ไปทาน MK แล้ว คะแนน ONET จะสูงขึ้นได้จริงหรือไม่


การบริหารการศึกษา

วันนี้ไปทาน MK กับครอบครัว ก่อนไปเปิดเข้าไปอ่าน คะแนนผลการสอบ ONET ที่เพิ่งผ่านมา http://www.niets.or.th/upload-files/uploadfile/9/bdaea64f96d90aeca0bb751dc827ca60.pdf

ขณะทานเห็นการบริการของ MK แล้วคิดถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหลาย นับตั้งแต่บุคลากรเบื้องสูงทางการศึกษา ลงมาจนถึง ผู้อำนวยการเขตพื้นที่ ผู้อำนวยการโรงเรียน ไม่มั่นใจว่าได้ไปทาน MK กันอย่างทั่วถึง หรือไม่ ถ้าเคยไปทานบ้างแล้ว ไม่แน่ใจว่าได้นำอะไรดีๆ ที่แฝงอยู่ไปใช้กันบ้างหรือไม่

ที่ผมเห็นในวันนี้ แล้วคิดถึง คะแนน ONET ขึ้นมา เป็นอย่างนี้ครับ

 1. ไปถึงพนักงานขอชื่อ เพื่อเรียกคิวเข้ารับบริการตามลำดับก่อนหลังของลูกค้าที่ไปถึง (คิดถึงโรงเรียนดี ที่พ่อแม่ผู้ปกครอง ต้องไปจองให้ลูกหลานเรียนนับตั้งแต่ตั้งครรภ์...มีจริงๆ บ้างไหมครับ.....คิดถึงผู้บริหารทางการศึกษาที่ใครๆ อยากเข้าพบ เพื่อหารือการยกระดับคุณภาพการศึกษา เพื่อขอความอนุเคราะห์ให้คลายทุกข์ ต่างๆ นาๆ เพราะท่านมีแต่ให้ความเป็นกันเอง และอบอุ่น....คงมีบ้าง)

 2. หลังจากเข้านั่ง พนักงานนำเมนูมาให้สั่งอาหาร มีให้เลือกเพียบ (คิดถึงโรงเรียนดี ที่มีวิชาเลือกให้เลือกเรียนเพียบ มีครูใหญ่...แปลว่า ผู้อำนวยการโรงเรียนที่รู้ดีทำอะไรได้ที่เกี่ยวกับการสอนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง....ออกมาบอกว่าหนูอยากเรียนเรื่องอะไร วิชาอะไรครูมีให้เรียนทุกวิชา รับรองว่าเรียนรู้จริง ใช้งานได้ ถ้ามี (ย้ำ...ถ้ามี)....ข้อสอบ ONET ออกมา ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ออก  ครูรับรองว่าต้องสอบผ่าน ถ้าไม่ผ่านครูจะยุบโรงเรียนเลยเชียว  ....จะมีไหมนี่ครูใหญ่แบบนี้) 

3. ขณะสั่งพนักงานจิ้มๆ เข้าเครื่องสั่งไปยังฝ่ายเตรียมอาหารให้เตรียมตามเมนูที่สั่ง  (คิดถึงครูยุคใหม่ที่ใช้ ICT ในการสอน และคิดถึงผู้อำนวยการโรงเรียน...แปลว่าผู้ที่ทำให้เด็กๆ มีที่เรียน  ทำให้ให้ครู และตนเองมี่ที่ทำงาน  ที่ยังไม่ถึงระดับความเป็นครูใหญ่เป็นสักเท่าไหร่ แต่ลุ้นให้ครูใช้ ICT ในการสอนเพราะจะช่วยให้นักเรียนได้เข้าใจเร็ว)

4. พนักงานทวนรายการการให้ฟัง ว่าสั่งอะไรบ้าง แล้วก็เสียบใบสั่งไว้ใต้โต๊ะ เพื่อไว้ให้ตรวจสอบตามหลักธรรมาภิบาล ที่เราใช้กันในวงราชการ(ตอนนี้ทำให้คิดถึง การประชุมอบรมสัมนนา ในยุคหลังปฏิรูปการศึกษา ที่มักจะมีการให้ลงเวลาเข้าประชุมอบรมรวดเดียวตลอดงานสามวันเจ็ดวันที่มีการประชุม อบรมสัมมนา เพื่อเป็นหลักฐานให้เบิกเงินได้ครบ แต่จะจ่ายให้โรงแรมครบคน ครบวันหรือไม่ ก็ยังสงสัย เพราะต้องคิดทางบวกไว้ก่อน .....ในประเด็นนี้ต้องเป็นกระทู้ใหม่ที่คุยกันอีกยาว เพราะเป็นแบบแผนใหม่ ที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในระบบการศึกษา ที่ผมคิดว่าจะนำไปสู่ความเป็นราชโกงกันอย่างมโหฬาร)

 5. ทุกอย่างพร้อมแล้ว เราก็ช่วยกันหยิบ สารพัดที่ให้มาตามที่สั่งไว้ใส่หม้อที่น้ำกำลังเดือดปุดๆ   เราทำได้ดีเพราะทุกอย่างพร้อม (คิดถึงครูใหญ่นักบริหารการเรียนรู้ที่เก่งกาจ ที่หาสื่อ ICT ที่ครูสามารถคลิ๊ก นำไปเตรียมการสอนได้ หรือเลือกใช้ได้ทันทีที่เห็นว่านักเรียนบางกลุ่มบางคนควรได้รับการช่วยเหลือให้นักเรียนอ่อน หรือปานกลางเข้าใจมากขึ้น หรือ เรียนได้ดีขึ้น นักเรียนเก่งได้เรียนรู้มากขึ้น ลึกลงไปกว่านักเรียนอื่นๆ โดยไม่ต้องรอนักเรียนที่เรียนอ่อน และปานกลาง ตามหลักการนักเรียนเป็นสำคัญที่พยายามตอบสนองความสามารถความสนใจของนักเรียน และ......ผู้บริหารที่คิดถึงนี้ ได้รับการดูแลจากผู้บริหารการศึกษาระดับสูง ให้ได้เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่งโดยใช้ผลงานการจัดการเรียนรู้เป็นสำคัญ โดยไม่แยแสว่าจะมาเอาอกเอาใจเป็นการส่วนตัว)

6. ทานไป ก็อร่อยไป พนักงานเข้ามาเติมน้ำชา และน้ำจิ้มอยู่มิได้ขาดโดยไม่ต้องชะเง้อแล ชะแง้หา ก่อนเติมพนักงานจะพูด "หนู/ผมขออนุญาต เติมน้ำชา/น้ำจิ้มนะครับ/นะค่ะ"  (ตรงนี้ก็ทำให้คิดถึงข้าราชการที่คอยให้บริการ แก่ครู ที่อยู่ที่เขตพื้นที่ และ สพฐ. ทั้งระดับสูงและระดับธรรมดา ที่คอยดูแลเอาใจใส่ ในสวัสดิการของคุณครู โดยไม่ต้องรอให้เรียกร้อง หรือ เดินขบวนประท้วง ให้หมดเงิน เสียเวลา)

ที่กล่าวว่าคิดถึงๆๆๆ มานั้น ผมกลับมาคิดถึงที่บ้านนะครับ ถ้าเอาแต่คิดถึงๆๆๆ ในขณะนั้น   การทานMK ของผม และครอบครัวในวันนี้คงจดชืด เหมือน KM (knowledge Management) ทางการศึกษาที่มีการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ๆๆ ที่ผมมักพบเห็นบ่อยๆ

7. ขณะที่ทานไป มีกระดาษรองแก้ว ที่กล่าวถึง ประเพณีวันสงกรานต์ 4 ภูมิภาค ทานไปก้มไป อร่อยไป ทั้งอาหารและความรู้เป็นของแถม (ทำให้คิดถึงผู้บริหารการศึกษาทุกระดับ ที่พยายามหาทางพัฒนาบุคลกรทุกวิถีทาง อย่างเข้าใจธรรมชาติของผู้รับการพัฒนาอย่างเช่นท่านผู้บริหารระดับสูงของ MK ที่เข้าใจจริง เข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า “ให้มันรู้ไปซิว่าจะอ่าน หรือไม่อ่าน ข้าฯ วางไว้ตรงหน้า  ที่คุณก้มๆซดๆ แล้วน่ะคุณ ไม่อ่านก็ให้มันรู้ไป”

