมายนั้นให้ได้..ไม่นานเกินรอ..
คุณครูอิน รู้ไหมว่าตัวเองน่ะ "เป็นคนน่ารักมาก ได้สัมผัสแล้วมึความสุข" ขอบอกว่า "รักเข้าแล้ว" นะเนี่ย ข้อความที่เขียนบรรยายเกี่ยวกับเมืองอุบลฯ น่ะเขียนเองหรือเปล่าคะ ถ้าเขียนเองทึ่งเลยแหละ ก็เขียนได้ไพเราะสละสลวยออกอย่างนี้ ...ตกลงค่ะ เรามาร่วมด้วยช่วยกันพัฒนาให้เด็กไทย "มึความเป็นแก่นแท้แห่งไทย" แต่ช่วยขยายด้วยนะคะ ว่า "มึความเป็นแก่นแท้แห่งไทย" มีพฤติกรรมบ่งชี้อะไรบ้าง ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณหนูปริม ทัดบุปผามากนะคะที่ให้กำลังใจและเข้ามาเยี่ยมชม พี่ชอบคำว่า "ความสงบ" ที่หนูใช้ พี่ใช้ชีวิตอยู่ทั้งที่บ้านในเมืองและอยู่ที่ฟาร์มค่ะ จริงๆ แล้วทั้ง 2 แห่งก็มีต้นไม้มาก บ้านในเมืองก็มีทั้งสวนหน้าบ้าน หลังบ้าน และระเบียงชั้น 2 แต่ความรู้สึกตอนที่ขับรถออกไปฟาร์มกับตอนที่ขับเข้าเมืองจะแตกต่างกันมาก (ระยะทางจากบ้านในเมืองถึงฟาร์มประมาณ 45 กม.) เวลาขับรถไปฟาร์มจะรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย ยิ่งเมื่อถึงฟาร์มแล้วก็ยิ่งรู้สึกถึงความผ่อนคลาย สงบร่มเย็น แต่เวลาขับรถเข้าเมืองจะรู้สึกถึงความเร่งรีบ ความอึกทึก สับสน วุ่นวาย และความเครียด ประวัติการศึกษาและคติชีวิตของหนูน่าสนใจมาก จบปริญาตรีจากออสเตรเลีย ปริญญาโทจากอังกฤษ ปริญญาเอกจากสิงคโปร์ แล้วก็ทำงานที่สิงคโปร์ แสดงว่าภาษาอังกฤษต้องเยี่ยมสินะคะ และประสบการณ์ก็หลากหลาย ไม่ทราบว่าหนูเคยบันทึกเกี่ยวกับการเรียน การใช้ชีวิต และการทำงานในต่างประเทศไหม ถ้ามีก็จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้อ่านมาก พี่ยังไม่ได้ติดตามอ่านบันทึกของหนู จะหาโอกาสเข้าไปอ่านในเร็วๆ นี้ค่ะ ทั้งคุณลักษณะและประสบการณ์ของหนูน่ะเป็นแบบอย่างให้กับคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดีเลยนะคะ คือ มีความใฝ่รู้ใฝ่เรียน มีความคิดเชิงบวก มีจิตสำนึกในการแบ่งปัน จบการศึกษาในระดับสูงสุด-ทำงานที่ต่างประเทศแต่มีดวงใจที่ใฝ่ธรรม คนที่เป็นพ่อ-แม่คงจะภาคภูมใจในตัวหนูมากสินะคะ
ดิฉันขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง ในมุทิตาจิตของคุณครูอัมพร ทานประสิทธิ์ที่แสดงให้เห็นหลังจากที่ได้อ่านบันทึกนี้ ผลงานทางวิชาการด้านการเขียนหนังสือ และรางวัลต่างๆ ที่คุณครูได้รับ ทั้งรางวัลครูยอดนักอ่าน และครูส่งเสริมการอ่านดีเด่น ช่างเหมาะสมจริงๆ กับตำแหน่งครูชำนาญการพิเศษสาขาภาษาไทยที่คุณครูได้รับ อยากเห็นหนังสือที่คุณครูแต่งจังเลยค่ะ ไม่ทราบได้ผลิตจำหน่ายไหมคะ ถ้าผลิตมีจำหน่ายที่ไหนคะ ดิฉันเองจะชอบเลือกซื้อหนังสือสำหรับเด็ก ทั้งที่เขียนเป็นภาษาไทย และที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษควบกับภาษาไทย เพื่อเอาไว้มอบให้หลานๆ ในโอกาสต่างๆ แต่ไปงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติในวันที่ 1 เมษายน 2554 ก็ไม่มีเวลามากพอที่จะเข้าไปดูหนังสือประเภทนี้ คุณครูเคยเขียนบันทึกเกี่ยวกับการส่งเสริมการอ่านจากที่ได้ปฏิบัติจริง ใน Blog "Gotoknow" บ้างไหมคะ ถ้าเคยดิฉันคงติดตามอ่านได้ แต่ถ้าไม่เคย อยากจะขอความกรุณาช่วยเขียนเผยแพร่เป็นวิทยาทานด้วยค่ะ ขอบพระคุณนะคะ
สวัสดีค่ะ ท่านศน.ลำดวน ไกรคุณาศัย (เรือนรื่น) แห่ง "สุพรรณบุรีเมืองยุทธหัตถี วรรณคดีขึ้นชื่อ เลื่องลือพระเครื่อง รุ่งเรืองเกษตรกรรม สูงล้ำประวัติศาสตร์ แหล่งปราชญ์ศิลปิน ภาษาถิ่นชวนฟัง" ดิฉันดูรายการโทรทัศน์เกี่ยวกับเมืองสุพรรณบุรี และบันทึกเป็น DVD ไว้หลายตอน อย่างเช่นที่เกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ผักพื้นบ้านซึ่งชอบมาก บันทึกไว้ 2 ครั้งและกำหนดไว้แล้วว่าจะต้องไปเยี่มชมของจริงให้ได้ ตอนหลังนี่ก็ได้บันทึกเกี่ยวกับพิธีเปิดพิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร (ถ้าไม่ใช่ชื่อนี้ก็ขออภัยชาวสุพรรณบุรีด้วยนะคะ) และล่าสุดได้บันทึกการแสดงในงานวันตรุษจีนซึ่งยิ่งใหญ่ตระการตามากกว่าทุกจังหวัดที่จัด นอกจากนั้นดิฉันยังมีเพื่อนบ้าน (บ้านติดกันตอนที่อยู่บ้านพักอาจารย์) เป็นชาวสุพรรณซึ่งคุณแม่ของอาจารย์ท่านนั้นมีน้ำใจนำขนมสาลี่และปลาสลิดตากแห้งไปฝากดิฉันทุกครั้งที่ไปเยี่ยมลูกชายที่อุบลฯ ตอนนี้ดิฉันก็ได้รับน้ำใจอันอบอุ่นจากคนนุ่มนวลอย่างคุณลำดวน รู้สึกซาบซึ้งใจจริงๆ ค่ะ และรู้สุึกเป็นสุขที่รู้ว่าบันทึกนี้ทำให้ท่านผู้อ่านมีความสุข ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ
โอโห อาจารย์แม่ ต้นไม้เต็มเลย อยากได้พันธุ์ต้นไม้อะไรบ้าง เผื่อมีเมล็ดจะได้ส่งไปให้ครับ...
ต้นแก้วมังกร ออกลูกเต็มเลย น่ากินมากๆๆๆ
อาจารย์แม่ดีใจสุดๆ ที่ได้เห็นหน้าอาจารย์ลูก ดร.ขจิต ฝอยทอง อีกครั้ง หลังจากที่ห่างหายไปนาน คิดว่าทิ้งอาจารย์แม่ไปซะแล้ว ..."Keep in touch, please." นี่อาจารย์แม่เพิ่งจะนำภาพเศษเสี้ยวของต้นไม้ใน "ฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้" มาให้ดูเอง อาจารย์ลูกยังร้อง "โอ้โห" ถ้าได้เห็นมากกว่านี้จะร้องว่ายังไงนะ เวลาอาจารย์แม่ไปดูต้นไม้ที่วางจำหน่ายในตลาดต้นไม้วันเสาร์-อาทิตย์ ที่อุบลฯ คนขายเขาก็จะเสนอขายต้นต่างๆ ให้ อาจารย์แม่ก็มักจะตอบว่า ต้นนี้มีแล้วค่ะ....ต้นนี้มีแล้วค่ะ....ถ้ามีต้นที่ยังไม่มีที่ฟาร์มส่วนใหญ่อาจารย์แม่ก็จะซื้อ เพราะ "ฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้" เป็นที่รวบรวมพันธุ์ไม้ทุกประเภท (เป็นกิจกรรมหลักของอาจารย์แม่ ที่ฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้) แล้วที่อาจารย์แม่ขอเม็ดตะคึกไปในบันทึกเรื่อง "ต้นตะคึก" นานมาแล้ว รับรู้แล้วยังคะ คืออาจารย์แม่ได้เข้าไปอ่านบันทึกดังกล่าวของอาจารย์ลูก เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นต้นไม้ที่ไม่รู้จัก ด้วย "จิตวิญญาณของนักล่าหาต้นไม้" อาจารย์แม่ก็เลยไปสืบค้นทาง Internet จนได้ข้อมูลว่า ต้นตะคึก เป็นพันธุ์ไม้ชนิดเดียวกับ "ต้นพฤกษ์ หรือต้นจามจุรีสีทอง หรือต้นมะรุมป่า" ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดมหาสารคาม (อาจารย์แม่รวบรวมและปลูกทั้งต้นไม้และดอกไม้ประจำจังหวัดทุกจังหวัดในประเทศไทยไว้ที่ฟาร์ม ตอนนี้เพิ่งรวบรวมได้ 45 จังหวัด) และรู้ว่าอาจารย์ลูกเพาะเมล็ดตะคึกไว้ที่ไร่พนมทวน อาจารย์แม่เลยขอไป ถ้าอาจารย์ลูกจะกรุณาส่งเมล็ดตะคึกไปให้อาจารย์แม่ก็จะขอบคุณมาก (ส่งไปที่ ผศ.วิไล แพงศรี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ถ.ราชธานี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลฯ 34000) ถ้าส่งไปที่บ้านจะไม่มีคนรับค่ะ แต่ถ้าส่งไปที่ทำงานจะมีเจ้าหน้าที่รับไว้ให้ แล้ว "ต้นขานาง" ต้นไม้ประจำจังหวัดกาญจนบุรีของอาจารย์ลูกล่ะคะ อาจารย์แม่ยังไม่ได้สืบค้นดู มันมีหน้าตาเป็นยังไงและขยายพันธุ์ด้วยอะไร ถ้าด้วยเมล็ดและอาจารย์ลูกมีเมล็ดพันธุ์ ก็ช่วยส่งไปให้อาจารย์แม่พร้อมกับเมล็ดตะคึกด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ อาจารย์แม่คาดว่าแก้วมังกร (Dragon Fruit) ที่ฟาร์มจะมีลูกสุกประมาณเดือนกรกฎาคม ถ้าสุกแล้วจะส่งมาให้ทานนะคะ (ตอนนี้ยังไม่ออกดอก...ฮิฮิฮิ...อาการนี้ติดมาจากอาจารย์ลูก...รู้เปล่า)
