แอ มมี่หยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาจากหลังรถของพี่สาว ด้วยความสงสัยในชื่อหนังสือค่ะ แล้วก็สงสัยต่อว่า มันจะไม่มี (สูตรสำเร็จ) ได้ยังไง?
แอมมี่ใช้เวลาว่าง (ที่มีอยู่น้อยนิด) ตั้งใจอ่าน แล้วก็ต้องขอชื่นชมผู้แปลคือคุณอนุรักษ์ กิจไพบูลทวี ที่แปลด้วยภาษาที่สละสลวยมากๆ ทำให้อ่านลื่นไหล และอินไปกับผู้ เขียนคือ หลีจื้ออิง (หรือจิมมี่ ไหล) เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้า Giordano และเจ้าพ่อแห่งวงการสื่อสิ่งพิมพ์ของฮ่องกงและไต้หวัน ผู้มีทรัพย์สินกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ
เชื่อมั๊ยคะว่าขณะนี้ แอมมี่กำลังอ่านรอบสอง เพื่อเก็บรายละเอียดเอาไปใช้ในงานสอนและงานเขียนด้วย
หลีจื้ออิง (จิมมี่ ไหล) ภาพจาก วิกิพีเดีย
ความ น่าสนใจคือ เค้าไม่ได้เข้าเรียนในระบบ แต่มีประสบการณ์การทำงานที่ล้ำค่าน่าสนใจ ด้วยความยากจนต้องกลายไปหาเงินข้างถนน และด้วยความที่มีวิธีการคิด มีปรัชญาการคิดที่ดี น่าจะนำมาเป็นตัวอย่างมากๆ และเป็นนักอ่านหนังสือตัวยง จึงทำให้สามารถเป็นผู้จัดการโรงงานเสื้อไหมพรมได้ตั้งแต่อายุ 20 ต้นๆ และมีกิจการเป็นของตัวเองในอายุเพียง 26 ปี แต่เค้ากลับพูดว่า
"การ อ่านหนังสือก็เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ไม่ใช่เพื่อค้นหาสูตรสำเร็จของความร่ำรวย ความสำเร็จที่ดูเหมือนเกิดขึ้นในทันทีนั้นความจริงแล้วคือผลลัพธ์ที่ได้มา จากความรู้ที่ซึมซับมาจากหนังสือเล่มนั้นนิด หนังสือเล่มนี้หน่อย หลักการตรงนั้นนิด วิชาตรงนี้หน่อย ผ่านการสั่งสม กลั่นกรอง จนตกผลึก"
อ่านไปเพียง 28 หน้า เดี๋ยวแอมมี่จะลอง quote คำคมเด็ดๆ ให้ลองอ่านกันนะคะ
" ในยามชีวิตปกติ คนเราควรมีความหวังกับอนาคต ในยามลำบากยากเข็ญ ความหวังยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นเป็นทวีคูณ"
"อะไรก็ตามที่คนอื่นมี เราก็มีได้ ...ความสำเร็จของคนอื่น ไม่ใช่คำสาปของผม"
"คน หนุ่มนั้น เต็มไปด้วยอุดมการณ์ แต่ขาดความรับผิดชอบ ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ความทะเยอทะยานมีเต็มร้อย แต่มักมองข้ามสภาพความเป็นจริง คนหนุ่ม มักอ่อนด้อยในเรื่องการรักษาจรรยาบรรณและการรักษาคำพูด เห็นแก่ผลประโยชน์เฉพาะหน้า ไม่มองการณ์ไกล"
"ถ้าคนอื่นต้องคอยระแวงเราในทุกฝีก้าว ทุกเรื่อง ... ต้นทุนในการทำธุรกิจของเราจะแพงลิบลิ่ว"
"สัจจะ คือ ทรัพย์ที่ล้ำค้าที่สุดของการทำธุรกิจ เมื่อมีสัจจะ แม้ไม่มีเงินทุนก็ทำธุรกิจได้ เมื่อเสียสัจจะ ต่อให้มีทุนหนาแค่ไหนก็ต้องดับ ...สัจจะ จึงคือฐานหลักของการทำธุรกิจ"
"ความสำเร็จ ไม่ใช่การบรรลุเป้าหมาย ...ความสำเร็จคือกระบวนการที่ไม่รู้จบ"
"การ เอาแต่นั่งคิดนิ่งๆ อย่างกับพระเข้าญาณ จะค้นพบแนวทางในการพัฒนาธุรกิจได้อย่างไร ถ้าไม่ลงมือค้นคว้าจากการปฏิบัติจริง มีหรือจะเอาชนะอุปสรรคได้สำเร็จ"
"แรงขับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ผลักดันให้มนุษย์ก้าวหน้า คือ การค้นพบความสามารถของตนเองระหว่างการกระทำ พร้อมกับยินดีปรีดาไปกับมัน"
ท่าน อจ. ดร.ครรชิต มาลัยวงศ์ เป็นอีกท่านที่ได้รีวิว หนังสือเล่มนี้ค่ะ และสรุปแนวคิดสำคัญของคุณหลีจื้ออิงไว้ดังนี้
แม้คุณหลี จื้อ อิง จะประสบความสำเร็จ แต่เขาก็เตือนว่า...