 จะดีไหมครับ.....ให้ นโยบายให้ทุกระดับ ไปทาน MK แล้วรายงานถึงรัฐมนตรี ว่าไปทานแล้วได้แง่คิดในการบริหารการศึกษาอย่างไร จะนำไปใช้ในการกำหนดนโยบายทางการศึกษาอย่างไร

จะดีไหมครับ.....เชิญท่านผู้บริหาร MK ไปเป็นที่ปรึกษาในทุกระดับ ตั้งแต่ กระทรวง สพฐ. และ เขตพื้นที่การศึกษา

ที่ตั้งกระทู้ไว้ว่า “ไปทาน MK แล้ว คะแนน ONET จะสูงขึ้นได้จริงหรือไม่” นั้น

ผมตั้งกระทู้เอง และตอบเองในขณะนี้ว่า “ไปทาน MK แล้วอร่อยแน่ ส่วน ONET จะขึ้นหรือไม่ น่าจะยังเป็นคนละเรื่อง

คงโต้งเชื่อมโยงให้เห็นกันอีก

แล้วจะมาเขียนต่อ ท่านใดเข้ามาแล้ว จะช่วยแจมบ้างก็ดีมาก ขอบคุณล่วงหน้าครับ

หมายเลขบันทึก: 435316เขียนเมื่อ 14 เมษายน 2011 00:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:41 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (19)
  • สวัสดีครับ อาจารย์Ico48
  • สุดยอดครับ เปรียบเปรยได้เห็นภาพพจน์ ตรงไปตรงมา
  • MK อร่อยๆๆๆๆ
  • สวัสดีค่ะ
  • ขอชื่นชมค่ะ
  • เปรียบเทียบ เปรียบเปรยได้เห็นชัดเจน
  • คิดวิเคราะห์นี่ทำได้ทุกที่ทุกเวลาจริงๆ
  • จะจำไว้ใช้ค่ะ
  • ขอบคุณค่ะ

เมื่อวานทาน MK ประมาณ 70 นาที กลับมานนั่งพิมพ์และโพสต์ซะสามชั่วโมง หมดแรงก่อนจบ ได้กำลังใจจากกองเชียร์ ตื่นเช้าขึ้นมามีผู้มาอุดหนุนกันถึง 29 ท่าน สองท่านที่เข้ามาให้กำลังใจ คุณครู ฐานิศวร์ จากบุรีรัม และ ท่าน ศน.ลำดวน จากสุพรรณบุรี. ก็ต้องขอบคุณ และขอบคุณทุกท่านที่คลิ๊กเข้ามาให้ตัวเลขขึ้น วันนี้มาว่ากันต่อนะครับ

8. ก่อนเซ็คบิลล์ พนักงานยังมาถามอีกว่า เติมน้ำอีกไหมค่ะ (คิดถึงที่เขตพื้นที่การศึกษา....

เมื่อคุณครู ผู้บริหารในปัจจุบัน หรือผู้อาวุโสที่เกษียณอายุไปแล้ว และ ใครก็แล้วแต่ที่เข้าในสำนักงานแล้ว จะมีเจ้าหน้าที่ที่เป็นประชาสัมพันธ์ หรือไม่เป็นประชาสัมพันธ์ พอเห็นว่าใครโผล่เข่ามา และยังไม่มีใครมาต้อนรับ ก็จะผละจากงานเข้ามาเชื้อเชิญให้นั่ง กุลีกุจอหาน้ำมาให้ดื่ม ถ้าเห็นว่าอ่อนแรงมาหน่อย ก็จะถามว่า กาแฟสักถ้วยนะครับ/นะค่ะ แล้วก็สอบถามความต้องการ และจัดการให้บริการ โดยไม่มีการพูดว่า “เจ้าหน้าที่ไม่อยู่” หากบริการไม่ได้จริงๆ ก็จะขอชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์เข้าไว้ และบอกว่า “แล้วหนู/ผม จะฝากไปให้ จะโทร์ไปบอก จะส่งไปให้” ตามที่ต้องการ.....ที่ทำได้ขนาดนี้พระผู้อำนวยการเขตพื้นที่ท่านเอาใจเข้าไปใส่ในงานของท่าน ท่านรองฯ ก็ขอให้เจ้าหน้าที่สรุปรายงานทุกวัน ว่าวันนี้งานเข้ากี่ประเภท กี่งาน สำเร็จกี่รายการ คั่งค้างกี่รายการ เพื่อดูแลช่วยเหลือเจ้าหน้าที่อีกทอด คงเหมือนๆ กับ MK ที่เขาฝึกอบรมพนักงานมาดี และระดับบริหารเองเขาคงปฏิบัติตนในฐานะผู้นำองค์กรได้ดี)

9. บนโต๊ะมีสลิปสำหรับให้ข้อมูลย้อนกลับที่ทำไว้อย่างสวยงาม เล็ก ๆ พร้อมปากกา

ผมจึงหยิบมาเขียน “สุดยอดการบริการ” ทุกข้อคำถามเกี่ยวกับความพอใจให้คะแนนเต็มทุกข้อ แต่มีข้อสงสัย ที่ในจานผักที่มีข้าวโพดตัดเป็นท่อนเล็กๆ ประมาณหนึ่งเซ็นต์มาให้ ...ทานยากเหลือเกิน ทางร้านคงมีเหตุผลอะไรสักอย่างสองอย่าง หรือจะให้เด็กๆ แทะเล่น ถ้าแทะก็ต้องใช้มือจับ ก็น่าจะไม่ถูกหลักอนามัยอีก หรือ เหตุผลอื่น ก็ตั้งข้อสัยไป

กรณีนี้ ทำให้คิดถึงหลายอย่าง

- คุณครูที่ให้นักเรียนให้ข้อมูลย้อนกลับ เพื่อนำมาปรับปรุงตัวเอง

- โรงเรียนที่มีกิจกรรมที่ขอให้ชุมชน ครู และนักเรียน ให้ข้อมูลย้อนกลับ ก่อนปิดภาค เรียน เพื่อจะนำไปพิจารณาปรับปรุง

- โรงเรียนที่นำเอาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ที่โรงเรียนสอบเอง และคะแนน ONET

LAS, GPA ฯลฯ ที่เพิ่งผ่านมา มาพิจารณาหาวิธีการปรับปรุงตนเอง โดยส่วนรวมและตามภาระหน้าที่ของแต่ละฝ่าย แต่ละคน

ที่คิดตะเลิดเปิดเปิงไปอีก ก็คือ คิดไปว่า

สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เขาคงไปทบทวนว่า ที่คะแนน ONET ออกมาน้อยน่าใจหายนั้นเพราะระบบการศึกษาอ่อนแอ หรือ การสอนอ่อนแอ หรือ การออกข้อสอบของตัวเองอ่อนแอกันแน่ ผลเป็นอย่างไร สาบันทดสอบฯ ก็มีการแถลงข่าวอย่างใหญ่โตเพราะการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องของการสร้างชาติอย่างยั่งยืน การแถลงข่าวนั้นก็เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นในกระบวนการของสถาบันให้ได้ อาจนำข้อทดสอบแต่ละวิชา แต่ละข้อมาวิเคราะห์ ชี้แจงให้เห็นว่า อยู่ในกรอบของ มาตรฐาน ตัวชี้วัด ของหลักสูตร และที่เด็กทำข้อสอบได้น้อยนั้นไม่ใช่เป็นเพราะข้อทดสอบ แต่เพราะเป็นความอ่อนของทั้งระบบการจัดการศึกษา ที่ไม่ลงเอยด้วยการโทษแต่ครู