อาจารย์ค่ะ
บางเล่มยังมีจำหน่ายตามสำนักพิมพ์ค่ะ แต่มีนิทานภาพสามผู้วิเศษเล่มนี้ที่ไม่ติดลิขสิทธิ์ใคร (ภาพวาดเป็นของน้องหญิงที่น่ารักและใจดี) เหมาะสำหรับเด็กเล็ก ถ้าคิดว่ามีประโยชน์ก็โหลดไปฝากหลานๆ ได้เลยค่ะ ... ฝากให้ด้วยใจรักเด็กทุกคนค่ะ
http://gotoknow.org/file/krugrungthep/Go1.pdfhttp://cdn.gotoknow.org/assets/media/files/000/710/364/original_Go1.pdf?1302578551
ขอบพระคุณคุณครูอัมพรแทนหลานๆ และเด็กๆ ทุกคนมากนะคะที่มีน้ำใจมอบหนังสือดีๆ มาให้ Download นับเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนทศวรรษแห่งการส่งเสริมการอ่านของกระทรวงศึกษาธิการ (2552-2561)ได้ดีทีเดียวค่ะ
การเข้ามาเป็นสมาชิก Blog "Gotoknow" ทำให้ดิฉันซาบซึ้งในสุภาษิตที่ว่า "คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล" มากขึ้นค่ะ เพราะได้รับน้ำใจอันงดงามจากสมาชิกผู้เป็นกัลยาณมิตรหลายๆ ท่าน รวมทั้งคุณครูอัมพร ทานประสิทธิ์ ครูชำนาญการพิเศษกลุ่มสาระภาษาไทย โรงเรียนคลองกุ่ม กทม. ท่านนี้
จะรีบส่งเมล็ดตะคึกไปให้นะครับ ต้นขานางดอกมันเหม็นมากๆๆ ถ้าเจอแล้วจะส่งไปพร้อมกันครับ
ขอบคุณมากค่ะ อาจารย์ลูก ดร.ขจิต ที่ไม่ให้อาจารย์แม่รอนาน ดอกขานางมันจะเหม็นยังไง แต่ต้นมันก็มีคุณค่าเพราะมันเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นจังหวัดของอาจารย์ลูกด้วยแล้วยิ่งพลาดไม่ได้ที่จะต้องนำไปปลูกที่ฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้
ส่วนผลแก้วมังกรที่อาจารย์แม่ตั้งใจจะส่งไปให้ชิมนั้น ต้องรอนานหน่อย อาจารย์แม่ว่าจะฝากลูกมะม่วงงามเมืองย่า (โม) ลูกละประมาณ 1 กก. มาให้ชิมก่อน ตอนนี้ออกลูกดกมาก ถึงแม้จะร่วงไปเยอะตอนพายุเข้า แต่กัยังเหลือติดต้นอยู่มาก รอให้ลูกมันแก่ได้ที่แล้วจะส่งมาให้ชิมนะคะ
สวัสดีค่ะท่านอาจารย์วิไล,
ขอบพระคุณที่อาจารย์แวะไปเยี่ยมเยียนค่ะ ต้องขออนุญาติเรียนว่าหนูเป็นคนมีบุญค่ะ ที่มีครอบครัวที่เห็นความสำคัญของการศึกษา มีผู้ใหญ่และผู้มีพระคุณเมตตามาโดยตลอด ตั้งแต่ตอนเป็นเด็กๆเรียนชั้นประถมจนถึงกระทั่งถึงปริญญาเอก จะมีผู้มีพระคุณ คุณครู อาจารย์ จากทุกๆโรงเรียน ทุกทุกสถาบันที่ไปเรียน ท่านให้ความกรุณาสนับสนุนมาโดยตลอด ความสำเร็จในด้านการศึกษาและในชีวิตที่ผ่านมา ก็เนื่องมาจากความเอ็นดูและส่งเสริมจากผู้ใหญ่และผู้มีพระคุณค่ะ
เชื่ออยู่เสมอว่าวิธีหนึ่งที่จะตอบแทนพระคุณทุกท่านนั้นก็คือการดำเนินชีวิตให้มีความหมาย และสามารถจะสานต่อความเมตตาที่เคยได้รับให้คนอื่นต่อค่ะ บุญดีดีที่ติดตัวมาคงถูกใช้ไปหมดแล้วในวัยเยาว์ จึงทำให้หนูสามารถได้มายืนตรงจุดนี้ เพื่อชีวิตดีดีที่เหลือและชีวิตที่ดียิ่งขึ้นต่อๆไป จึงต้องขวนขวายสร้างบุญใหม่ๆด้วยการคิดดี ทำดี และแบ่งปันค่ะ
ขอบพระคุณอาจารย์ที่ให้คำแนะนำและกำลังใจค่ะ หนูจะคอยติดตามชีวิตอันสงบสุขในบ้านไร่ ตอนต่อๆไปค่ะ
ขออนุโมทนาขอบคุณโยม อาจารย์ ผศ. วิไล แพงศรี ที่ไปเยี่ยม ขอให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง.
ขอบคุณที่ไปเยี่ยม น้ำใจเปี่ยมกรุณา
เป็นห่วงเรื่องภาษา จะถึงคราเปลี่ยนแปลงไป
รีบเร่งเถอะคุณครู ช่วยเชิดชูภาษาไทย
เด็กเด็กเขาผลักใส แต่ผู้ใหญ่ต้องช่วยดึง
ภาษานั้นคือชาติ เอกราชควรคำนึง
ศาสนาพาเข้าถึง ให้รู้ซึ้งสวัสดี
ขอบพระคุณนะคะ..
พลังงานวิเศษอย่างหนึ่ง ซึ่งมาจากความรัก พลังนั้น ช่างมีแรงผลักตั้งมากมาย..
แล้วแรงผลักนี้จะส่งผลให้เกิดการพัฒนาเด็กไทยได้สู่เป้าหมายนั้น ๆ
นั่นคือ:การบ่มเพาะให้เด็กมีหิริโอตตัปปะไม่ฟุ้งเฟ้อ ใช้จ่ายอย่างประหยัด และมีประโยชน์ไม่ลืมความเป็นไทย มีน้ำใจ เอื้ออาทรต่อกัน อยู่อย่างพอดี พอสุข ไม่ตามกระแส
เห็นประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น
เคารพความเป็นมนุษย์ และเท่าเทียมกัน...ต้องปกป้องตนเองเป็นเมื่อต้องอยู่ท่ามกลางสิ่งยั่วยุต่าง ๆ เช่น ยาเสพติด เกมส์ที่รุนแรง มั่วเพศ การใช้โทรศัพท์มือถือ การใช้อินเทอร์เน็ตอย่างชาญฉลาด มีจริยธรรม ต่าง ๆ เหล่านี้ ครูเป็นผู้มีส่วนที่จะต้องชี้แนะให้เกิดผลดีให้ได้
..ไม่ได้เขียนเงค่ะ ลอกเค้ามา ขอโทษค่ะ ไม่ได้อ้างอิงข้อมูล
งั้นขอบคุณ แหล่งที่มาของข้อมูลด้วยนะคะ..
ขอบคุณ ความรัก ซึ่งส่งแรงผลักให้ นะคะ
..ไม่ได้เขียนเงค่ะ ลอกเค้ามา ขอโทษค่ะ ไม่ได้อ้างอิงข้อมูล
แก้คำผิด
..ไม่ได้เขียนเองค่ะ ลอกเค้ามา ขอโทษค่ะ ไม่ได้อ้างอิงข้อมูล
โยมขอกราบขอบพระคุณ "ท่านพระมหาวินัย ภูริปัญโญ ทิวาพัฒน์" ค่ะ ที่กรุณาย้ำเตือนคนไทยว่า "ภาษานั้นคือชาติ เอกราชควรคำนึง" และโยมจะ "ช่วยเชิดชูภาษาไทย" โดยหาทางให้ "คนไทย" ใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องต่อไป ตามคำแนะนำของท่าน ซึ่งโยมก็ได้ปฏิบัติมาตลอด โดยในการจัดการเรียนรู้ทุกรายวิชาสำหรับนักศึกษาในมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานีนั้น โยมได้สร้างความตระหนักในความสำคัญของการใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องทั้งในการพูด การเขียน และการอ่าน และได้ให้ข้อมูลย้อนกลับรวมทั้งแก้ไขให้ถูกต้องทุกครั้ง เมื่อพบว่านักศึกษาใช้ภาษาไม่ถูกต้อง แต่ในการกระทำดังกล่าว โยมต้องใช้ความอดทนและเพียรพยายามมาก เพราะนักศึกษาสมัยนี้ จำนวนไม่น้อยที่จิตใจเขาไม่ได้จดจ่ออยู่กับสิ่งที่เราสื่อออกไป
ตัวอย่างเช่น ในต้นชั่วโมงของการเรียนวิชาจิตวิทยาสำหรับครูในสัปดาห์หนึ่ง โยมได้ให้ข้อมูลย้อนกลับว่า นักศึกษา (สาขาวิชาคอมพิวเตอร์และนวัตกรรมการศึกษาที่กำลังเรียน) จำนวนมากเขียนคำว่า "เกมส์คอมพิวเตอร์" ซึ่งไม่ถูกต้อง ที่ถูกจะต้องเขียนว่า "เกมคอมพิวเตอร์" เพราะ "เกมส์" ใช้กับการจัดการแข่งขันเท่านั้น เช่น "โอลิมปิกเกมส์" "เอเชียนเกมส์" และ "ซีเกมส์" เป็นต้น หลังจากนั้นได้ให้นักศึกษาดู "วีดิทัศน์" ที่โยมบันทึกจากรายการโทรทัศน์เพื่อนำเสนอตัวแบบคนไทยผู้ประสบความสำเร็จ (จากการเป็นผู้ใฝ่รู้ใฝ่เรียน) ในการพัฒนา "เกมคอมพิวเตอร์" โดยได้รับรางวัลชนะเลิศระดับโลก (นี่ก็เป็นอีกคำหนึ่งที่คนส่วนใหญ่จะเขียนผิด นักศึกษาสาขาวิชาคอมพิวเตอร์และนวัตกรรมการศึกษา ที่จะต้องใช้คำนี้บ่อยๆ ก็ไม่มีใครเขียนได้ถูกต้อง โดยเข้าใจว่า จะเขียนว่า "วิดีทัศน์") แล้วให้เขียนความรู้สึกนึกคิดหลังจากได้ดู ปรากฏว่า มีนักศึกษาหลายคนที่ยังเขียนผิดเป็น "เกมส์คอมพิวเตอร์" เหมือนเดิม ราวกับว่าพวกเธอไม่ได้รับรู้ในสิ่งที่โยมได้ให้คำแนะนำไปในตอนต้น