"ความสำเร็จทำให้จิตวิญญาณของเราลอยขึ้นไปในอวกาศ ทำให้เรามองโลกผ่านวงแหวนรัศมีของความสำเร็จ ผลทื่ได้ก็คือ มองเห็นแต่แสงสว่าง ไม่เห็นความมืด แล้วนั่นจะเป็นสภาพความจริงของธุรกิจและชีวิตจริงได้อย่างไรกัน
"เมื่อไม่มีความมืด ก็ไม่มีข้อบกพร่อง แล้วจะเหลือช่องว่างอะไรให้ก้าวหน้าได้อีก ชีวิตที่ไม่มีความก้าวหน้า มิกลายเป็นความสมบูรณ์แบบเหมือนเช่นความตายหรอกหรือ"
สำหรับในเรื่องความล้มเหลว เขากล่าวว่า...
"คุณเคยได้ยินใครพูดบ้างไหมว่า การที่เขาทำธุรกิจล้มเหลว เป็นเพราะเขาทำธุรกิจไม่เป็น ไม่รู้หลักการ บริหารไม่เก่ง ใช้คนไม่เก่ง คุณต้องไม่เคยได้ยินอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่คุณมักได้ยินคนที่ทำธุรกิจล้มเหลวพูดก็คือ ผิดจังหวะ ผิดเวลา ถูกคนถ่อยให้ร้าย อะไรทำนองนี้แทน
"คนที่พูดจาเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นพวกคิดว่าการทำธุรกิจเป็นเรื่องง่าย มันไม่ควรจะล้มเหลวได้เลย เมื่อตนเองโชคร้ายล้มเหลวก็โทษดวงบ้าง โทษโชคชะตาบ้าง หรือไม่ก็ว่าตนเป็นคนดีเกินไป ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม จึงถูกคนหลอก
"มันเป็นแบบนั้นจริงหรือ แน่นอน การทำธุรกิจก็ต้องพึ่งดวงเหมือนกับเรื่องอื่น ๆ ทุกเรื่อง และมีช่วงจังหวะที่ตกอบดวงซวยได้เหมือนกัน แต่ในเมื่อเราควบคุมดวงชะตาไม่ได้ จะไปหัวเสียกับเรื่องดวงชะตาทำไม เพราะท้ายที่สุดแล้ว การทำธุรกิจไม่ได้อาศัยดวงเพียงอย่างเดียว ตัวกำหนดความสำเร็จหรือล้มเหลวทางธุรกิจในระยะยาวคือความสามารถ"
เป็น อย่างไรบ้างคะ เด็ดๆ ทั้งนั้นเลยใช่ไหมคะ แอมมี่ชวนเพื่อนๆ ติดตามหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านได้แล้วค่ะ และขอจบรีวิวหนังสือเล่มนี้ด้วย แนวคิดนี้ค่ะ
"การ สร้างกิจการต้องอาศัยใจสู้และมีความคิดสร้างสรรค์ ไม่ใช้ใจสู้อย่างนักพนัน อุปสรรคที่เกิดขึ้นระหว่างการสร้างกิจการมักแปลกใหม่ เราต้องมีพลังชีวิตที่สดใสและความรู้สึกสดชื่น จึงจะสร้างกิจการได้สำเร็จ"
ขอให้เพื่อนๆ มีความสุข สดชื่น แจ่มใส ในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้นะคะ
แอมมี่ - อิศราวดี ชำนาญกิจ
15 เมษายน 2554
อ่านเพิ่มเติมที่
http://drkanchit.acinfotec.com/2010/04/blog-post_29.html
http://en.wikipedia.org/wiki/Jimmy_Lai
Jimmy Lai ranks 32 on Hong Kong's 40 Richest 2008. นิตยสาร Forbes
ขอบคุณมากๆ ครับ ข้อคิดดีดีเยอะเลย
ขออนุญาตแชร์นะครับ ^^
*ขอบคุณคติดีๆที่นำมาแบ่งปันกัน..น่าสนใจมากค่ะ..
*ขอบคุณที่ไปเยี่ยมอ่านที่บันทึกและร่วมรำลึกคุณงามความดีของ น้องหนานเกียรติ ค่ะ..