เพื่อที่ผู้เกี่ยวข้องทั้งหลาย นับตังแต่รัฐมนตรี ลงมาตามลำดับ (รวมทั้ง สมศ. สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา(องค์การมหาชน) ที่เคยรับรองมาตรฐานคุณภาพการศึกษา (สมศ.) ของโรงเรียนมาแล้วว่า รับรองคุณภาพเป็นส่วนใหญ่

รับรองแล้ว ทำไมถึง ONET ยังไม่เป็นที่น่าพึงพอใจ) เพื่อจะได้ทบทวนปรับปรุงตนเอง

เช่น

- ท่านรัฐมนตรี : ทบทวนปรับปรุงระบบบริการราชการ และบริหารการเรียนรู้ให้ สพฐ. เป็นองค์กรมหาชน เพื่อเลขาธิการ สพฐ. จะพิจารณาตนเองได้สะดวกขึ้น หรือ เปลี่ยนชื่อเสียใหม่ เช่น สำนักงานบริหารการเรียนรู้ขั้นพื้นฐาน เพื่อจะได้พุ่งเป้าไปยังคุณภาพของผู้เรียนเป็นสำคัญ หรือ อื่นๆ ก็แล้วแต่ท่านจะคิด

- ท่านเลขา สพฐ. ทบทวน ปรับปรุง องค์กร สำนัก ใน สพฐ. ตลอดจนมาตรฐานการปฏิบัติงานของแต่ละสำนัก ให้สามารถควบคุมคุณภาพงานได้ เหมือน หรือ คล้าย MK

ที่สามารถประกันคุณภาพความอร่อยได้ทุกสาขา สาขาของ สพฐ. คือ สำนักงานเขตพื้นที่

ทำอย่างไรให้ ทุกเขตพื้นที่ ได้มาตรฐานคุณภาพตามมาตรฐาน ของ สพฐ. เป็นความรับผิดชอบของ เลขาธิการ สพฐ. ถ้าไม่สามารถทำได้เพราะด้วย ผู้อำนวยการเขตพื้นที่เป็นข้าราชการ ที่ถูกให้ออกปลดออกยาก ก็อาจมีการสอบ สรรค์หา แต่งตั้งบุคคลที่ไม่เป็นข้าราชการเข้ามาทำหน้าที่ เพื่อจะได้ปลดออกได้ง่ายๆ ถ้า ผลกรเรียนรู้ของนักเรียนไม่ถึงระดับที่พึงพอใจ

- ผู้อำนวยการโรงเรียน ก็ต้องปรับปรุง ตนเอง ถ้าทำไปสักระยะ ONET หรือ ผลการวัดประเมินผลในระดับชาติอื่นๆ ยังไม่ดีขึ้น ก็อาจต้องเข้มงวดกับตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน เช่น ต้องมาจากครูเก่ง ครูดี เท่านั้น มีระบบการนำครูเก่ง ครูดี เข้ามาเป็นครูใหญ่และผู้อำนวยการโรงเรียน

- คุณครู ก็ต้องทบทวนปรับปรุงตนเอง ทั้งด้านเนื้อหาการสอน วิธีการสอน และพฤติกรรมการสอน

ที่ยังไม่พูดถึง คือ ศึกษานิเทศก์ ซึ่งอยู่ใน สพฐ. และเขตพื้นที่ ก็ต้องปรับปรุงตนเอง

อีกทั้ง สพฐ. และเขตพื้นที่ก็ต้องปรับปรุงวิธีการใช้ศึกษานิเทศก์ให้เป็น เปิดโอกาสให้ศึกษานิเทศก์ได้ใช้สมอง ให้อภิปรายได้ เสนอแนะได้ ไม่มีการสั่งให้ศึกษานิเทศก์ทำผลงานทางวิชาการให้ ให้เสียศักดิ์ศรี และหากศึกษานิเทศก์ไม่เข้าท่าไม่เข้าทาง อย่างมีนัยสำคัญ ก็อาจให้กลับไปยังโรงเรียน ในฐานะครูผู้สอนที่เคยสอนเก่งมาก่อนได้ (ศึกษานิเทศก์ต้องมาจากครูเก่ง และครูดี เช่นเดียวกับ ครูที่จะมาเข้าสู่ตำแหน่งครูใหญ่ ผู้อำนวยโรงเรียน)

แต่ผมก็ไม่ค่อยจะมั่นใจสักเท่าไร กับการเอา ONET หรือผลการทดสอบใดๆ ในระดับชาติมาเป็นหลักในการปรับปรุงพัฒนา เพราะกว่าจะรู้ผล ก็สายเสียแล้ว ทุกปีไป จะดูผลการประเมินภายในจากต้นสังกัด ที่ทำทุกปี ก็สายเสียแล้วทุกปีไป ยิ่งรอรับการประเมินภายนอกจาก สมศ. ทุก 4 ปี ยิ่งสายอย่างมโหฬารไปเลย ครบสี่ปี แล้วเอาพนักงานบริษัทที่ขาดทักษะการขาย การทำงาน มาเป็นผู้ประเมิน ผลการประเมินจะเชื่อถือได้ไหมครับ

สภาการศึกษาน่าจะได้ทบทวนปรับปรุงระบบประเมินภายนอกกันบ้างไหมครับ

พูดถึงสภาการศึกษา ผมคิดว่าท่านคงร้อนๆ คงหนาวๆ เหมือนกัน

แต่ได้เอ็คชั่นแล้วบ้างหรือยัง ผมยังไม่ทราบ

ผมยังมั่นใจในการมีสถาบันการทดสอบครับ ต้องมีตลอดไป หากจะมีเออเรอ์บ้างก็ค่อยๆ ปรับปรุงไป นานปีเข้าก็คงเก่งขึ้นเรื่อยๆ

ถ้าทำกันถึงขนาดนี้ ONET ในหนึ่งถึงสามปีข้างหน้า จะขึ้นได้จริง หรือไม่ ......มันก็น่าจจะขึ้นบ้างใช่ไหมครับ และถ้าจะขึ้นได้จริง ๆ คงต้องขอหลักการประกันคุณภาพของ MK มาประยุกต์ใช้ จะใช้อย่างไร ผมมจะลองเสนอแนะให้อ่านกันอีกนะครับ

สวัสดีปีใหม่เมืองค่ะท่าน ศน. มาติดตามสาระน่ารู้ที่ท่านนำมาเสนอเป็นเรื่องราวที่ครูควรใส่ใจในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้นะคะ ท่านนำเสนอเว็ปที่น่าสนใจจะติดตามต่อไปค่ะ

ท่านคะเห็นเมลที่ดิฉันได้ส่งมาให้หรือไม่ เพราะอยากทราบว่าท่านว่างหรือไม่ อยากได้เบอร์โทรท่านนะคะ ขอบคุณค่ะ

คุณครูรินดาครับ เข้าไปดูในเว็บไซต์ของผมนะครับ มีเบอร์โทรอยู่ด้วย

เพิ่งกลับมาจากดูหนังเรื่อง พระนเรศวร ภาค 3

ไปดูเรื่องนี้ หลังจากทาน MK แล้ว ONET จะสูงขึ้นแน่นอน

จะมีแรงขับมากขึ้น เพราะต้องรักษาและพัฒนาชาติด้วยการศึกษาต่อไปให้ลูกหลาน

ต่อยอดจากที่บรรพบุรุษ และเจ้าแผ่นดินสร้างไว้ให้ ถ้าขาดเสียซึ่งพระองค์ท่าน และผู้เสียสละในอดีตเราคงไม่ได้ดูหนังในเมเจอร์ซีนิเพล็กส์

ก็ต้องสานต่อ ด้วยการศึกษา

ปัญญาเท่านั้นที่จะอยู่รอดได้ ทั้งคน ทั้งชาติ

ศัตรูมาเป็นหมื่นแสน ด้วยปัญญาอุบาย เอาชนะได้แม้ข้าศึกมาก

สุดยอดจริงๆ

MK ที่นำเรื่องมาดูแล้ว คงมีหลายตอน ดังนี้

1. ครูจะสอนกันอย่างไรดี

2. จะทำอย่างไร ให้ผู้อำนวยการฯ เป็นครูใหญ่

3. ผู้อำนวยการเขตพื้นที่จะดูแล สนับสนุนครูใหญ่อย่างไร หรือ ใครควรจะมาเป็นผู้อำนวยการเขตพื้นที่