ขอบคุณ "คุณครูอิน" นะคะ ที่ได้ให้พฤติกรรมบ่งชี้คำว่า "มึความเป็นแก่นแท้แห่งไทย" ว่า หมายถึง "มีหิริโอตตัปปะ ไม่ฟุ้งเฟ้อ ใช้จ่ายอย่างประหยัดและมีประโยชน์ ไม่ลืมความเป็นไทย มีน้ำใจเอื้ออาทรต่อกัน อยู่อย่างพอดี พอสุข ไม่ตามกระแส เห็นประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น เคารพความเท่าเทียมกันในความเป็นมนุษย์ ปกป้องตนเองเป็นเมื่อต้องอยู่ท่ามกลางสิ่งยั่วยุต่างๆ เช่น ยาเสพติด เกมส์ที่รุนแรง การมั่วเพศ การใช้โทรศัพท์มือถือ การใช้อินเทอร์เน็ตอย่างฉลาด และมีจริยธรรม" เป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนค่ะ แต่พี่ขออนุญาตเพิ่มตัวบ่งชี้อีกตัวหนึ่งคือ "ใช้ภาษาไทยได้ถูกต้อง ทั้งในการพูด การอ่านและการเขียน" (ขออภัยนะคะ กรุณาดูคำอธิบายเกี่ยวกับคำว่า เกมส์ ในความเห็นข้างบนด้วยค่ะ นี่เป็นส่วนหนึ่งของการ "มึความเป็นแก่นแท้แห่งไทย" ตามตัวบ่งชี้ที่พี่ขอเพิ่มเข้าไปค่ะ)
หวังว่า จะได้เห็นหน้ากันเรื่อยๆ ไม่ห่างหายนะคะ จะได้เป็นพลังใจในการทำงานเพื่อ "อุดมการณ์ร่วม" ในการพัฒนาให้เด็กและเยาวชนไทยของเรา "มึความเป็นแก่นแท้แห่งไทย" ต่อไปค่ะ
สวัสดีครับอาจารย์
อาจารย์เคยแวะเข้าไปให้ดอกไม้ครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว
พี่เขยเพิ่งเกษียณไปทำสวนที่นครปฐม กับภรรยาซึ่งลาออกจากอาชีพพยาบาล
ไม่รู้จะอยู่กันได้หรือเปล่า เพราะเป็นงานหนักน่าดู เขาเคยจ้างคนงานดูแลเดือนละห้าพัน มาปีหนึ่ง คนงานเบี้ยวไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้สวนรก เลยต้องลาออกจากงานมาทำเสียเอง
ผมอยากจะกลับเมืองไทยไปอยู่ตามวัดตามวา เรื่องจะไปปลูกผักทำสวนนั้นไม่เคยมีความคิด เพราะเคยเรียนคณะพืชสวนที่มหาวิทยาลัยเกษตรมาก่อน ไม่ชอบเลยจริงๆ
แต่อยู่ตามวัดถ้าไม่บวชก็ทางวัดก็คงจะไม่อนุญาตให้อยู่นาน ก็คงเป็นปัญหา
อีกประการหนึ่งภรรยาไม่อยากกลับเมืองไทย เพราะบอกว่ามันไม่สดวก ปฏิบัติธรรมที่ไหนก็เหมือนกันสำหรับเธอ ห้องน้ำห้องท่าต้องสอาดพอสมควร
ก็เลยได้แต่ฝันไว้ครับ
ขอแสดงความดีและขอบคุณสำหรับบันทึกดีๆ บันทึกนี้ผมว่าเป็นบันทึกที่ดีที่สุดสำหรับผม เกิดแรงบันดาลใจครับ
ฝากดอกไม้มาให้เป็นกำลังใจ ถ้าอาจารย์เคยได้ยินเพลงนี้มาก่อน
แสดงว่าอาจารย์เป็นคนร่วมสมัยเดียวกันครับ
เสาร์อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านอาจารย์
เข้ามาชมบรรยากาศของฟาร์มไอดิน กลิ่นไม้ หลายครั้งครา
อยากบอกว่า เป็นสวรรค์บนดิน ที่ใครๆ ต่างปรารถนาวิถีอย่างนี้ค่ะ
แค่เพียงได้เห็นภาพ ยังได้จรรโลงใจและสุนทรีย์ หากได้สัมผัสสถานที่จริง คง มากกว่า ว้าว นะคะ ขอบพระคุณค่ะ
ตื่นมาตี 4 ติดตามความเห็นใน Blog ต่าางๆ ได้รับน้ำทิพย์ชโลมใจจากคุณ "คนบ้านไกล" ด้วยถ้อยคำ "ขอบคุณ
สำหรับบันทึกดีๆ บันทึกนี้ผมว่าเป็นบันทึกที่ดีที่สุดสำหรับผม เกิดแรงบันดาลใจครับ " ขอบคุณมากนะคะสำหรับปิยวาจาที่
มอบเป็นสิ่งชูใจในวันใหม่ ใช่ค่ะ ในวันที่ 28 เมษายน 2554 พี่ได้เข้าไปให้ดอกไม้คุณ ในบันทึก "ผลิดอกที่ตา แล้วมาบานเบ่ง
ที่ใจ" ซึ่งเป็นบันทึกแสดงภาพและถ้อยคำชื่นชมดอกแม็กโนเลียข้างบ้าน หลังจากที่พี่รับ Blog นี้ เข้าใน Plannet "Plants and
Agriculture" แล้วก็ไปตามหาภาพดอกแม็กโนเลียที่เคยถ่ายจากกรุงโซล เกาหลีใต้ ในปี 2549 (ดังภาพ 1) และถ่ายที่เมือง
คุนหมิงประเทศจีน ในปี 2551 (ดังภาพ 2-4)
ภาพ 1 ภาพ 2
ภาพ 3 ภาพ 4
ถ้าในอนาคตกลับเมืองไทยอยากจะอยู่วัด วัดป่าขันติบารมี สาขาที่ 6 ก็ยินดีต้อนรับนะคะ เดิมบ้านหนองฝางที่ตั้งฟาร์ม
เป็นหมู่บ้านที่ไม่มีวัด ผู้จัดการฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้สงสารผู้สูงอายุที่ต้องไปทำบุญที่หมู่บ้านอื่น ก็เลยซื้อที่ 7 ไร่ ร่วมกับเจ้าของ
ที่ดินบริจาคร่วมอีก 7 ไร่ เพื่อสร้างวัด (ดังภาพ 5) ซึ่งวัดจะอยู่ตรงกันข้ามกับสวนยางฟาร์มไอดินฯ (ภาพ 6) และห่างจาก
ฟาร์มประมาณ 200 เมตร พี่เองก็มีหน้าที่หาต้นไม้ไปปลูกในวัด และช่วยทำความสะอาดวัดในโอกาสต่างๆ (ดังภาพ 7)
ขอบคุณมากค่ะสำหรับดอกไม้หลากสีต่างพรรณที่ส่งมาให้กำลังใจ พี่เองก็มีดอกไม้นานาพันธุ์ ณ ฟาร์มไอดินฯ
(ภาพ 8) และบัวไทยข้างบ้าน (ภาพ 9) มาฝาก รวมทั้งภาพปริศนา (ภาพ 10) ดอกอะไรเอ่ย แรกบานสีเหลืองสดใส ได้เวลา
ร่วงหล่นสีเจ้าพลันเปลี่ยนไป....
ภาพ 5 ภาพ 6
ภาพ 7 ภาพ 8
ภาพ 9 ภาพ 10
สำหรับเพลงบรรเลงที่ฝากมาให้ฟัง แม้จะไม่ใช่คนร่วมสมัย แต่ก็ร้องได้ค่ะ เพลง "ขอพบในฝัน" ของ สุนทราภรณ์
ฉัน ชื่นใจเมื่อได้เห็น หัวใจเต้น เพราะได้เห็นดวงหน้า เฝ้าแต่มอง มิคลายสายตา ชื่นหนักหนา ชักพาสุขฤทัย
ฉัน จ้องมองเป็นหนักหนา เห็นเธอเต็มตา แล้วก็พาเพลินได้ เปรียบดังยา รักษาดวงใจ ชุบอารมณ์ให้ สดใสชื่นชีวัน
มอง ขอมองให้ชื่นใจ เดี๋ยวเธอจะจากไป เหมือนใจจะขาดพลัน ต้องโศกศัลย์ เพ้อรำพัน เห็นเพียงหน้ากัน ไม่พอฉันสุขใจ
แม้ จากไปใจคงเหงา ฉันคงจะเศร้า ทุกข์จะเผาทรวงไหม้ อกจะตรม ทุกข์ถมทรวงใน ขวัญเอยเมื่อไหร่ จะได้เจอะกัน
ขวัญ จากไปใจคงหาย ฉันแสนเสียดาย คิดไม่วายใจสั่น อยากจะเจอ เห็นเธอทุกทุกวัน เธอกับฉัน ยังไม่ทันจะพูดจา
แม้ ตื่นไม่ได้เจอขวัญ ขอให้ฉัน พบในฝันดีกว่า จะได้พร่ำ น้ำคำนำพา ฝันคงเพลินกว่า อาจหาสุขด้วยกัน
มอง ขอมองให้ชื่นใจ เดี๋ยวเธอจะจากไป เหมือนใจจะขาดพลัน ต้องโศกศัลย์ เพ้อรำพัน เห็นเพียงหน้ากัน ไม่พอฉันสุขใจ
แม้ จากไปใจคงเหงา ฉันคงจะเศร้า ทุกข์จะเผาทรวงไหม้ อกจะตรม ทุกข์ถมทรวงใน ขวัญเอยเมื่อไหร่ จะได้เจอะกัน
คุณ "คนไกลบ้าน" นี่ Divergent จัง ชอบเพลงสาวผักไห่ ประทับใจเพลงทูล ทองใจ ให้ทายเพลงสุนทราภรณ์
พี่จะเป็นคนร่วมสมัยกับคุณได้ยังไง ลูกสาว (ตาคม) ของคุณ ยังต้องให้คุณพ่ออุ้มอยู่เลย แต่ลูกสาวของพี่เธอมีลูกชาย
ของเธอแล้ว คือ น้องโมชิ (ภาพ 11) เธอเป็นคนที่ชอบปฏิบัติธรรมแต่เป็นแบบ "ศรัทธานำปัญญา" มากกว่า (ภาพ 12)
ภาพ 11 ภาพ 12
ฝากให้กำลังใจพี่สาวและพี่เขยของคุณ "คนบ้านไกล" ด้วยนะคะ "ถ้าตั้งใจจริงจริงต้องทำได้สำเร็จ" อย่างฟาร์ม
ของพี่ เจ้าของเดิมเขาก็ทำไม่สำเร็จ สู้กับดินทรายที่ไม่อุ้มน้ำไม่ไหว พวกพี่เลยไม่สนใจดินเดิม แต่ใส่ใจกับดินใหม่ที่ใส่ลงไป
(ปุ๋ยที่ผลิตเอง) พี่เองกว่าจะได้ชื่นชมต้นไม้ดอกไม้สวยๆ พี่ต้องคลุกอยู่กับดินกับหญ้าตั้งแต่ตี 5 หลังอาหารเช้าก็ออกไปทำ
สวนอีกจนเที่ยงเข้ามาเตรียมอาหาร หลังอาหารเที่ยงพัก 1 ชั่วโมงแล้วออกไปอีก จน 6 โมงเย็น เพราะพี่ผู้ชายเขาดูเฉพาะไม้
ผลและสวนยางโดยมีผู้ช่วย ส่วนไม้ดอก ไม้ประดับพี่ต้องดูแลเองทั้งหมด ยกเว้นเวลาไม่อยู่ถึงจะมีคนช่วยรดน้ำ แต่ส่วนใหญ่
จะรดแบบผักชีโรยหน้า ก่อนที่เราจะไปถึง ยังเห็นเปียกหมาดๆ อยู่เลย บางทีก็ฟื้นตัวไม่ทัน บ่อยครั้งที่ทนขาดน้ำไม่ไหวก็ตาย
ไป พอเราบ่นก็ถูกสวนกลับทุกครั้งว่า "ปลูกยังกับสวนสาธารณะ อย่าเอาอะไรมาปลูกอีกนะ ถ้าปลูกก็จะปล่อยให้ตายอีก แค่
ดูแลไม้ผลก็พอแรงแล้ว ไม่มีเวลามาดูให้หรอก" เฮ้อ! ช่างไม่มีสุนทรีย์ในหัวใจเอาซะเลย
แวะมาเรียนรู้เพิ่ม ครับ
มีโอกาสขออนุญาิต เข้าเยี่ยมชมครับ
สวัสดีค่ะ ลูกครูฐานิศวร์ ผลเจริญ
ขอบคุณลูกครูมากนะคะ ที่มาเยี่ยมชมและแสดงความชื่นชอบฟาร์มเกษตรอินทรีย์และแหล่งสะสมพรรณพฤกษ์ของแม่ครู ลูกครูเป็นความหวังหนึ่งของประเทศ ในการพัฒนาสมรรถภาพการเรียนรู้และผลสัมฤทธิ์ในกลุ่มสาระคณิตศาสตร์ของนักเรียน (ด้วยกระบวนการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน) ซึ่งภาพรวมระดับประเทศเป็นกลุ่มสาระหนึ่งที่อยู่ในระดับต่ำสุด (จากผลสอบ ONET' 53) เตรียมแผนการวิจัยไว้แล้วใช่ไหมคะ จะเริ่มปฏิบัติการในภาคเรียนที่ 1/2554 นี้หรือเปล่า ถ้าจะเขียนเกี่ยวกับแผนการวิจัยใน Blog ก็ดีนะคะ จะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับครูคณิตศาสตร์ท่านอื่นๆ
แม่ครูขอเป็นกำลังใจทำสำเร็จตามเป้าหมายนะคะ
สวัสดีตอนสายๆ วันอาทิตย์ค่ะ หนู "Poo"
ขอบคุณมากนะคะที่เข้ามาชมบรรยากาศของ "ฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้" หลายครั้งครา และบอกให้ชื่นใจว่า "เป็นสวรรค์บนดินที่ใครๆ ต่างปรารถนา... ได้เห็นภาพแล้วจรรโลงใจและเกิดสุนทรีย์" จะยินดีเป็นอย่างยิ่งค่ะ ถ้าจะมาเยี่ยมชมถึงสถานที่จริง แต่ขอสะกิดนิดหนึ่งนะคะว่า ตามปกติแล้วภาพถ่ายจะสวยกว่าของจริงเสมอ ไม่ว่าจะแต่งภาพหรือไม่ก็ตาม และอีกอย่างของสวยๆ ก็ไม่ได้คงอยู่ตลอดเวลา ตามหลักอนิจจัง บางทีถ้ามาเห็นของจริงหนูอาจจะบอกว่า "รู้งี้ ดูเฉพาะในภาพยังจะชื่นตาเสียมากกว่า"
หนู "Poo" นี่ หวงเนื้อหวงตัวจังเลย เห็นเข้ามาให้ดอกไม้นานแล้ว ตอนนั้นตามเข้าไปดูประวัติ ก็มีปัญหาเข้าไม่ได้ พอเข้าได้ก็พบว่าหนูไม่แสดงตัวตน รู้แค่ว่าหนูทำงานกับเด็กๆ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่น่าชื่นชม แต่ไม่มีพื้นฐานเลยว่างานที่หนูทำเป็นขององค์กรไหนหรือเปล่า ต้องขอโทษด้วยนะคะถ้าละลาบละล้วง ถ้าหนูสบายใจมากกว่าที่จะไม่ให้ข้อมูล ก็ OK นะคะ
สวัสดีค่ะท่านอาจารย์
ขอบพระคุณค่ะที่เชิญชวน แบบไม่ค่อยขัดศรัทธาใครๆ งั้นปูขออนุญาตให้ฟาร์มไอดิน อีกหนึ่งเส้นทาง ติดค้างไว้ก่อนนะคะ
จริงๆ แล้วก่อนนี้เคยไปทำงานและใช้เวลาที่อุบลฯ แถวอิสานมาเป็นปีเลยค่ะ แน่นอนต้องหาเวลาไปเยี่ยมยามอีกให้ได้ค่ะ
และติดตามเป็นสมาชิกจีทีเค มาจะครบปีที่ ๔ แล้วค่ะ หากแต่ไม่ค่อยได้เขียนบันทึกเท่าใดนัก ไว้จะส่งเมลไปอีกครั้งนะคะ
ฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้ ยินดีต้อนรับ "คุณต้นกล้า" (ชอบชื่อนี้มาก) และสมาชิกทุกๆ ท่านค่ะ ขอบคุณคุณต้นกล้าแห่งอำเภอสามร้อยยอดมากค่ะ ที่เขียนเกี่ยวกับกิจกรรมการทำนาดำให้อ่าน ได้รับ Blog เข้าใน Plannet "Plants and Agriculture" แล้วเพื่อจะได้ติดตามอ่านบันทึกต่อๆไป เคยไปเที่ยวทุ่งสามร้อยยอดมาเมื่อ 24 สิงหาคม 2551 และเที่ยวชายทะเลประจวบฯ มาเมื่อ 15-17 พฤษภาคม 2553 ค่ะ เลยแสดงภาพเป็นหลักฐาน อีกภาพเป็นนาข้าวติดรั้วฟาร์ม ที่ขอซื้อหรือเช่าเพื่อทำแปลงนาสาธิต แต่เจ้าของซึ่งบ้านอยู่ติดรั้วฟาร์มด้านหน้ายังไม่ตกลงค่ะ
ขอบพระคุณ และยินดีในอุดมการณ์ร่วมพัฒนาเป็นอย่างยิ่งนะคะ
อาจารย์คะ เข้าใจอย่างนี้ค่ะ เกม มาจากคำว่า game เกมคำนี้คือเกมเดียว
เกมส์ มาจากคำว่า games ค่ะ คำว่า เกมส์ คือ เกมส์ ที่ อยู่ในคอมพิวเตอร์ทั่วไป ซึ่งมีหลากหลายเกมส์ จึงใช้ ว่า เกมส์ ค่ะ
ตามความเข้าใจในความหมายของ คำ เอกพจน์ และ พหูพจน์ ค่ะ
เกมเดียว ใช้คำว่า เกม
เกมส์ ในคอมพิวเตอร์ มีหลากหลายเกมส์ จึงใช้คำว่า เกมส์ ค่ะ
เห็นด้วยค่ะ กับการใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องในการเขียน อ่านนะคะ
เรียนคุณพี่ที่เคารพ
คำถามเรื่องดอกไม้สีเหลืองต้องขอยอมแพ้ครับเพราะไม่ได้เห็นดอกไม้ไทยๆมานานมาก
จำชื่อไม่ได้แล้ว
ขอขอบพระคุณสำหรับคำเชิญให้ไปอยู่ที่วัด ถ้าได้มีวาสนาก็คงจะไปแวะชมครับ
ข้อความข้างล่างผมเขียนให้คุณน้องคนไม่มีรากครับ เอามาดัดแปลงนิดหน่อย สำหรับคุณพี่
ส่วนรูปที่ผมอุ้มลูกสาวคนสุดท้องนั้น เป็นรูปที่ถ่ายมานานแล้ว ตั้งแต่เพิ่งจะเดินได้ แต่ลูกสาวชอบมาก เพราะแสดงว่าพ่อรักเธอมา เอามาตั้งไว้บนโต็ะเธอ คงกลัวพ่อจะลืม ผมก็เลยเอามาเป็นรูปส่วนตัว ในประวัติผู้เขียน ภรรยาจะได้ไม่สงสัยว่ามาทำอะไรอยู่ที่บล็อกนี้
ผมมีลูกสาว ๓ คน คนโตเรียนเภสัช ปีที่ ๖ ที่ St. Louis หลักสูตร ๖ ปี ได้ปริญญา Doctorate of Pharmacy คนนี้หัวการค้ามากๆ เห็นอะไรเป็นเงินหมด ชอบซื้อของ ชอบต่อของ น้องๆให้พี่สาวคนนี้จัดการหมด
ลูกสาวคนกลาง จบปริญญาตรี สาขา Human Biology จาก LA เคยอยู่ประเทศไทยหนึ่งปี ทำงานอยู่ที่มหาวิทยาลัยช่วยอาจารย์แปลหนังสือ เคยฝึกงานที่โรงพยาบาลตำรวจ เคยเข้าอบรมที่สภากาชาดไทย จะเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยแพทย์ที่อเมริกาในปีการศึกษาที่จะถึงนี้ - ๒๕๕๔ เธออยากจะเป็นหมอเด็ก
ลูกสาวคนสุดท้อง บอกเธอว่า ถ้าไม่รู้จะเรียนอะไรให้เรียนหมอไปก่อน เตรียมแพทย์กับเตรียมเภสัช มันก็ง่ายเหมือนกัน เพราะเรียนวิชาเดียวกัน แต่เธอไม่หลงกล เลือกเรียนเภสัชแทน ตอนนี้เรียนอยู่ปีที่สอง ที่ IOWA อีกนานมากๆกว่าจะจบ เพราะปริญญา PharmD ใช้เวลาเรียน ๖ ปี
รูปต้นไม้ที่เห็น เป็นต้น Magnolia โตมาพร้อมๆกับลูกสาวคนเล็ก ตื่นมาก็เห็นอยู่ตรงหน้าต่าง เมื่อวานถ่ายส่งไปให้เธอดู เธอบอกว่าชอบทุกรูป คงคิดถึงห้องนอนเธอเต็มที
ถ้าอยากจะรู้เรื่องผม ก็ต้องขอร้องให้อ่าน บันทึกแรก
ฤๅ...จะปล่อยประโยชน์มหาศาลให้ห่างไกล
ผมเขียนเรื่องหนึ่ง รักเธอที่ลาดพร้าว คล้ายๆกับเรื่องของน้องเรื่องนี้
เรื่อง ดี ๆ ในโลกนี้มีอยู่มากมายนะ เราต่างพบเจอน้ำใจดีงามเช่นนี้อยู่เสมอ แต่มักจะไม่ค่อยได้ชื่นชมหรือตระหนักถึงสิ่งดี ๆ ที่เราได้พบเห็นนั้น...