4. นายเหนือผู้อำนวยการเขตควรจะเป็นใคร และดูแล สนับสนุนผู้อำนวยการเขตอย่างไร

(ไม่อยากใช้คำว่ากำกับติดตาม....เพราะเป็นคำพูดที่ดูดี แต่ดูเหมือนจะมีแต่คำพูด)

5. รัฐมนตรีกระทรวงศึกษา ควรทำหน้าที่อย่างไร และอะไรที่ไม่ควรทำ

6. สมศ. ควรจะมีต่อไปไหม ควรจะทำหน้าที่อย่าง

7. สภาการศึกษา ควรทำหน้าที่อย่างไร

8.จะเพิ่มเงิน เพิ่มเกียรติให้ครูอย่างไร เพื่อให้ได้ตามเป้าที่ผมพูดมา และ ONET สูงขึ้นๆ อย่างยั่งยืน

9. ประชาชนจะเลือกผู้แทนอย่างไร ที่ได้ทั้งซื่อสัตย์และ ฉลาด จะได้รัฐบาลที่ทำให้ประชาชนฉลาด ชาติเจิญ

ฯลฯ

อีกหลายวันจึงจะจบ

ท่านใดอยากเสนอแนะอะไร หัวข้อใดก็ได้ หรือจะเป็นหัวข้อใหม่ก็ได้

ก็เชิญทุกท่านนะครับ

มาว่ากันต่อวันละนิด วันละหน่อยนะครับ

ผมคิดว่าถ้าทำหมดทุกเรื่อง ทำไปพร้อมๆ กัน โดยผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ONET จะต้องสูงขึ้นๆๆ อย่างแน่นอน เพราะมีทั้งตัวผลักตัวฉุด แต่คงต้องรอรัฐบาลใหม่ ที่มีนโยบายการระดมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกด้าน มาเรื่อง ละหลายๆ ร้อยๆ คน ให้คิด แล้วมียุทธศาสตร์ Road Map และแผนปฏิบัติการ ของมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดพร้อมๆ กัน ก่อนที่จะลงไปถึงการจัดการเรียนรู้ ตามเป้าหมาย ครับนั่นคือการปฏิรูปการศึกษาครั้งใหญ่ ที่ทำกันทุกส่วน ที่มุ่งความสำเร็จตามเป้าหมาย ที่เป็นคุณลักษณะของนักเรียน ที่ผมกล่าวมา ครับ Mega Project ทางการศึกษา อย่างนี้ คงจะได้อะไรที่มากกว่า ONET ไหมครับ

"ในทุกมาตรฐานการเรียนรู้ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ตามหลักสูตรการศึกษา ขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 นักเรียนจะต้องรู้จริง รู้ลึก รู้กว้าง เชื่อมโยงได้ สร้างองค์ความรู้ ชิ้นงาน ผลงานได้อย่างสร้างสรรค์ นำเสนอ ตอบสนองทุกสถานการณ์ ทั้งในระดับห้องเรียน โรงเรียน เขตพื้นที่การศึกษา จังหวัด ตลอดจนระดับชาติ และนานาชาติได้อย่างมั่นใจ นำไปใช้ประโยชน์ตน และส่วนรวมได้ ตามศักยภาพของแต่ละคน"

เมื่อนำเอาเป้าหมาย ต่อไปนี้มาเป็นตัวตั้ง แล้วต่อไปจะทำอะไร

1. ครูจะสอนอย่างไรกันดี

คำว่าสอนนี้ ต้องแปลว่าการจัดการเรียนรู้ นะครับ

ครูจะจัดการเรียนรู้ได้ดี หรือส่งผลตามเป้าหมายเล็กๆ ที่สอนแต่ละครั้ง หรือ แต่ละเรื่อง หรือ แต่ละตัวชี้วัด หรือ หลายๆ ตัวชี้วัดนั้น ไม่ใช่เพราะครูฝ่ายเดียว แต่จะมีองค์ประกอบสนับมากมาย นับตั้งแต่ห้องเรียน และแหล่งเรียนรู้ทั้งในและนอก โรงเรียน หลักการ กระบวนการจัดการเรียนรู้ สื่อ อุปกรณ์ และตัวช่วยอื่นๆ ที่จะทำให้ นักเรียน รู้จริงในสิ่งที่เรียน ปัจจัยสนับสนุนนี้จะรอให้สมบูรณ์แบบ ด้วย Mega Project ที่ผมกล่าวถึง ไม่ได้ คงต้องอาศัย ครู และความเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนไปก่อนซึ่งจะกล่าวถึงในข้อต่อไป

ครูยุคใหม่ ควรจะมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ต่อไปนี้

1. จัดการรียนรู้ตรงตามมาตรฐาน ตัวชี้วัด ที่มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์สอดแทรกอยู่ด้วย

2. มีการตรวจสอบ และซ่อมเสริมคำใหม่ในบทเรียน ที่ไม่มั่นใจว่านักเรียนจะ เข้าใจอย่างถูกต้อง และทั่วถึง

3. มีคำถามจากนักเรียน จากครู และมีคำชมของครูเป็นระยะๆ

4. จัดการเรียนรู้ได้อย่างน่าตื่นเต้น เร้าใจ

5. มีการผสมผสานวิธีการจัดการเรียนรู้ หลายวิธี เชื่อมโยงไปยังหลายกลุ่มสาระ

6. มีการใช้สื่อ ที่เป็นภาพ เสียง และให้นักเรียนมีการลงมือปฏิบัติ

7. ปรับเปลี่ยน(Transform) วิธีการเร้า และการตอบสนองของนักเรียนเป็นระยะๆ 

8. ท้าทายความสามารถนักเรียนเก่ง

9. นักเรียนได้วิเคราะห์ และสังเคราะห์ความรู้ ตามระดับความสามารถ เก่งมากๆ เก่ง ปานกลาง อ่อน อ่อนปวกเปียก ในทุกกลุ่มสาระ

10. ครูใช้เวลาในการบอกความรู้น้อย นักเรียนใช้เวลาทำกิจกรรมมากกว่า

11. มีการตรวจสอบว่านักเรียนจับความคิดรวบยอด (concept) ของการสอนแต่ละครั้ง หรือ แต่ละเรื่องได้หรือไม่

12. วัดผลประเมินผล จาก การสังเกต สอบถาม สัมภาษณ์ ทดสอบ อย่างเป็น ทางการ ละไม่เป็นทางการ เน้นขณะที่ทำการจัดการเรียนรู้ เพื่อจะได้ซ่อมได้เสริมขณะที่กำลังสอน

13. มีข้อเสนอแนะการปรับใช้กับนักเรียนเก่ง อ่อนไว้ในแผนการจัดการเรียนรู้

14. ใช้ ICT เพื่อการจัดการเรียนรู้

15. ครูยุคใหม่ (ใน 10 ปีข้างหน้า) ต้องไม่รับจ้าง หรือ สอนพิเศษเพื่อเรียกเก็บเงิน จากเด็ก

 