ถ้าอยากคิดถึงแม่ก็ต้องอ่านถ้าอยากจะรู้เรื่องหมาผม ก็ต้องตามอ่าน
เรื่องของไอ้มุกครับ
แต่เรื่องที่คนชอบมากๆๆๆๆๆๆ คงจะมีเรื่องเดียว เขียนเสร็จภรรยาอนุญาตให้ไปซื้อบ้านริมแม่น้ำเจ้าพระยาเลย (ภรรยาไม่อยากกลับเมืองไทย แต่ต้องตามกลับไปด้วยแล้วครับ)
ดอก Crepe Apple ครับ เห็นคุณพี่มีใจรักในดอกไม้ เลยส่งมาให้ดูเพลินๆใจครับ
พอดอกบานจะเป็นสีชมพู สวยงามมากครับ
ชอบรูปดอกไม้ของคุณพี่มากครับ เก็บมาลอยน้ำสวยดี ทำให้รำลึกถึงเพลง คำหวาน ในหนังไทยชื่อ โหมโรง ฟังแล้วมันหวานจริงๆ อยากจะให้คนที่เรารักได้มาฟังด้วยกันครับ
อ่านความเห็นจนเต็มอิ่มเลยค่ะ คุณน้อง มีความสุขที่ได้เห็นภาพดอกไม้สวยๆ จากต่างแดน หลายปีมาแล้วที่เคยไปใช้ชีวิตอยู่ใน Perth, Western Australia ครั้งละ 2-3 เดือนก็ไปหลงใหลเที่ยวเดินชมไม้ดอกหน้าบ้านของเขาทุกวัน.....ที่นั่นเขามีข้อกำหนดเลยว่า ทุกบ้านจะต้องมีสวนดอกไม้หน้าบ้าน และจะต้องติดตั้งระบบ Mini-spinkler สำหรับรดน้ำสวนดอกไม้พร้อมกับการสร้างบ้าน เสียดายที่ตอนนั้นยังไม่ได้ใช้กล้อง Digital เลยไม่มีรูปในไฟล์ข้อมูล
ดีใจที่คุณน้องชอบ "บุษบาในวารี" ของพี่ ทุกเช้าพี่ก็จะเก็บดอกไม้หอมที่ร่วงแต่ติดค้างอยู่บนต้นไปลอยในอ่างน้ำในห้องน้ำ จะได้เกิดสุนทรีย์เวลาอาบ แต่พี่ผู้ชายที่เป็นคน"ไร้สุนทรีย์ในอารมณ์" ก็จะบ่นทุกครั้งว่ารำคาญ เกะกะ (แต่ตอนนี้เสียงบ่นหายไป ไม่ทราบว่าเริ่มมีสุนทรีย์ขึ้นมาหรือว่าทำใจได้แล้วก็ไม่รู้) สำหรับ"บุษบาในารี" นั้นเกิดจาก จินตนาการว่า ถ้านำดอกไม้หลากสีสันที่มีอยู่ในฟาร์มมาอยู่รวมกัน มันจะสวยขนาดไหน เลยลองทำดูค่ะ พอถ่ายภาพดังที่เห็นไปแล้ว เดินไปหน้าบ้าน มีดอกชงโคสีบานเย็นดอกหนึ่งหล่นลงมาตรงหน้าพอดี เหมือนกับจะร้องขอว่า "ช่วยพาฉันไปอวดโฉมรวมกับเพื่อนๆ หน่อยค่ะ" แหงนขึ้นไปดูบนต้นเพราะคิดว่า ชงโคดอกสุดท้ายร่วงไปนานแล้ว และเตรียมจะตัดแต่งกิ่งอยู่หลายวัน (แต่บันไดยาวไปอยู่ที่บ้านในเมืองเลยยังตัดไม่ได้) ไม่คิดว่าจะยังมีเหลืออยู่อีก 1 ดอก เลยสนองความต้องการเธอหน่อย นำเธอไปลอยน้ำอวดโฉมรวมกับเพื่อนๆ จากชงโคดอกนั้น ทำให้นึกถึงดอกไม้อีกหลายชนิด เลยต้องไปตามเก็บพวกเธอมาลอยน้ำอวดโฉมเพิ่มเติมอีก (จะนำเสนอในบันทึกตอนที่ 3 ค่ะ)
ขอบคุณนะคะที่ช่วยให้ได้รู้จักครอบครัวของคุณน้องเพิ่มขึ้นมาก และจะตามไปอ่านทุกบันทึกที่คุณน้องอ้างถึง แต่ว่าคุณน้องยังติดค้างอยู่เรื่องหนึ่งนะคะ คือพี่ยังไม่ได้เห็นภาพสมาชิกของครอบครัวคุณน้อง (ภาพในปัจจุบัน) that I have asked for ลูกสาวคนโตของพี่ที่เรียนแพทย์ฯ แค่ปีที่ 5 ก็ออกมาก่อนเพราะพอออก Practicum แล้ว จึงรู้ว่าไม่ชอบงานของหมอเลยได้แค่วุฒิ Medical Sciences ต่อมาเธอได้ไปเรียนและได้รับ Diploma "Spa and Beauty Therapy" จาก "Chiva-Som International Academy" ที่เป็น Co-ordination กับสถาบันที่อังกฤษ จบแล้วเขาจะส่งไปทำงานที่อังกฤษ โดยมีที่พักให้อยู่ฟรี 3 เดือน แต่เธอไม่กล้าไป เธอทำงานทั้งเป็นลูกจ้่างเขา เปิดกิจการ "Spa Relax and Beauty" เป็นของตัวเอง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ตอนนี้เธอกำลังจะเรียนหลักสูตรป.โท Oriental Medicine พี่อยากให้เธอได้มีโอกาสที่จะมี Interaction กับลูกสาวคนโตของคุณน้อง (แม้เธอจะเป็นพี่ของลูกคนโตของคุณน้องหลายปี) เพื่อเธอจะได้ขยายโลกทัศน์ให้กว้างขึ้นบ้าง (เธอสามารถเขียนภาษาอังกฤษในระดับที่สื่อความได้ค่ะ) ช่วยพิจารณาด้วยนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ
สวัสดีค่ะ
น่าไปเดินเที่ยวชมมากค่ะ ชื่นชมอาจารย์สรศักดิ์มากนะคะ โดยเฉพาะการแอบซื้อที่ดินเพื่อปลูกยางเพื่อส่วนรวม ชีวิตชาวสวนอยู่กับต้นไม้ธรรมชาติกับชาวบ้าน มีความสุข สุขภาพดี ทั้งกายและใจ ชมภาพแล้วชอบมากค่ะ ขอบคุณนะคะ
หนังสือที่อาจารย์จุไรรัตน์ เขียน เป็นหนังสือที่น่าเก็บไว้อ่านประจำบ้านดีมากๆค่ะเพราะสมุนไพรที่เอ่ยในแต่ละเรื่องที่เขียน จะบอกอย่างละเอียด เล่มละ 290 บาท เรื่องเบาหวานเป็นหนังสือที่เขียนใหม่จากเดิมมีสมุนไพร 130 ชนิดเพิ่มมาเป็น 150 ชนิด เคยโทร.บอกอาจารย์ เรื่องปกหนังสือ โรงพิมพ์ทำไม่ดี เพราะใช้กระดาษหนาอย่างดีทั้งเล่มการเข้าปกเราเปิดบ่อยๆหลุดค่ะ เพราะไม่เย็บก่อนเข้าปก ซึ่งอาจารย์ก็แจ้งโรงพิมพ์ทันที สงสารคนที่แก้ไขให้ดีไม่ได้ คงเจอปัญหากันหมดค่ะ พอดีโชคดีมีโรงพิมพ์ติดบ้าน ก็เลยให้โรงพิมพ์เย็บด้วยแม็คตัวใหญ่ที่สันหนังสือทั้ง 3 เล่ม(ยังนึกขำอาจารย์จุไรรัตน์ อยู่เลยค่ะ พอบอกว่าหนังสือหลุด อาจารย์ก็บอกว่าของอาจารย์ไม่เห็นหลุด ( เราก็นึกในใจว่า ก็ของอาจารย์ไม่ได้เปิดบ่อยอย่างคนขยันเปิดอย่างเรา เพราะอาจารย์ทราบเนื้อหาในเล่มหมดแล้ว) อาจารย์ไม่ทราบเลยคงไม่มีใครแจ้งบอก สงสารคนซื้อซ่อมก็ไม่สวยอย่างเดิม ปัญหานี้โรงพิมพ์น่าจะทราบตั้งแต่เล่มแรกๆ ว่ากระดาษหนาทุกแผ่นใส่กาวไม่ดีก็หลุดได้อยู่แล้ว ต้องเย็บก่อนใส่ปก ซึ่งหนังสือทำมานานแล้วที่เผยแพร่วางขายตามร้านหนังสือทั่วไป เห็นว่ามีเรื่องไขมัน ด้วย ยังไม่ได้ไปหาซื้อเลยค่ะ ในหนังสือจะมีหมายเลขโทรศัพท์ของอาจารย์ทั้งที่บ้านและที่ทำงานค่ะ จะเหมาะมากๆกับการเรียนของลูกสาวอาจารย์ด้วยค่ะ ผลการวิจัยละเอียดทุกสมุนไพรค่ะ
ดิฉันเพิ่งกลับจากเข้าไปแสดงความเห็นในบันทึกของคุณกานดา น้ำมันมะพร้าว มาเมื่อกี๊เองค่ะ และได้ฝากถามข้อมูลไว้ด้วย กรุณาช่วยตอบด้วยนะคะ... สนใจเนื้อหาในบันทึกของคุณกานดามากค่ะ
ขอบคุณมากนะคะที่มาเยี่ยมชมและให้กำลังใจ แถมยังฝากภาพและข้อมูลสมุนไพรตะลิงปริงมาให้ศึกษาด้วย ดิฉันชอบตะลิงปริงมาก ปลูกไว้ต้นหนึ่งนานแล้ว ในช่วงที่ผ่านมามัวแต่ไปให้เวลากับไม้ชนิดอื่นๆ ลืมใส่ใจเขา เขาเลยประท้วงโดยไม่ยอมแตกกิ่งไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน พอนึกได้เลยไปถางวัชพืชรอบโคนต้นออก แล้วใส่ปุ๋ย พรวนดิน เขาเลยเริ่มที่จะมีกำลังใจที่จะเติบโตให้ได้ชื่นชม
และขอขอบคุณแทนพ่อใหญ่สอด้วยที่คุณกานดาชื่นชมแก แล้วจะบอกให้แกทราบค่ะ แกคงดีใจที่นานๆ จะได้รับดอกไม้ที ดิฉันเองก็รู้สึกชื่นชมแก (ในใจ) เหมือนกัน เมื่อแกบอกเหตุผลที่แอบซื้อที่ทำสวนยาง ชีวิตที่ผ่านมาแกไม่ค่อยได้สนใจทำอะไรเพื่อใครที่นอกเหนือจากงานด้านการศึกษา (ซึ่งแกก็ทุ่มเทมากทั้งงานสอน และงานอบรมครูด้านการผลิตสื่อการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์) แต่พอเกษียณอายุราชการมาอยู่ในชนบท ดูในใจแกจะมุ่งทำทุกอย่างเพื่อหมู่บ้าน เสียสละทั้งกำลังทรัพย์ กำลังสติปัญญา แรงกายและแรงใจ จนพี่เขยของดิฉันที่มาร่วมงานถวายผ้าป่าที่วัด (ซึ่งแกเป็นคนริเริ่มความคิดในการสร้างและได้บริจาคเงินซื้อที่เพื่อสร้างไปสองแสนกว่า รวมทั้งซื้อกระเบื้องปูพื้น ฯลฯ) พูดเปรยๆ ว่าทำประโยชน์ให้ชุมชนขนาดนี้ ถ้าสมัครนายกอบต.ก็คงจะได้รับเลือก ดิฉันก็เลยบอกว่า ถ้าแกทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมโดยหวังจะปูทางไปสู่ตำแหน่งประเภทที่จะต้องวุ่นวายอยู่กับสังคมประเภทนั้น แกก็คงไม่มาลำบากทำฟาร์มให้เหนื่อยหรอก ลงทุนทำหอพักอยู่สบายๆ ในเมืองจะไม่ดีกว่าหรือ แต่ที่แกทำอยู่นี่ก็เพราะมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในหมู่บ้าน ซึ่งแกบอกว่า เมื่อมาอยู่กับเขาก็ต้องทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อเขา แกยังมีโครงการอีกหลายอย่างตามภารกิจ "เสริมรายได้ให้ชุมชน อุทิศตนเพื่อประชา" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ "คำขวัญฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้" ที่จะเขียนถึงในบันทึกต่อไปค่ะ