จะสำเร็จได้อยู่ที่ผู้อำนวยการโรงเรียน เห็นด้วย และมองเห็นเป็นความท้าทายสำหรับความเป็นผู้อำนวยการยุคใหม่ ที่บริหารการเรียนรู้ได้อย่างสอดคล้องกับคุณลักษณะของครูยุคใหม่ หรือผู้เป็นครูใหญ่ที่สามารถ นำครู ร่วม เสริมครูได้ ซึ่งภาวะผู้นำ (Leader ship) ของผู้อำนวยการ ต้องมีทั้งเรื่องการบริหารจัดการทั่วไป และ ภาวะผู้นำในการจัดการเรียนรู้ (Learning leadership) เพื่อที่จะเข้าถึงการเรียนรู้ของเด็ก วิธีการจัดการเรียนรู้ของครู ให้ได้ เข้าใจหัวจิตหัวใจของเด็ก และครูให้ได้ และนำไปสู่การพัฒนาครูที่ส่งผลต่อการนำไปพัฒนาเด็กให้ได้ ผู้อำนวยการจึงต้องพัฒนาตัวเอง ในเรื่องหลักการ แนวคิด ทฤษฎี วิธีการสอน เพื่อนำไปช่วยครูด้วยตนเอง หรือร่วมกับศึกษานิเทศก์ ซึ่งมีประสบการณ์ในการดูแลช่วยเหลือทางวิชาการแก่ครูมามาก ที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือวิธีการประชุม อบรมครูของผู้อำนวยการต้องเปลี่ยน โดยนำเอาวิธีการจัดการของเรียนรู้ของครูที่กล่าวถึง มาปรับใช้กับครูอย่างเหมาะสม เพื่อเป็นแบบอย่างของความเป็น Learning Leadership อย่างหนึ่ง

แล้วจะพัฒนาครูยุคใหม่อย่างไร ซึ่งจะขอพูดในตอนต่อไป

มาว่ากันต่อนะครับ

การจะพัฒนาครูให้ปฏิบัติได้ตามที่เสนอไว้ 15 ข้อ คงต้อง ทำความเข้าใจกันในประเด็นต่อไปนี้

 เป้าหมายการพัฒนาคืออะไร

ใครเป็นผู้พัฒนาครู

พัฒนาอย่างไร

การเริ่มต้นพัฒนาเริ่มขึ้นเมื่อใด

 

เป้าหมาย ตามที่ผมเสนอไว้ คือ "ในทุกมาตรฐานการเรียนรู้ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ตามหลักสูตรการศึกษา ขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 นักเรียนจะต้องรู้จริง....…..”

ใครเป็นผู้พัฒนาครู

ณ วันนี้ จะบอกว่าครูที่กำลังประจำการอยู่ในโรงเรียนยังทำตามที่ผมไม่ได้ ก็ไม่ถูกต้อง คิดว่าส่วนหนึ่งต้องทำได้แล้ว ครูแต่ละท่านคงทราบด้วยตัวท่านเอง ผู้ที่จะพัฒนาครูได้ จึงควรได้แก่ตัวครูเองเป็นลำดับแรก และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง นับตั้งผู้อำนวยการโรงเรียน ศึกษานิเทศก์ และบุคลากรในสังกัด เขตพื้นที่ สพฐ. หน่วยงานอื่นๆ ที่ทำงานอย่างประสานสอดคล้องกัน ตั้งแต่ก่อนเปิดภาคเรียนใหม่ มิฉะนั้น อาจจะเป็นเจตนาดีที่ประสงค์ร้ายต่อนักเรียน ที่ต้องไปดึงครูออกมาจากห้องเรียน ในสองสามปีที่ผ่านมาหน่วยงานทั้งหลายก็เบียดบังวันหยุดประจำสัปดาห์ของครู (จนทำให้เครียดทั้งการสอน และเครียดที่ไม่ได้พักผ่อน จน ONET ร่วงกันทั่วประเทศหรือเปล่า) หัวข้อการพัฒนาหลายๆ ข้อใน 15 ข้อ ที่กล่าวถึงผมมั่นใจว่าคุณครู ท่านทำได้อยู่แล้ว ข้อที่อาจยากสำหรับครูหลายๆ ก็น่าจะเป็นเรื่องการใช้ ICT เพื่อการจัดการเรียนรู้ ที่ผู้อำนวยการโรงเรียนจะต้องเข้าไปดูแลช่วยเหลือ ตามที่ผมกล่าวไว้ในเรื่องการนิเทศภายใน : การช่วยเหลือทางวิชาการภายในโรงเรียน http://www.boonyaras.net/index.php?mo=3&art=605586 ด้วยการประชุม อบรม สัมมนา ตามที่ครูต้องการ ใครยังไม่อยากพัฒนาด้วยการรับการอบรม ก็ขอให้พัฒนาตนเอง ด้วยตนเอง ภายใต้การจูงใจ ให้อยากพัฒนา อยากปรับปรุงสารพัดวิธี ที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต้องช่วยกันคิด

พัฒนาอย่างไร

ในฐานะที่ผมเป็นศึกษานิเทศก์ ก็พยายามทำ ตามที่พอจะทำได้ซึ่งอาจ เป็นแนวให้ท่านที่ยังมองไม่เห็นทางได้บ้าง ซึ่งผมได้เล่าไว้แล้วในhttp://gotoknow.org/blog/chatboonya/427015 ว่าผมได้ใช้ ICT เพื่อสนับสนุน ส่งเสริมครู อย่างไรบ้าง ซึ่งท่านอาจนำไปปรับใช้ได้บ้าง ดังนี้

1. การเผยแพร่ข้อเขียน บทความผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตใน http://www.nitesonline.net ทำมาตั้งแต่ปี2545

2. การแลกเปลี่ยน เผยแพร่ แนวคิด แนวปฏิบัติและผลงาน ผ่าน blog นี้ http://www.gotoknow.org/blog/chatboonya

3. เสนอแนะผ่าน forum ใน http://cc.britishcouncil.org

4. การจัดทำโครงการออนไลน์ไว้สนับสนุนการจัดการเรียนรู้ http://eLanguages.org ซึ่งขณะนี้มีอยู่ 6 โครงการ อยู่ในขั้นฝึกหัด

5. ให้คำปรึกษา แนะนำผ่าน email และผ่าน forum ใน http://cc.britishcouncil.org บ้างเล็กน้อย

6. ให้คำปรึกษา แนะนำ ผ่านวิธีการ chat และ video conference http://skype.com http://facebook.com

7. การเยี่ยมห้องเรียนผ่านวิธีการ chat และ video conference ในระดับชาติ และนานาชาติhttp://skype.com

8. การให้การอบรมผ่านวิธีการ chat และ video conference และโทรศัพท์

9. ประเมินตามสภาพจริงผ่านวิธีการ chat และ video conference

10. การประชุม หรือสัมมนาผ่าน forum

11. การจัดงานสาธิตการจัดการเรียนรู้ระหว่างประเทศโดยวิธีการถ่ายทอดสด chat และ video conference

12. การใช้ e-mail ให้คำปรึกษาแนะนำ

13. การทำเว็บไซต์ ที่ยังเป็น “แบบอนุบาลๆ เว็บมาสเตอร์” http://boonyaras.net

 

ในปัจจุบัน ICT เพื่อการจัดการเรียนรู้ก้าวไปข้างหน้าทุกวัน คงต้องจัดทำหลักสูตรการพัฒนาครู ไว้อย่างหลากหลายเพื่อให้เลือกใช้ เช่น การใช้เว็บไซต์เพื่อการสอน ซึ่งผมลองทำลิงค์ไว้ให้บางเว็บไซต์ ท่านลองคลิ๊กเข้าไปดู

ใน ดูความเก่งของเด็กไทย http://www.niets.or.th/

ความเก่งของเด็กไทยจากศูนย์ GPA http://gpa.moe.go.th/

โทรทัศน์ครู http://www.thaiteachers.tv/

เรียนอังกฤษกับคริสต์ http://www.chrisdelivery.com/

คลังสื่ออนุบาลประถม http://www.karn.tv/

คลังความรู้โรงเรียนในฝัน http://www.curric.net/

ห้องเรียนข้างเคียง http://cc.britishcouncil.org/node/851

สอนร่วมกับเพื่อนครูทั่วโลก http://www.elanguages.org/view_profile.php

หรือ จะเลือกหาสื่อการสอน และบริจาคสื่อการสอนที่ทำไว้ ก็คลิ๊กรับ คลิ๊กส่งในเว็บไซต์ ที่ท่านอาจารย์จงภพ ชูประทีป นำจาก 26 แกนนำ ICT โรงเรียนในฝัน มาไว้บริการใน http://202.143.130.117/26ict/media/SearchForm.asp

ตลอดจนเว็บไซต์อื่นๆ การเริ่มต้นพัฒนาเริ่มขึ้นเมื่อใด ในการประชุมอบรมเตรียมความพร้อมสำหรับเทอมหน้า ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ผมได้เรียนถามที่ประชุมผู้อำนวยการ รองฯ หัวหน้ากลุ่มสาระใน 42 โรงเรียนมัธยม ในจังเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอนว่า เป็นได้ไหม ที่จะสนับสนุนครูให้ ใช้ ICT ในการจัดการเรียนรู้ แบบพื้นๆ ในภาคเรียนหน้า ปีการศึกษา 2554 ดังนี้

1. มีจอภาพ และอินเตอร์เน็ตไว้ หลายห้อง

2. มีฮาดดิสต์ แบบพกพาให้ครูใช้คนละก้อน จะได้เก็บสื่อ ICT ไว้ใช้ ใครต้องการ ก็ขอให้เก็บสื่อไว้อย่างเป็นระบบ สอนวิชา……. ตัวชี้วัดที่สอน……… สื่อที่ใช้

-จากเว็บไซต์…….