สวัสดีค่ะ
ขอบพระคุณ คุณ "KRUDALA" แห่งเมือง "พระธาตุเด่น พระรอดขลัง ลำไยดัง กระเทียมดี ประเพณีงาม จามเทวี หริภุญชัย" ที่มีต้นจามจุรี (ดอกสีชมพู) เป็นต้นไม้ประจำจังหวัด มากค่ะ ที่แวะมาเยี่ยมชมฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้ และให้กำลังใจ ถ้าอยู่ใกล้กันจะชวนมาดูดอกแก้วมังกรเวลาบานเต็มสวนค่ะ ตอนนี้เริ่มออกดอกบ้างแล้ว ชอบใจโคลงกระทู้ (ถ้าเรียกไม่ถูกแก้ให้ด้วยนะคะ) ข้างล่างของคุณครูมากค่ะ ไม่ค่อยมีให้อ่าน ดิฉันชอบอ่านฉันท์เป็นอันดับ 1 รองลงมาก็คือโคลงกระทู้ (ถ้าเรียกไม่ผิด) นี่แหละค่ะ อ่านแล้วก็นึกถึงดอกสุพรรณิการ์หน้าฟาร์ม เลยนำมาประกอบโคลงกระทู้ของคุณครูเอาไว้ดูประกอบการอ่านโคลง เพื่อให้สมองทั้งซีกซ้าย (รับรู้เป็นภาษา) และซีกขวา (รับรู้เป็นภาพ) ทำงานประสานกันค่ะ
ดอก ดกดูเด่นด้าว ดวงกมล
ไม้ มิ่งขวัญมงคล เกิดเกล้า
สี สรรพสิ่งสร้าง เสริมสุข สราญแฮ
เหลือง รุ่งเรืองมลัง เร่งรู้รสธรรม
เห็นฟาร์มของอาจารย์แล้วชอบจังเลยค่ะ
น้องเองยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่กับการทำงานเพื่อหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเองและลูกชายสองหน่อ
ต้องทนไปอีก14 ปีกว่าจะเกษียณ แต่คิดไปคิดมาขอแค่สิบปีพอให้ลูกเรียนจบ แล้วจะหากระป๋องกระแป๋งมาใส่ดินหยอดต้นไม่เล็กๆเพราะบ้านห้องแถวเล็กสุดๆในตัวจว.ที่ซื้อไว้อาศัยได้แต่แค่ซุกหัวนอน
ก็มีที่บ้านสวนของมารดาเมื่อก่อนก็พออยู่ได้แต่ต่อไปคงจะโดนโจรใต้ยึดครองเพราะสวนยางตอนนี้ก็ไม่ค่อยจะกล้าเข้าไปกลัวโจรมันยิงแล้วตัดหัวเผาทิ้ง แหะๆ
น้องวิญญาณ (เกษเกล้า) นี่ อารมณ์ขันดีจังนะคะ คนอยู่ใกล้คงได้หัวเราะมีความสุขทุกวัน พี่มีเพื่อนเรียน ป.กศ. รุ่นเดียวกัน คนหนึ่งชื่อ "สายสิญจน์" อีกคนชื่อ "วิญญาณ"
ดูจากประวัติแล้วน้องเป็นคนหลายจังหวัดจัง คุณพ่อเป็นคนพัทลุง คุณแม่เป็นคนปัตตานี ตัวน้องเองเป็นคนสงขลา เคยสอนที่แม่ฮ่องสอน และนครศรีธรรมราช ปัจจุบันสอนอยู่ที่ยะลา สมัยพี่เรียนปริญญาโทปี 2517-2518 พี่มีเพื่อนห้องเดียวกันเป็นชาวใต้ 7 คนจากทั้งหมด 18 คน มีคนที่เป็นอาจารย์วิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช เป็นครูมัธยมที่ภูเก็ต เป็นครูประถมที่พัทลุง เป็นศึกษานิเทศก์ที่ยะลา และที่สุราษฎร์ฯ อีกคนเป็นชาวตรังแต่ทำงานเป็นครูที่ กทม. และน้องอีกคนที่ยังไม่ได้ทำงานเป็นชาวพังงา ตอนทำงานที่วิทยาลัยครูสุรินทร์พี่ก็มีอาจารย์ชาวส่งขลาและสุราษฎร์ฯ ภรรยา-สามีเป็นคนรักใคร่ชอบพอกัน ขนาดที่พี่ๆ เขาจองลูกสาวของพี่เป็นลูกสะใภ้ และให้พี่ตั้งชื่อลูกสาวให้ (ตั้งให้ว่า "รวงนลิน") เป็นเรื่องตลกที่ถ้าพูดถึง "ซี" แล้วตอนนั้นพี่ซีสูงกว่าพี่ผู้หญิง 2 ระดับ แต่พี่คงไม่มีมาดดูไม่ภูมิฐาน ไปตลาดด้วยกัน แม่ค้าถามพี่เขาด้วยท่าทางนอบน้อมว่า "รับอะไรคะคุณนาย" และหันมาถามพี่ด้วยท่าทางเนือยๆ ว่า "เอาอะไรเหนียง" เหนียงมีความหมายประมาณ "หนู" ของทางภาคกลางค่ะ
คุยเรื่องอื่นตั้งนาน ขอบคุณที่น้องแวะมาชมฟาร์มของพี่และชื่นชอบ ดูแล้วน้องก็เป็นคนรักต้นไม้เหมือนกันนะคะ เห็นเก็บแค็คตัสและพลูด่างมาปลูก เรามีที่แค่ไหนเราก็ปลูกแค่นั้นแหละค่ะ "ต้นไม้แม้เพียงต้นเดียวก็ทำให้เรามีความสุขได้ถ้าใจเราพอเพียง" น้องบอกเองว่า "ความสุขแท้จริงไม่ใช่สิ่งที่ต้องไปแสวงหา ให้รู้ว่าสิ่งนั้นมีอยู่แล้วในตัวคุณ" พี่นำภาพไม้ดอกที่บ้านในเมือง (บ้านเรือนขวัญที่พี่พักอาศัยเวลาเปิดภาคเรียน-อยู่คนเดียว) มาฝาก มีดอกกระเทียมเถาพันรั้วและดอกกล้วยไม้เอื้องผึ้งใต้ต้นแสงจันร์ค่ะ ทีหลังเอาหน้าสองหน่อของน้องมาดูบ้างซีคะ
น้องติดรายการอบรมอยู่เรื่อยๆค่ะ
นี่ก็พึ่งอบฯเสร็จไปเมื่อวานพรุ่งนี้ก็สิงอยู่ที่โรงเรียนต่อ
ไปโรงเรียนก็ไม่รู้จะเจออะไรอีกบ้าง
เพราะเมื่อวานซืนก็มีการวางระเบิดหน้าโรงเรียนที่อยู่ในตำบลเดียวกันก็อยู่ห่างจากโรงเรียนที่น้องสอนอยู่ประมาณสามกิโล พวกนั้นต้องวางดักรถทหารแต่กดระเบิดพลาดเป้าดันกดเร็วเกินไปก่อนรถทหารจะไปถึงเลยไม่มีใครบาดเจ็บหรือตาย
น่าเห็นใจน้องวิญญาณและครูทุกคนที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงจริงๆ ครูเป็นผู้บริสุทธิ์ทำหน้าที่ที่ก่อให้เกิดคุณูปการแก่ชุมมชน แต่กลับตกเป็นเหยื่อความรุนแรง ได้แต่ภาวนาให้เหตุการณ์สงบ ไม่รู้จะให้รอไปอีกนานแค่ไหน
ขอบคุณนะคะที่ส่งรูป "สองหน่อ" ไปให้ดู เห็นน้องวิญญาณพูดถึงบ่อยๆ เลยนึกเอ็นดูอยากเห็นหน้าตามนิสัย "คนรักเด็กจริง" (ไม่ใช่รักเพราะเป็นนางงาม เป็นได้แค่นางงอม) คนโตหล่อเชียว เป็นคนขี้อายไหมคะนี่ คนเล็กดูหน้าตาท่าจะซน เห็นบอกว่า "สุดแสบ" ไม่รู้แสบแนวไหน หลานทั้งสองยังโชคดีนะคะที่มีทั้งคุณพ่อคุณแม่อยู่เคียงข้าง ลูกสาวลูกชายของพี่สิ มีแม่คนเดียวเลี้ยงดูมาตั้งแต่คนโตเรียนอยู่อนุบาล 1 และคนเล็กยังไม่เข้าเรียน (พ่อเขาจากไปด้วยตกเป็นเหยื่อความรุนแรงค่ะ) พี่เดินทางเข้ากรุงเทพฯ วันที่ 12 ซื้อตั๋วรถไฟไว้นานแล้วตั้งใจจะไปติดต่อทางการในวันที่ 13 ลืมไปว่าเป็นวันหยุดและหยุดยาวไปถึงวันที่ 17 เลยต้องเลื่อนไปติดต่อในวันที่ 18 พอดีว่าวันที่ 15 พฤษภาคม 54 เป็นวันคล้ายวันเกิดลูกชาย เลยเป็นสปอนเซอร์ให้เขาพาแม่ พี่สาวและเพื่อนสาวของเขาไปเที่ยวที่เกาะช้าง จ.ตราด ระหว่างวันที่ 14-16พฤษภาคม 2554 ฝากภาพมาให้ดูด้วยค่ะ ภาพบนซ้ายลูกตั้ม (ปราปต์) ทำหน้าที่สารถีและช่างภาพสำหรับสาวๆ ภาพบนขวา คนซ้ายมือคือ "น้องนุกนิก" เพื่อนลูกชาย คนขวามือคือ จ๊ะเอ๋ (ปราณสลิล) พี่สาวของตั้ม ภาพล่างซ้ายเป็นบรรยากาศของหาดไก่แบ้ ที่หนุ่มสาวทั้งสามเขาไปเดินเล่นและถ่ายรูปกัน และภาพขวาเป็นภาพวิวที่พี่ถ่ายจากการปีนขึ้นไปบนชั้นสูงสุดของหอชมวิว ของ Sea Views Resort (ขึ้นไป 3 คนแม่ลูก เพื่อนลูกชายไม่กล้าขึ้นไป พี่ปีนเก่งเพราะสอนชั้น 7 ของอาคารเป็นประจำ แทบจะไม่ใช้ลิพท์ เดินขึ้นไปที่ชั้น 4 แวะเอาอุปกรณ์การสอนที่ห้องทำงาน แล้วเดินต่อไปยังชั้น 7 ส่วนพวกนักศึกษาสาวๆ แค่ขึ้นชั้น 2 ไปห้องสมุดพวกเธอก็ใช้ลิพท์แล้ว วันไหนลิฟท์เสียต้องเดินไปที่ห้องคอมพิวเตอร์ชั้น 3 พวกเธอก็บ่นและทำท่าหมดแรงขึ้นไม่ไหวกันอยู่แถวบันได)
คุณครูอินขา พี่ต้องขอโทษมากๆ นะคะที่เข้ามาตอบความเห็นช้าไปตั้ง 1 อาทิตย์ ไม่ได้ลืมและก็ไม่ใช่ขาดความใส่ใจนะคะ แต่เป็นเพราะพี่ไปตามหาข้อมูลที่ท่านราชบัณฑิตได้อธิบายเกี่ยวกับการใช้คำว่า "เกม" เอาไว้ ในรายการ TV รายการหนึ่ง ซึ่งท่านอธิบายว่า คนไทยใช้คำว่าเกมกันผิดๆ โดยเขียนคำว่า "เกม" เป็น "เกมส์" และท่านก็อธิบายว่า ไม่ว่าจะเป็นเกมกีฬา หรือเกมคอมพิวเตอร์ หรือเกมใดๆ ให้เขียนสะกดว่า "เกม" สำหรับการเขียนสะกดว่า "เกมส์" จะใช้ในกรณีเดียวเท่านั้น คือ การเขียนชื่อการจัดการแข่งขัน ได้แก่ "โอลิมปิกเกมส์" "เอเชี่ยนเกมส์" และ "ซีเกมส์" เป็นต้น แล้วพี่ก็นำคำอธิบายดังกล่าว ไปบอกต่อกับนักศึกษา เพราะส่วนใหญ่จะเขียนคำดงกล่าวผิด
ขอบคุณมากนะคะที่อุตส่าห์เขียนชี้แจงความเข้าใจของคุณครู อย่าลืมอุดมการณ์ร่วม "การพัฒนาให้เด็กและเยาวชนไทย เป็นผู้ที่มีความเป็นแก่นแท้แห่งไทย" ตามตัวบ่งชี้ที่เรากำหนดขึ้นนะคะ
(เดิมพี่เขียนความเห็นนี้ในวันที่ 15 แต่เพิ่งอ่านเจอว่าพิมพ์ผิดไปคำหนึ่ง เลยลบพิมพ์ใหม่ ก็เลยกลายเป็นเขียนความเห็นในวันที่ 18...พิมพ์บนรถด่วนขณะเดินทางกลับอุบลฯ ค่ะ)
สวัสดีค่ะคุณพี่อิอิขอตีสนิทเรียกพี่นะคะท่านอาจารย์ขา
น้องก็เลี้ยงลูกโด่เด่มาเดี่ยวๆตั้งแต่คนโต 7 ขวบเหมือนกันค่ะ ก็หย่ากับพ่อเขาน่ะค่ะเพราะไม่อยากเป็นเมียหลวงอิอิ ตอนลูกเล็กๆก็เหนื่อยกายนะคะแต่พอเขาโตยิ่งเหนื่อยใจ วัยรุ่นนี่เขาคิดอะไรทำอะไรตามใจตัวเองพูดอะไรก็ไม่ค่อยฟัง ตัวเล็กที่สุดแสบนี่นิสัยเขาจะเหมือนผู้หญิงน่ะคะ ปากคอเร๊าะร้าย และชอบแกล้งแม่เป็นว่าเล่นเอางูปลอมไปวางหน้าห้องนอนบ้างล่ะ ตะขาบบ้างล่ะ แถมยังชอบเสนอหน้าเข้ากล้องเห็นกล้องไม่ได้ ส่วนเจ้าตัวโตนี่ไม่ค่อยชอบถ่ายรูปค่ะ นิสัยจะเป็นผู้ใหญ่เกินตัวชอบไปจีบสาวรุ่นพี่ค่ะ555เพราะเขาไม่ค่อบชอบเอาใจใครเป็นคนพูดอะไรตรงๆ แต่กับแม่นี่ก็อ้อนเป็นเด็กๆ
ชอบชื่อปราณสลิลจังค่ะเพราะมาก หน้าตาน้องจ๊ะเอ๋ก็สวยน่ารัก นี่ถ้าเป็นนักเขียนจะยืมมาเป็นนางเอกในหนังสือนวนิยาย อิอิ
โอว๊าวเดินขี้นบันไดไปชั้นเจ็ด โหสุดยอดแห่งความแข็งแกร่งเลยนะคะคุณพี่
อย่างนี้เดินรอบฟาร์มได้สบายๆเลยล่ะค่ะนี่ต้นไม้ที่นี่คงโตวันโตคืนเป็นแน่แท้เพราะได้เจอหน้าคุณพี่ทุกวัน
น้องสอนแค่ชั้นสองก็บ่นแล้วบ่นอีกค่ะขึ้นไปแล้วไม่อยากลงลงแล้วไม่อยากขึ้น อิอิเลยต้องหาเรื่องพาเด็กมาเรียนในห้องสมุดที่อยู่ข้างล่าง
พี่น่ะไม่มีน้องสาว มีพี่สาว 2 คนกับน้องชาย 2 เป็นลูกคนกลางที่ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า "The Wednesday Child" Adler นักจิตวิทยาบุคลิกภาพอธิบายว่า ลูกคนกลางมักจะไม่ได้รับความสนใจจากพ่อแม่ จึงมีนิสัยชอบแข่งขัน ตอนเป็นเด็กก็จะแข่งขันกับพี่/น้องเพื่อเรียกร้องความสนใจจากพ่อแม่ พอเข้าเรียนก็แข่งขันกับเพื่อน จบออกไปทำงานก็แข่งขันกับผู้ร่วมงาน อะไรทำนองนั้น ซึ่งทั้งหมดไม่ใช่พี่เลย พี่และลูกๆ เหมือนกันคือไม่เคยเอาตัวเองไปเทียบกับใคร เลยไม่เคยรู้สึกอยากแข่งกับใคร ไม่เคยอิจฉาริษยาใคร แต่พี่เองมีมาตรฐานในการทำงานสูง จึงแข่งกับตัวเองเพื่อทำให้ได้ตามมาตรฐานที่ตั้งไว้
เมื่อพี่ไม่มีน้องสาว พอได้ติดต่อสื่อสารกับสมาชิกที่มีวัยพอเป็นน้องได้ และได้รู้จักตัวตนกันพอสมควรก็จะเริ่มรู้สึกผูกพัน อย่างเช่นสมาชิก Gotoknow ที่รู้สึกรักเหมือนน้องสาวคนแรกก็คือ "ครูอิน" ที่อุตรดิตถ์ และคนต่อมาก็คือน้อง "เกษเกล้า" นี่แหละค่ะ (เป็นน้องสุดท้องเลยอายุห่างกันมากหน่อย) ส่วนสมาชิกอื่นๆ ก็ประทับใจในลักษณะต่างๆ กันไปหลายท่าน พี่ตั้งเป้าไว้ว่า วันครบรอบ 6 ปีของ Gotoknow ในวันที่ 27 พ.ค. 2554 จะะเขียนบันทึกเกี่ยวกับสิ่งดีๆ ที่ได้รับจาก Gotoknow รวมถึงความประทับใจที่มีต่อสมาชิก Gotoknow หลายๆ ท่าน
ขอโทษนะคะที่คาดคะเนผิดเกี่ยวกับครอบครัวของน้อง พี่ก็รู้สึกอยู่เมือนกันว่าน้องพูดถึงแต่ลูกโดยไม้ได้กล่าวถึงพ่อของลูกเลย แต่น้องเป็นคนมีอารมณ์ขันและดูเป็นคนเข้าใจโลกก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ลูกๆ ถึงพวกเขาจะทำอะไรตามใจ ตนเอง แม่พูดก็ไม่ฟังไปบ้าง ก็เป็นเรื่องปกติของวัยรุ่นซึ่งเป็นวัยที่มีโลกส่วนตัวสูง ถ้าการทำอะไรตามใจตัวเองที่ไม่มีข้อเสียหายร้ายแรงก็คงต้องทำใจให้ยอมรับ
ลูกสาวของพี่คงจะดีใจที่น้องชอบชื่อและหน้าตาของเธอ เธอเป็นคนแปลกที่ชอบในสิ่งที่ดูเหมือนจะสวนทางกัน นั่นคือเป็นคนรักสวยรักงามแต่ปฏิบัติธรรมเป็นประจำ ไปเกาะช้างในกระเป่ามีแต่เอกสารเกี่ยวกับธรรมมะ และนั่งสมาธิทุกคืน
กิจวัตรเวลาพี่อยู่ที่ฟาร์มที่ พี่จะตื่นประมาณตี 4 (พี่ไม่เคยต้องใช้นาฬิกาปลุก จะตื่นได้เองตามเวลาที่ตั้งใจจะตื่น ในกรณีที่สำคัญ เช่น ไปทัศนศึกษาเป็นหมู่คณะและต้องตื่นเช้ากว่านั้น พี่ก็จะตั้งนาฬิกาปลุกกันพลาด แต่ทุกครั้งก็จะตื่นก่อนนาฬิกาปลุก) พอลุกจากที่นอนพี่จะเปิดประตูออกไปเดินสูดอากาศบริสุทธิ์ก่อน แล้วจึงกลับไปทำธุระส่วนตัว ยกเว้นเวลาอยู่ในห้องน้ำ แต่งตัว ทำอาหาร ทานข้าว ซักผ้า ทำความสะอาดบ้าน พี่จะอยู่ในสวนตลอด เริ่มจากการออกไปตรวจความเรียบร้อยที่ถนนด้านหน้าฟาร์ม ซึ่งเป็นทางหลักสำหรับการสัญจรของคนหลายหมู่บ้าน หลายอำเภอ ซึ่งคนมักจะจอดหรือชลอรถชมฟาร์มพร้อมกับทิ้งขยะออกจากรถ พี่จึงต้องคอยเก็บทั้งเช้าและเย็น ต่อจากนั้นก็จะเดินสำรวจฟาร์มจากด้านหน้าจดด้านหลัง ทิศตะวันออกจดทิศตะวันตก ตัดแต่งกิ่งบ้าง ปลูกบ้าง ย้ายบ้าง ถางวัชพืชบ้าง พรวนดินบ้าง ใส่ปุ๋ยบ้าง เก็บผัก/ผลไม้บ้าง ถ่ายรูปบ้าง พี่จะรู้จักชื่อ-ลักษณะและตำแหน่งของต้นไม้ทุกต้นที่ฟาร์ม (นอกเหนือจากไม้ผลที่ปลูกมากๆ เป็นสวนของพ่อใหญ่สอ) ต่างจากพ่อใหญ่สอที่พอถามถึงต้นอะไร แกก็จะตอบไม่ได้เพราะแกไม่เคยจำชื่อต้นอะไรได้ แม้แต่เฟื่องฟ้าที่เดิมแกเป็นคนหามาปลูกเองทุกสีโดยปลูกในท่อตามแนวถนนหน้าฟาร์ม แกก็นึกชื่อไม่ออก เวลาเอ่ยถึงแกก็จะพูดว่าต้นที่ใบเป็นดอกน่ะ (นินทาแกอีกแล้ว) วันๆ พี่จึงเดินรวมเป็นระยะทางหลายกม. ในฟาร์ม (ส่วนพ่อใหญ่สอแกจะใช้จักรยานปั่นไปในที่ๆ แกต้องการ จักรยานเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ที่สุดในงานปีใหม่ของคณะครุศาสตร์ หลายปีมาแล้ว และพี่เป็นผู้โชคดีที่ได้รับ แต่ได้ปั่นอยู่เฉพาะตอนรับรางวัลเพราะเขาให้ผู้โชคดีขึ้นไปปั่นลงมาจากเวทีเอง) พี่จึงเดินเก่ง ตอนไปมาเลเซีย ช่วงที่เดินเที่ยวและซื้อของ พวกน้องๆ นั่งพัก บอกเดินไม่ไหว แต่พี่ไม่รู้สึกอะไรเลย
คุยยาวเลยนะคะนี่ เมื่อวาน (19 เม.ย.) พี่เดินทางด้วยรถด่วนกลับจากกรุงเทพฯ พนักงานบอกว่ารถไฟเสียเวลาจะถึงอุบล 10 โมงเช้า ปกติจะเข้า 7.30 น. อึดอัดมากต้องหาอะไรทำ พี่อยู่ว่างๆ ไม่เป็น เอา Notebook มาเปิดแป๊บเดียวก็แบ็ตฯ หมด หกโมงถึงเก้าโมง เลยถ่ายรูปทุ่งนาที่รถแล่นผ่านจากอำเภอห้วยแถลง โคราช ผ่านอำเภอต่างๆ ของบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ ต่อจากนั้นก็เอางานราชการที่นัดหมายมาตรวจสอบ นัดนศ.ปริญญาโทไว้ ช่วงบ่ายโมงครึ่ง นัดผู้ประสานงานคณะกรรมการประเมินผลงานไว้ บ่ายสาม เธอโทรฯ แจ้งว่าวันเสาร์พี่จะต้องทำหน้าที่เป็นประธานกรรมการประเมินผลงานครูเก้าโมง ตอนเย็นจะเข้าฟาร์ม ไปตัดขนุนหลังบ้านไปฝากโยมที่ไปจังหันวัดป่าฯ เป็นประจำ ไปเจอเห็ดยักษ์ที่ตอมะขาม เข้าใจว่าเป็นเห็ดหลินจือ จึงถ่ายรูปไว้ตรวจสอบข้อมูลกับ Internet ปรากฏว่าฝนตกหนัก ต้องรอฝนซา จึงออกจาก "บ้านเรือนขวัญ" แล้วก็ต้องแวะซื้อขนมกินกับกาแฟ และอาหารประจำสัปดาห์ให้ลุงสอ ที่กลับไปก่อนเพราะต้องไปให้อาหารไก่ก่อนมืด ถึงฟาร์มทุ่มครึ่ง ตอนเช้าเดินสำรวจฟาร์มด้วยความคิดถึง จากไป 10 วัน กลับมามีอะไรเปลี่ยนไปเยอะเลย คงต้องเขียนบันทึกพิเศษสัก 1 บันทึก
ช่วงต่อจากนี้เราก็คงจะต่างคนต่างยุ่งแล้ว ก็ขอให้ทำงานด้วยความสุขนะคะ
« หน้าก่อน 1 2 ถัดไป »
เมื่อพี่ไม่มีน้องสาว พอได้ติดต่อสื่อสารกับสมาชิกที่มีวัยพอเป็นน้องได้ และได้รู้จักตัวตนกันพอสมควรก็จะเริ่มรู้สึกผูกพัน อย่างเช่นสมาชิก Gotoknow ที่รู้สึกรักเหมือนน้องสาวคนแรกก็คือ "ครูอิน" ที่อุตรดิตถ์
........ยิ้มมมมมมมมมมม....ด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ..พี่สาว..ยินดีนะคะ ..ดีใจ..ที่ได้รับเกียรติ..ชอบค่ะ
ด้วยความรัก และผูกพัน..เช่นเดียวกัน
ขอให้คุณพี่มีพลังในการทำงานต่าง ๆ ด้วยความสุข และปลอดภัยนะคะ..