-จาก ฮาดดิสต์

3. มีข้อสอบที่จะใช้วัดผล อาจรวบรวมมาจาก ข้อสอบ ONET เก่าๆ หรือ และทำเพิ่มเติม ให้นักเรียนได้ทดสอบ และสอบซ้อม ไปบ่อยๆ ( ทดสอบเสร็จ ก็ให้นักเรียนมาช่วยกันเฉลยแบบสาธยายก่อนเลือกคำตอบตอบเหมือนที่ใช้กันในเกมโชว์ ใน ทีวี) ก่อนสอบ ONET (แล้วให้มันรู้ไปซิว่า ONET จะไม่ขึ้น) การทดสอบ หรือ การประเมินผล พยายามใช้หลายวิธี โดยเฉพาะการสังเกต และเสริมขณะสอน ทั้งที่เป็นเด็ก เก่ง กลาง และอ่อน ทดสอบเสร็จแล้ว รายงานผลการทดสอบ แบบง่ายๆ ไม่เป็นภาระมาก ผ่านอินเตอร์เน็ตโรงเรียนได้ก็จะดี จะได้เป็นสาระสนเทศสำหรับดูแลช่วยเหลือของฝ่ายวิชาการ โดยไม่ต้องรอไปจนถึงปลายภาคเรียน ซึ่งก็มักสายไปเสียแล้วทุกปีไป

การครูให้ใช้ ICT ระดับที่สูงขึ้น ๆ ต้องให้ท่านผู้รู้จริงรู้ลึก จัดทำหลักสูตร จัดวิทยากรไว้รองรับความต้องการของครูต่อไป ซึ่ง ณ วันนี้ หลายๆ โรงเรียนก็ทำไปบ้างแล้ว โดยเฉพาะโรงเรียนขนาดใหญ่

 วันนี้คงไว้แค่นี้ก่อนนะครับ

สวัสดีค่ะท่าน ศน. นับว่าเป็นสิ่งที่ครูรุ่นเก่า เรียนหลักสูตรเก่า มาพัฒนาสู่ยุคใหม่ที่มีเทคโนโลยีมากมายเข้ามา ครูอายท่าน ศน. มากกว่าที่ทำเว็ปไซต์แบบท่านไม่ได้ http://boonyaras.net เหตุผลคงเพราะมีภาระงานสอนมาก

เรียนคุณครู รินดา ที่พูดถึงเว็บไซต์ของผมนั้น ทำให้ผมต้องเขียนอย่างนี้ คลิ๊กไปดูนะครับ http://www.boonyaras.net/index.php?mo=5&qid=678194

สืบเนื่องจาก เรื่อง "ไปทาน MK แล้ว คะแนน ONET จะสูงขึ้นได้จริงหรือไม่" ทำให้ คุณครูปริญญา มาชวนไปคุยกับคณะนักศึกษาว่าที่มหาบัณฑิต และ ทำให้ต้องไปพูดถึง เรื่อง การพัฒนาครูยุคใหม่ใน http://www.boonyaras.net/index.php?mo=3&art=612472   ซึ่งก็เกี่ยวข้องกับ หัวข้อ "1. ครูจะสอนกันอย่างไรดี" ขอเชิญทุกท่านลองคลิ๊กเข้าไปพิจารณา อาจจะช่วยให้ได้คำตอบว่า ไปทาน MK แล้ว ONET จะสูงขึ้นได้จริง หรือไม่ ลองดูนะครับ

สวัสดีค่ะท่าน ศน .อิอิอ่านแล้วก็อยากไปทาน MK แต่เอ๊ที่ยะลาจะมีให้ลิ้มลองยังเน้อลืมดู

ตอนนี้มีห้างโคลีเซี่ยมแล้ว ถ้าไม่มีคงต้องไปหาดใหญ่55

ทำใจแล้วค่ะ ที่โรงเรียนคะแนนโอเน็ตจอดไม่ต้องแจวเด็กไม่ถึงสิบยังทำข้อสอบไม่ผ่านอีก

ตอนที่ประชุมครูท่านผอ.คนสวยถามคณะครูว่าแล้วนี่ถ้าเวลาที่ผอ.ต้องไปที่เขตพื้นที่ ผอ.จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนดีนิ 555

ก่อนปิดจัดชั้นเรียนครูก็เกี่ยงกันว่าใครจะลงไปสิงอยู่ป.6 จนผอ.ฟันธงสั่งตั้งครูประจำชั้นส่วนวิชาต่างๆก็ให้ครูคนอื่นไปสอนเพื่อจะได้ร่วมกันรับกรรมจากผลการสอบโอเน็ตในปีกศ.54 อย่าว่าแต่โอเน็ตเลยค่ะคุมสอบลาสกับเอ็นทีก็ปวดเศียรเวียนเกล้า

สวัสดีครับ คุณครู วิญญาณ  ครับ..... ก็ทำไปเท่าที่ทำได้นะครับ  การทำให้ ONET สูงขึ้น ต้องรับผิดชอบกันตั้งแต่ รัฐมนตรี เลขา สพฐ  ผอ. เขต ผอ. โรงเรียนและครู  ใครมีหน้าที่อะไร ก็ลงมือทำ  ทำกับปากไม่พอ คิด เขียน อ่าน ปฏิบัติการ  เป็นครูก็ พยายามสอนให้ดีขึ้น พยายามใช้สื่อหลากหลายให้นักเรียนเข้าถึงความรู้มากขึ้น  รู้จริงมากขึ้น  เป็นรัฐมนตรี ก็คิดอะไรให้คมๆ  คิดทำในสิ่งที่ยังไม่เคยทำ ให้เป็นนโยบายที่ฉลาด ๆ กำกับติดตาม ยกย่อง เลขา สพฐ. หรือ ไม่ก็ปลดออก  ถ้า ONET ไม่ดีขึ้น 5555) เลขา  สพฐ. ก็ควบคุมดูแลสำนักต่าง ๆ ให้ทำงานให้คม ๆ  มีที่ปรึกษาภายนอกมาช่วยบ้าง  (เจ้าของห้าง MK ก็ได้  555 หรือ จะมีอยู่แล้ว ก็เป็นได้ ไม่แน่ใจเพราะ ONET ยังไม่น่าพอใจ)  และให้สำนักต่างๆ ทำงานอย่างประสานสอดคล้องกัน ตามนโยบายที่ฉลาดๆ ของรัฐมนตรี ที่มาจากที่ปรึกษาซึ่งทุกรัฐมนตรีท่านก็มีอยู่แล้ว    ผอ. เขต ก็ต้องสนใจไปเยี่ยมให้ขวัญกำลังใจ  ดูแลให้ ศน. ได้ช่วยเหลือครู วันไหนไปไม่ได้ ก็ใช้ skype ไปเยี่ยมห้องเรียน (skype หรือ โปรแกรม conference อื่น)    วันไหนครูไปโรงเรียนไม่ได้ ฝนตก ก็สอนผ่าน skype (สำหรับโรงเรียนที่มี internet)   ผอ. โรงเรียน   ก็ต้องอำนวยการ อำนวยความสะดวก ให้ครูในเรื่อง สื่อการสอน ยุคนี้ก็ต้องเป็น สื่อ ICT   เข้าไปแจมการสอน กับคุณครูบ้าง ให้เด็กๆ เล่าให้ฟังบ่อย ๆ  เรียนอะไรไปบ้าง รู้อะไรบ้างจากที่เรียนไปทั้งขณะอยู่ในห้องเรียน หรือนอกห้องเรียน  จะได้รู้ซึ้งว่าจะช่วยครูอย่างไร  สรุปว่าให้ทุกคนทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด  ผมใน ฐานะ  ศน. ก็ทำเว็บไซต์แบบอนุบาลๆ  ไว้ช่วยบ้างเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นความพยายามของผม  ลองเข้าไปดูนะครับ http://boonyaras.net      เท่านี้ก่อนนะครับ ขอบคุณครับ ที่ถามมา  (ผมหาคนถาม คุยผ่านเน็ทยากจริง ๆ  ต้องขอบคุณที่พูดคุยเข่ามาครับ) 

ไม่ได้เข้ามาหลายวัน MK ยังไม่จบ ได้แค่ตอนเดียว   ตอนที่ 2 จะทำอย่างไร ให้ผู้อำนวยการฯ เป็นครูใหญ่  

 วันนี้มาต่อกันสักนิดนะครับ

 ผมเคยทราบมาว่า ครูใหญ่อังกฤษเขา ต้องมาจากครูที่สอนดีเท่านั้น  ใครที่ไม่ชอบสอน เก่งเรื่องคน เก่งเรื่องงานโดยทั่วๆไป    ไม่พอ  ต้องเก่งเรื่องการสอนเท่านั้น การสอบเป็นครูใหญ่ก็ไม่พอ  ต้องเก่งจริงมานานปี ถึงจะเป็นครูใหญ่ หรือ Director ได้  Director ต้องแปลว่าอำนวยการสอน  สอนไม่เป็นแล้วมาอำนวยการ 5555 ONET ก็น่าจะจอดไม่แจว  แต่ ณ วันนี้ ก็ไม่ว่ากันสำหรับท่านที่สอนไม่เก่ง แต่ต้องรับภาระเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน   ขอเพียงเพิ่มบทบาทเป็นผู้อำนวยการการเรียนรู้ ให้เข้มขึ้น   ก็พอแล้วหาตัวช่วยมาช่วยมาก ๆ ก็น่าจะไปได้    ศน.ก็ได้  ถ้าคิดว่า ศน.ไม่เก่ง ก็ช่วยให้เก่ง ด้วยการให้งานมากๆ  ศน. ก็จะได้เก่งขึ้น ๆ   ถ้าไม่เก่งขึ้นครูต้องช่วยกันสอยลง 5555  ถ้าทำอะไรได้ไม่มากขอเพียง ที่ผมกล่าวไว้แล้วคือ คออำนวยความสะดวก ให้ครูในเรื่อง สื่อการสอน ยุคนี้ก็ต้องเป็น สื่อ ICT  สำหรับโรงเรียนที่ไม่ใหญ่มากนัก  เข้าไปแจมการสอน กับคุณครูบ้าง ให้เด็กๆ เล่าให้ฟังบ่อย ๆ  เรียนอะไรไปบ้าง รู้อะไรบ้าง คุยกับเด็กๆ นอกห้องเรียนให้ได้ วันละคนสองคนก็ยังดี  จะได้นำไปคุยกับคุณครูตอนเปิดประชุมประจำเดือน หรือ คุยกับรองฯ  และก็อาจให้รองฯ ทุกคนทำหน้าที่อย่างนี้ด้วย ก็จะดีมากๆ  เพราะเป็นการกำกับติดตามวิธีหนึ่ง จะได้นำคำตอบของเด็กๆ มาชมครู หรือ ช่วยเหลือครู  ที่สำคัญคือการสร้างวัฒนธรรมการอำนวยการเพื่อการเรียนรู้ที่ดีกว่าขึ้นในโรงเรียน  ไว่แค่นี้ก่อนนะครับ 

ที่โน่นท่าน ศน.หลายท่านเก่งมีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่

โดยเฉพาะท่านศน.จำรูญ เรืองขจร   ศน.จิราภรณ์ ก่อเกียติยากุล   ศน.ภรณี สุวารักษ์  ศน.เนตรนพิชญ์ จำปาทองเทศ นี่เป็นกันเองและใจดีมากค่ะ

สวีสดีครับ คุณครูวิญญาณ

ก็แสดงขอแสดงความยินดีด้วย เพราะฉนั้น โรงเรียนก็ต้องใช้ ศน.มากๆ  ยิ่งเก่งมากใจดีมาก ท่านก็อยากช่วยมากๆ อยู่แล้ว  แต่จะให้ช่วยอะไร อย่างไร  ทั้งครู และ ผอ.โรงเรียน ก็ต้องคิดให้การบ้านท่านไว้ล่วงหน้า ไว้สักหนึ่งเดิอนก็จะดีมาก ๆ  เพราะคนเก่งๆ มักจะงานเข้าตลอด  หรือ จะข้ามประเทศ ให้ผมมากับ skype ถึงในห้องเรียนบ้างก็ยังได้ 555  ไปต่างประเทศกับวิธีการนี้มาแล้วพอสมควรก็พอไปได้  แม้จะไม่เต็มร้อยขาดๆ หายๆ คุยบ้าง chat บ้างก็พอจะสร้างแรงจูงใจ ให้แนวคิด แรงบันดาลใจกับนักเรียนได้ ที่ต้องไปต่างประเทศนั้นเพราะหาครูไทยที่ออนไลน์ได้ยากมาก นอกจากขาประจำเพียงสองสามคน และในอนาคต อีก 5-10 ปีข้างหน้าวิธีการนี้จะต้องมีมากขึ้นๆ อย่างแน่นอน 

เรียน ท่าน ศน.ที่เคารพยิ่ง

ได้ติดตามงานของท่านมามากมาย ในเรื่องการนิเทศ และรูปแบบการคิด แปลก ลึกซึ้ง น่าติตามค่ะ เป็นนักวิเคราะห์ สังเคราะห์ได้ยอดเยี่ยม ชื่นชมด้วยใจจริงค่ะ นึกมาถึงตอนนี้ทำอย่างไร.... จะมีครูดี เก่ง ทำอย่างไร...จะมีผู้บริหารมืออาชีพ มองได้ทะลุทุกแง่มุม ทำอย่างไรโรงเรียนจะเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ที่แท้จริง รู้สึกหมดหวังยังไงก็ไม่รู้ค่ะ กับการจัดการศึกษาในปัจจุบัน

อ่านข้อมูลประวัติท่าน ศน.บางส่วน เห็นว่าช่วยราชการโครงการ RIT ดิฉันก็เคยไปช่วยหลายครั้งในการปรับปรุงหนังสือ RIT ปี 26 -27 ประมาณนี้ค่ะ ชอบรูปแบบของบทเรียนของโครงการนี้ จนสมัยนั้นนำมาทำเป็นนวัตกรรม ของตนเองและได้รายงานเลื่อนตำแหน่ง อ.3 สมัยนั้นด้วยค่ะ

ขอบพระคุณสำหรับบทความดี ๆ ที่ได้ถ่ายทอดให้ลูกศิษย์ได้อ่านและเก็บเกี่ยวเป็นความรู้และประสบการณ์ในการทำงานและจะติดตามต่อไปเรื่อย ๆ ค่ะ