น้องค่ะ
อิน.
รู้ตัวแล้วเหรอคะ น้องอิน ไปแอบอ่านบันทึกเขามานี่นา... ดีใจค่ะที่ยอมให้เป็นพี่สาว
ตอนนี้พี่ยังนั่งตรวจผลงานครูอยู่ที่ฟาร์มเลย พรุ่งนี้ต้องรีบเข้าเมืองแต่เช้า พี่เองบอกเลขาฯ ว่าให้นัดประชุมวันเสาร์ที่ 28 พ.ค. และพี่ก็จดบันทึกนัดหมายไว้ว่าประชุมประเมินผลครูงานวันเสาร์ที่ 28 พ.ค. แต่ผู้ประสานงานโทรฯ แจ้งว่านัดกรรมการอื่นๆ ประชุมในวันเสาร์ที่ 21 พ.ค. พี่เองเพิ่งกลับจากกทม.วันที่ 19 พ.ค. และต้องตรวจเค้าโครงงานวิจัยของนศ.ปโทด้วย งานเลยซ้อนๆ กันอยู่
โรงเรียนน้องอินก็คงเปิดแล้วสินะคะ ก็ขอให้ทำงานด้วยความราบรื่นและมีความสุขเช่นกันนะคะ
มาเป็นกำลังใจให้การทำงานมีความสุขนะคะ
เข็มเข้มแข็ง
แกร่งดังดวงใจ
ด้วยความรักและเคารพค่ะ
น้องอินที่รัก
ดีใจมากค่ะที่มาให้เห็นหน้าเห็นตา และขอบคุณมากๆ สำหรับภาพสวยๆ และร้อยกรองเพราะๆ ที่นำมาฝาก มีน้องสาวอยู่ 2 คน ต่างภาคต่างบุคลิก แต่ก็ทำให้รักมากได้เช่นกัน เมื่อเห็นหน้าน้องคนหนึ่ง ก็ทำให้นึกถึงอีกคน ช่วงนี้เจอหน้าน้องวิญญาณ (เกษ เกล้า) น้องสาวจากยะลามาคุยจ้อเป็นชุดให้ได้หัวเราะขบขันเมื่อจินตนาการถึงอาการของเธอ ในบันทึก "Happy 6 Year Anniversary Gotoknow. Org" ก็ทำให้นึกถึงน้องสาวอีกคนที่มีความอบอุ่นความอ่อนหวาน (น้องอินจากอุตรดิตถ์ นี่แหละค่ะ)
ช่วงนี้ที่ทำงานพี่เปิดภาคเรียนแล้ว วันที่ 1 พ.ค.มีประชุมคณาจารย์และพนักงานทั้งมหาวิทยาลัย วันที่ 2 ก็มีประชุมคณะ การใช้ชีวิตภายใต้ความปลอดโปร่งโล่งสบายและความสงบเงียบที่แวดล้อมเมื่อใช้ชีวิตอยู่ในฟาร์ม จะกลับกลายเป็นไปเป็นความรีบเร่ง วุ่นวายมากมายด้วยผู้คนเมื่อกลับสู่ช่วงเวลาของการทำงาน
พี่ดูแล้วดูอีก "ดอกเข็มแข้มแข็ง" ที่น้องอินนำไปฝาก ดูว่าเป็นกอเข็มจริงๆ และดอกเข็มที่เป็นรูปหัวใจนั้นก็ดูเหมือนเป็นช่อเข็มที่เป็นไปตามธรรมชาติ แต่สังเกตช่ออื่นๆ ก็ไม่เห็นเป็นรูปหัวใจ เลยสงสัยว่า จริงๆ แล้วเป็นรูปหัวใจตามธรรมชาติหรือว่าเกิดจากการคิดสร้างสรรค์ของคนคะ สำหรับคนนุ่มนวลอ่อนหวานอย่างน้องอิน พี่ขอฝากดอกกล้วยไม้ที่เรือนไทยฟาร์มไอดินฯมาเป็นกำลังใจในการทำงานนะคะ ขอให้ทำงานด้วยความสุขเช่นกันค่ะ
นี่ละค่ะ
กอแดงเข็ม
เต็มจริง ๆ จากธรรมชาติ
ไม่ได้สร้างสรรค์นะคะ
แต่..นิดนึง..จัดมุมกล้องเล็กน้อยค่ะ
ณ วันนี้เริ่มแหว่งเล็กน้อย(โรย)
เป็นไปตามกฎธรรมชาติน่ะค่ะ
มีมา..ตั้งอยู่..แล้วก็โรยรา..
แต่จะอย่างไรก็ตาม..เราพยายามเรียนรู้ ที่จะอยู่ ภายใต้กฎนี้ให้ได้อย่างปกติสุขตามช่วงเวลานั้น ๆ จน ณ เวลานั้นมาถึง..
อ่ะค่ะ..ยิ้มมมมมม..เบิกบาน..นะคะ ณ วันนี้..ที่ได้ของขวัญเป็นกล้วยไม้ที่แสนสวย และมีคุณค่าที่สุด..ชอบมากค่ะ..ขอบพระคุณมาก ๆ นะคะ
ทำให้มีพลังในการทำงานได้ต่อไปอีกยาวไกลค่ะ..
รักและคิดถึง
ขอบพระคุณค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ "น้องอิน" ที่รีบเฉลยข้อสงสัย พี่น่ะมีนิสัยที่มักจะเกิดคำถามในสิ่งต่างๆ ที่ได้สัมผัสและรับรู้ (Sensing and Perceiving) เสมอ และเมื่อยังไม่ได้คำตอบก็จะติดค้างอยู่ในใจ เวลานักศึกษาปริญญาโทซึ่งจะต้องทำวิจัยบ่นว่า ไม่รู้จะวิจัยเรื่องอะไร เพราะปัญหาใดก็มีคนเขาวิจัยไปหมดแล้ว (เพราะการวิจัย เป็นกระบวนการในการหาคำตอบของปัญหาที่ผู้วิจัยกำหนดขึ้น ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์) พี่ก็รู้สึกแปลกใจ เพราะตัวพี่เองซึ่งอ่านงานวิจัยมากทั้งของไทยและต่างประเทศ จะมีคำถามที่ต้องการหาคำตอบผุดขึ้นมามากมายไม่มีที่สิ้นสุด การที่นักศึกษาอ่านงานวิจัยไม่กว้างขวางและไม่อ่านแบบวิเคราะห์-สังเคราะห์ รวมทั้งไม่มีนิสัยช่างสงสัยนั่นเอง ที่ทำให้พวกเขา/เธอคิดหา "ปัญหาวิจัย" ไม่ออก
วันเสาร์-อาทิตย์มีเวลาพักผ่อนบ้างไหมคะ วันนี้พี่ตั้งใจจะเพิ่มบันทึกใหม่ใน Blog "Pridetoknow" ถ้าไม่เพิ่มวันนี้คงหาโอกาสยาก เพราะงานหนักเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 54 ที่เปิดภาคเรียนแล้ว
ขอบคุณมากค่ะสำหรับ "แง่คิดในการดำเนินชีวิต" ที่มาพร้อมกับดอกไม้งาม ขอให้มีความสุขทุกๆ วันนะคะ
..เกิดคำถามในสิ่งต่างๆ ที่ได้สัมผัสและรับรู้ (Sensing and Perceiving)
..เพราะการวิจัย เป็นกระบวนการในการหาคำตอบของปัญหาที่ผู้วิจัยกำหนดขึ้น ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ..
ดีจังค่ะ..ทำให้ได้ทบทวน สาระการวิจัย..ขอบคุณค่ะ ชอบค่ะ..
ขอให้มีพลานามัย แข็งแรง สมบูรณ์นะคะ เพื่องานที่เดินหน้าค่ะ
เข้าชมแล้วค่ะ
สวยงามมาก คิดถึงตอนไปเยี่ยมฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้
ยังไม่มีดอกไม้บานสวยขนาดนี้เลย แต่...ตอนนี้สวยงามมากกกกกก เลยค่ะ
ฟาร์มไอดิน กลิ่นไม้ น่าอยู่มากเลยคะ ใช้ชีวิตแบบพอเพียง พออยู่พอกิน เห็นแล้วอยากทำเหมือนกันคะ ^__^
อาจารย์แม่ขา....
ขอโพสตามอารมณ์ที่เพิ่งอ่านบันทึกนี้เพียงไม่กี่บรรทัดค่ะ
..."ยกตัวอย่างเล็กๆ เช่นคนหลังที่กล่าวถึงสามารถเล่นดนตรีหลายๆ อย่างได้โดยที่อ่านโน้ตไม่เป็น ร้องเพลงได้โดยไม่เพี้ยน (เคยเป็นนักร้องวงสโมสรอาจารย์ทั้งที่วิทยาลัยครูสุรินทร์ และวิทยาลัยครูอุบลฯ) และจำเนื้อเพลงในอดีตได้นับร้อยเพลง (ซึ่งเป็นความถนัดที่เกิดจากการทำงาน ของสมองซีกขวา) ในขณะที่คนแรกที่กล่าวถึง แม้แต่หายใจยังเพี้ยน จำเนื้อเพลงไม่ได้แม้แต่เพลงเดียว ยกเว้นเพลงชาติไทย (ถ้าจะให้แน่ใจต้องทดสอบ) และแยกไม่ออกว่าเพลงที่เพราะและไม่เพราะมันแตก ต่างกันตรงไหน "
เอ่อ...อีกคนหนึ่ง... "หายใจยังเพี้ยน".... หนูกลั้นหัวเราะไม่อยู่จริงๆค่ะ๕๕
(ได้คำตอบชัดแล้วค่ะ ว่าทำไม ขุมพลังอาจารย์แม่ ถึงมากมายมหาศาลเช่นนี้ วาสนาบารมีน่าทึ่ง มหัศจรรย์ เป็นตะงึดหลายค่ะ)
ขออ่านต่อหละค่ะ ^____^ ขอบพระคุณมากค่ะ
แม่ครูคะ...
ขออนุญาต คลิกชมให้เต็มตาเถอะค่ะ งามแท้ หนูปลูกพันธุ์สีขาว รอบรั้วเนินผักหวานป่าเล็กๆค่ะ
สวนใกล้บ้าน ลงไปเกือบสามสิบหลัก แต่สู้หญ้าไม่ไหว ไม่ยอมโต เพราะไปเก็บพันธุ์ที่เขาทิ้งตากแดดมาค่ะ
โอ๊....เสากลมมาตรฐาน สำหรับแก้วมังกร หนูใช้เสารั้วค่ะ กะเผื่อถอนไปทำรั้วตอนหลัง
ยกลงหลุมเอง โยกไปโยกมาพังไปแล้วต้นหนึ่งค่ะ
ขอบพระคุณทั้งเนื้อหาสาระเข้มข้นและภาพงามๆ จุใจจริงๆค่ะ