ด้วยความเคารพยิ่ง

ธีรสุดา มุลทากุล

ร.ร.บ้านหินลาดวังตอ สพป.ขอนแก่น เขต 1

เรียนคุณครู ธีรสุดา ขอบคุณครับที่เข้ามาพูดคุย อย่าเพิ่งหมดหวังครับ การศึกษาจะไปในลักษณะกดปุ๊บติดปั๊บคงยาก แค่ ฟัง อ่าน พูด อ่านเขียน นี่ก็ยาก อ่านเราก็เก่งขึ้นเว็บไซต์ของผม http://boonyaras.net หรือ แม้ในที่โกทูโนนี้ ก็มีคนเข้ามาอ่านบ้างตามที่เห็น เข้ามาเขียนก็เท่าที่เห็น ครูธีรสุดาเข้ามาเขียนนี่ก็ถือว่าสุดยอดครูครับ การอ่านนี่มีใครเคยบอกว่าคนไทยอ่าน 2 บรรทัดต่อคน ต่อปี จริงหรือเปล่าไม่ทราบ ผมนั่งเครื่องบินจากเชียงใหม่ไปกรุงเทพบ่อยๆ เห็นฝรั่ง นั่งอ่านกันแทบทุกคน คนไทยนั่งหลับกันเป็นแถวๆ เราก็พยายมกันต่อไป เขียนมาอีกนะครับ เพราะช่วยให้ผมนึกออกว่าจะเขียนอะไร

ขอบคุณมากครับ ชัด

โอ.....ดีใจมากที่ไดพบศิษย์เก่า RIT ที่ขอนแก่น  ที่จำได้เพราะเคยทำงานด้วยกัน คือ ท่าน ศน.สุคนธ์ คงเกษียณไปแล้ว ผมอยู่เชียงใหม่ ก็ยังพบท่านอาจารย์นวลจันทร์ โพทา ผอ.RIT ในอดีต กระทรวงศึกษาธิการลืมท่านไปแล้ว ท่านไปอยู่ทำงานให้กระทรวงสารสุขครับ อายุ73 สมองยังใส เดินได้แคล่วคล่อง ว่องไว คงเพราะทำบุญด้วย RIT มามาก ผมโชคดีได้เรียนได้รู้อะไรต่ออะไรจากท่านมากมาย

สวัสดีครับ

สวัสดีค่ะอาจารย์

พึ่งเข้ามาอ่านตอนตามลิ้งค์ที่อาจารย์แปะไว้ในกลุ่มเรา สนุกดีค่ะ อ่านจนจบมาถึงตรงนี้เลย ว่าแล้วก็อยากเป็นครูต่ออีกซัก 5 ปี น่าจะสอนกันม่วนนะคะ ทั้งนี้ ผอ คงต้อง support เราให้มีเครื่องมือสืบค้น และ สื่อสารดีๆ + พอเพียงสำหรับเด็กๆ เราด้วย รร ใหญ่ อย่าเรายังทำไม่ได้เลย รร เล็กๆ ตามหัวไร่ปลายนา ก็คงอีกไกล จริงๆ แล้วหาก hardware พร้อม แต่ครูไม่พร้อมก็เป็นอุปสรรคสำคัญค่ะ งานใดๆ อยู่ที่ครูมีใจเกินร้อยรึเปล่าเท่านั้นค่ะ พิสูจน์มา36 ปี 555

ศน ก็ต้องเกินร้อยเช่นกัน แบบอาจารย์ล่ะค่ะ หาไม่ง่ายเลย แล้ว ONET จะขึ้นได้ยังไงน้ออออ....

Take care ka

Sawat

ศกุนิชญ์ พิพัฒน์พงศ์

เรียนท่านศน.ชัด

ชอบทานMK.มากค่ะ เหมือนวิธีสอนหนังสือค่ะ มีหลากหลายกระบวนท่าอยู่ในช่วงเวลานั้น ยอมรับเลยว่าอาจารย์ช่างมีเวลาหาสิ่งดีๆมาให้ครูอ่าน เสียดายเวลานี้ มีครูบางคนที่แสวงหา พัฒนาตัวเอง และเจอะเจอสิ่งที่ใช่ ส่วนใหญ่ก็็ชิงออกไปก่อน เพราะไม่รู้ด้านICT

วันก่อนรับการตรวจเยี่ยมจากอาจารย์และคณะศน.อีกหลายท่านในฐานะครูหัวหน้ากลุ่มสาระฯ เราคุยกันเรื่องการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ของครูผู้บริหารทั้งระบบ อาจารย์คะ จะทำอย่างไรให้ครูส่วนใหญ่ชอบทานMKและคิดได้ หรือเป็นอย่างที่ท่านเปรียบเปรยไว้ค่ะ.....คงยากนะคะ ...อยากบอกว่าผัดไทยกุ้งสดในวันนั้นกับMK.สุกี้ แตกต่างกันมากเลย...ขอฝากทุกท่านที่เป็นศน.ตรวจเยี่ยมพวกเราบ่อยๆ อย่างน้อยก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นค่ะ ถ้ามีเวลาจะติดตามผลงานของอาารย์อีก สวัสดีค่ะ

ครับ ทิ้งช่วงมาราวหกเดิอน เมื่อว่าน 29 ตุลาคม 2554 กลับไปทาง MK อีก ต่างสาขากับคราวที่แล้ว ยังอร่อยเหมือนเดิม ทาน MK ใครไปทานคนเดียวบ้างไหม คงเป็นแฟนคลับที่หลงไหลจริง ๆ ชนิดติด MK จริง ๆ ถึงไปทานคนเดียว ใช่ไหมครับ เมื่อวานครบทีมสามคน ลูกชายที่อพยพจากน้ำท่วมกลับมาบ้านชวนไปทานกันอีก ไปถึงคนสั่งก็สั่งอาหารกัน ผมอ่านของแถมจากกระดาษรองจานเพลินไปเหมือนกัน ได้อร่อยได้ทั้งความรู้ คุ้มค่าหกร้อยครับ

MK เขาดีได้เพราะดีไซน์ หรือออกแบบการบริการที่ประกันคุณภาพได้ในทุกจุด จุดเดียวที่ไปทุกครั้งแล้วไม่แตะทุกครั้ง คือข้าวโพดชิ้นเล็กๆ ที่มากับจานผัก เด็ก ๆ ตงชอบมั้ง MK เขาคงวืจัยมาแล้ว

- เข้ามาหน้าร้าน เห็นตัว MK ตัวใหญ่ ๆ จูงใจให้ใคร ๆ อยากทาน..........แล้วจะทำป้ายโรงเรียนอย่างไร ที่ชวนให้ส่งลูกเรียนก็คงต้องอาศัยการดีไซน์

- ที่นั่งกั้นเป็นสัดเป็นส่วน รู้สึกเป็นส่วนตัว.......... ไม่เหมือนห้องสำนักงาน ห้องพักครูของโรงเรียนทั่วไปที่ใครพูดขึ้นมา หรือ เข่ามาเยี่ยมเยียนสักคน สมาธิทำงาน ตรวจการบ้ายเด็กของสมาชิกที่นั่งรวมอยู่ด้วยหายไปหมด

- โต๊ะอาหารใช้หินแกรนิตสีออกดำเหมือนกันหมดทุกสาขา ตรงกลางวางหม้อปรุง สีสวนสดใส เขียนไว้ข้างๆ ว่า ครบรอบ 25 ปี.............ถ้าโต๊ะเรียนดีไซน์ใหม่บ้างให้เหมาะกับเด็กตัวเล็กตัวโต นั่งสะดวก จูงใจให้รัก ไม่ขีดเขียน ก็น่าจะที่จะทำได้อีกใช่ไหมครับ

- จานอาหารก็ดีไซน์ น้ำจิ้มก็ดีไซน์ คำพูดก็ดีไซน์ของพนักงานตอน ." โอกาสหน้าเชิญอีกอีกนะครับ/ค่ะ." ..........ถ้าโรงเรียนดีไซน์สื่อการเรียนการสอน อุปกรณ์การทำงานให้ดี ๆ แนวที่ MK เขาทำอาหารดีมีคุณภาพชนิดรอคิวเข้าไปทาน ONET / NT ก็น่าจะมีโอก่าสขึ้นแล้วขึ้นอีกใช่ไหมครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท